ยกศก.พอเพียง ทำตลาดลำพูน! โชว์เอกสารองค์การตลาดของบพรวด28ล.(เดิม8ล.)-อนุพงษ์จัดให้
"...รัฐบาลปัจจุบันได้กำหนดทิศทาง ในการพัฒนาประเทศ คือ "ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัญชาของเศรษฐกิจพอเพียง" เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนไทยมีความสุข และตอบสนองต่อการบรรลุซึ่งผลประโยชน์ของชาติ ในการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างรายได้เพิ่มให้กับประชาชน และพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว นอกจากนี้ ยังสร้างความสุขให้คนไทยมีความมั่นคง มีความเสมอภาค และเป็นธรรมในการดำเนินชีวิต โดยสามารถที่จะแข่งขันได้ในระบบเศรษฐกิจรากหญ้า และมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศไปสู่ Thailand 4.0.."
วงเงินเดิม 8,528,460 บาท ขอปรับเพิ่มเป็น 28,362,060 บาท
คือ ประเด็นสำคัญ ของ โครงการศูนย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจฐานราก สาขาลำพูน 1 ใน 3 โครงการ ที่องค์การตลาด จัดทำรายละเอียดโครงการเพื่อขอรับการสนับสนุนงบกลางรายการค่าใช้จ่ายส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศ ประจำปีงบประมาณ 2560 (อีก 2 โครงการ คือ โครงการศูนย์กระจายสินค้าเกษตรปลอดภัยกรุงเทพมหานคร สาขาตลิ่งชัน วงเงิน 50,871,408.76 บาท และ โครงการศูนย์กระจายสินค้าเกษตรปลอดภัยภาคตะวันออก วงเงิน 42,853,999.30 บาท รวมวงเงินกว่า 122 ล้านบาทเศษ)
ที่กำลังเกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์อยู่ในขณะนี้ ทั้งในเรื่องการปรับเพิ่มวงเงินจากงบเดิมที่ตั้งไว้จำนวนมากอย่างผิดสังเกต และความคุ้มค่าการลงทุนหลังจากได้รับอนุมัติงบประมาณไปแล้ว
ว่าจะช่วยส่งเสริมและสร้างความเข้มแข็งเศรษฐกิจภายในประเทศได้จริงหรือ?
(อ่านประกอบ : วิจารณ์ขรม!องค์การตลาด ดัน3โครงการใช้งบกระตุ้นศก.122ล้าน-เพิ่มเงินลำพูนพรวด28ล.)
เบื้องต้น สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบเอกสารประกอบการนำเสนอขออนุมัติโครงการฯ นี้ ขององค์การตลาด ที่ยื่นต่อกระทรวงมหาดไทย พบว่า มีอยู่จำนวน 7 แผ่น
แบ่งเป็น รายละเอียดโครงการ จำนวน 3 แผ่น รูปภาพกิจกรรม 3 แผ่น และรายชื่อผู้รับผิดชอบโครงการจำนวน 1 แผ่น
แสดงหลักการและเหตุผล ในการดำเนินโครงการว่า รัฐบาลปัจจุบันได้กำหนดทิศทางในการพัฒนาประเทศ คือ "ประเทศมีความมั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน และเป็นประเทศพัฒนาแล้ว ด้วยการพัฒนาตามหลักปรัญชาของเศรษฐกิจพอเพียง" เพื่อนำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิตให้คนไทยมีความสุข และตอบสนองต่อการบรรลุซึ่งผลประโยชน์ของชาติในการที่จะพัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างรายได้เพิ่มให้กับประชาชน และพัฒนาประเทศให้เป็นประเทศที่พัฒนาแล้ว
นอกจากนี้ ยังสร้างความสุขให้คนไทยมีความมั่นคง มีความเสมอภาค และเป็นธรรมในการดำเนินชีวิต โดยสามารถที่จะแข่งขันได้ในระบบเศรษฐกิจรากหญ้า และมุ่งเน้นการพัฒนาประเทศไปสู่ Thailand 4.0 โดยการส่งเสริมการพัฒนาอาชีพ ฝึกวิชาชีพ ให้แก่ประชาชน เพื่อยกระดับรายได้ให้ประชาชนที่ประสบปัญหาผลผลิตทางการเกษตรมีราคาตกต่ำ ระบบการตลาด และระบบ Logistics ที่ไม่เอื้ออำนวย ซึ่งปัญหาเหล่านี้ ได้ส่งผลกระทบต่อชีวิตและความเป็นอยู่ของชาวลำพูน และจังหวัดที่อยู่ใกล้เคียงมาตลอด
ดังนั้น องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย จึงได้จัดทำโครงการพัฒนาปรับปรุงตลาดสาขาลำพูนให้เป็นศูนย์ขับเคลื่อนเศรษฐกิจรากหญ้า โดยจะมีการจัดตั้งตลาด Green Maket จัดทำศูนย์ฝึกวิชาชีพ และการจัดทำห้องเย็นซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่จะเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดจำหน่ายสินค้าผลิตผลภาคเกษตรกรรม และสินค้าแปรรูปทางการเกษตรเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าเกษตรปลอดภัยให้เป็นสินค้าที่มีคุณภาพ พร้อมทั้งสนับสนุนศูนย์ฝึกวิชาชีพของคนในชุมชน เพื่อสร้างเสริมให้ชุมชนมีความมั่นคง เข้มแข็ง ประชาชนมีรายได้เพิ่มและมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นอีกทางหนึ่งด้วย
ระบุเป้าหมาย ไว้ 3 ข้อหลักๆ คือ 1. มีศูนย์การเรียนรู้ไว้สำหรับฝีกวิชาชีพในการสร้างงานสร้างอาชีพที่ดี 2. เป็นศูนย์กลางในการเชื่อมโยงผลผลิตทางการเกษตร และ มีตลาด Green Maket ในการเชื่อมโยงสินค้า และกระจายสินค้า
กำหนดการดำเนินงาน ภายในปีงบประมาณ 2560 แยกเป็น เตรียมการ มี.ค.-พ.ค.2560 , ดำเนินการ มิ.ย.-ก.ค.2560 และ ประเมินผล ส.ค.-ก.ย.60
งบประมาณที่ต้องใช้ ขอรับเงินอุดหนุนจากกระทรวงมหาดไทย และจังหวัดลำพูน เป็นจำนวนทั้งสิ้น 28,362,060 ล้านบาท
ผู้รับผิดชอบ โครงการ คือ องค์การตลาด กระทรวงมหาดไทย สาขาลำพูน และบริษัทประชารัฐรักสามัคคีลำพูน จำกัด
ประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับ หลักๆ คือ มีสถานที่จัดจำหน่ายสินค้าเพิ่มช่องทางการตลาด ให้แก่ชุมชน ที่ประกอบอาชีพด้านเกษตรปลอดภัย และสินค้าแปรรูปทางการเกษตร OTOP ตลาด Green Maket มีศูนย์การเรียนรู้ไว้สำหรับฝึกวิชาชีพในการสร้างงานสร้างอาชีพที่ดี องค์การตลาด และประชาชาชนมีรายได้เพิ่ม สร้างความสามัคคี ความเข้มแข็ง ยั่งยืนให้แก่เศรษฐกิจฐานรากตามแนวทางประชารัฐ ตามหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน มีพื้นที่สำหรับแก้ปัญหาพืชผักผลผลิตทางการเกษตรที่ล้นตลาด มีการเก็บพืชผักในห้องเย็น
ท้ายสุด องค์การตลาดเป็นที่รู้จักของประชาชนมากขึ้น (ดูเอกสารโครงการบางส่วนประกอบ)
ล่าสุด จากการตรวจสอบพบว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้ลงนามอนุมัติเห็นชอบไปแล้ว ตั้งแต่เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2560 ที่ผ่านมา
ส่วนการดำเนินงานโครงการนี้ เมื่อได้รับงบประมาณสนับสนุนไปแล้วจำนวน 28 ล้านบาท จะประสบความสำเร็จหรือไม่? จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ คุ้มค่ากับเม็ดเงินที่มาจากเงินภาษีประชาชนได้จริงหรือไม่?
สุดท้ายนี้ คงต้องให้ประชาชนคนไทยทุกคนร่วมกันพิจารณาติดตามตรวจสอบ โดยเฉพาะ 'คนในจว.ลำพูน'