ย้าย4บิ๊กพศ. เปิดทางบี้ทุจริต
ผอ.สำนักงานพระพุทธศาสนาฯ ย้าย 4 บิ๊กข้าราชการ พศ.เปิดทางสอบทุจริตเงินอุดหนุนวัด วิจารณ์หึ่ง “บุญเลิศ” ผอ.กองพุทธศาสนศึกษา อดีตกรรมการสอบลงทัณฑ์บน รอง ผอ.พศ. บกพร่องโอนเงินวัดภาคใต้ปี 59 โดนโยกไปเป็น ผอ.พศจ.ลำปาง สลับเก้าอี้คนเก่าที่มีวัดถูกขึ้นบัญชีสอบถึง 5 แห่ง ตำรวจ ปปป.เดินหน้าดำเนินคดี 4 ผู้ต้องหา เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี จ.อำนาจเจริญ โต้วัดไม่มีส่วนทุจริตเงินอุดหนุน แฉได้รับ 3 ล้าน แต่โดนทอนคืนถึง 50 เปอร์เซ็นต์ อ้างเอาไปช่วยเหลือวัดภาคใต้ หลังเกิดเรื่องถึงกับเครียด
หลังจากมีการเปิดเผยวัด 12 แห่งทั่วประเทศทุจริตเงินงบประมาณอุดหนุนวัดจากสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) ประกอบด้วย 1.วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา 2.วัดพระพุทธบาทตากผ้า จ.ลำพูน 3.วัดห้วยตาแกละ จ.เพชรบุรี 4.วัดราชบุรณะ (วัดนอก) จ.ชุมพร 5.วัดโพธิ์ศรี 6.วัดโคกเลาะ 7.วัดพระศรีเจริญ จ.อำนาจเจริญ 8.วัดวัฒนาราม 9.วัดหาดปู่ด้าย 10.วัดทุ่งต๋ำ 11.วัดบ้านอ้อ และ 12.วัดอุมลอง ทั้ง 5 แห่งอยู่ จ.ลำปาง ตรวจสอบพบว่าหลังให้เงินอุดหนุนวัดดังกล่าวแล้ว มีการขอเงินทอนหรือคืนเงินเพื่อช่วยเหลือโครงการต่างๆ กระทั่งสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ประสานตำรวจ บก.ปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) บุกค้นบ้านอดีตผู้บริหารสำนักงานพระพุทธศาสนาฯ และข้าราชการระดับสูงของ พศ.ที่อาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทุจริต
ต่อมาวันที่ 16 มิ.ย. พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) เปิดเผยถึงความคืบหน้ากรณีตำรวจ บก.ปปป.บุกค้นบ้านอดีต ผอ.พศ. และผู้บริหารระดับสูงของพศ. คาดว่าเกี่ยวข้องกับการทุจริตเงินอุดหนุนงบประมาณบูรณปฏิสังขรณ์วัดกว่า 60 ล้านบาท ว่า ขณะนี้ได้ ลงนามคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงแล้ว ส่วนที่ตำรวจ ปปป.แจ้งผู้ต้องหามาทั้งหมด 4 คน ในจำนวนนี้เกษียณอายุไปแล้ว 1 คน คืออดีต ผอ.พศ. ส่วนอีก 1 คน ออกจากราชการไปแล้ว ที่เหลืออีก 2 คน ยังอยู่ในระบบราชการ ในตำแหน่งบริหารระดับสูง แบ่งเป็นระดับ 9 จำนวน 1 คน และระดับ 8 จำนวน 1 คน และให้บุคคลทั้ง 4 ไปรับทราบข้อกล่าวหากับทาง ปปป. ภายในวันที่ 16 มิ.ย. ทราบว่ามีผู้บริหารระดับ 8 เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาแล้ว ส่วนผู้บริหารระดับ 9 ยังไม่ได้เข้าไปรับทราบข้อกล่าวหาก็เป็นสิทธิของผู้ที่ถูกกล่าวหา ขณะเดียวกัน พศ. ได้ส่งเอกสารการโอนเงินรายปีให้วัดที่เกี่ยวกับรูปคดีไปให้ ปปป. เช่น สลิปการโอนเงิน ตารางการโอนเงิน เป็นต้น
เย็นวันเดียวกัน พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผอ.พศ. ลงนามในคำสั่งที่ 642/2560 เรื่องย้ายข้าราชการ 4 ราย ดังนี้ 1.นายบุญเลิศ โสภา ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัด (พศจ.) ลำปาง 2.นายณรงค์ ทรงอารมณ์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำปาง เป็นผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา 3.นายอุบลพันธ์ ขันผนึก ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำพูน ไปเป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ และ 4.นายประพันธ์ คำจ้อย ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดเชียงใหม่ เป็นผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาจังหวัดลำพูน มีผลตั้งแต่วันที่ 16 มิ.ย.2560 เป็นต้นไป
พ.ต.ท.พงศ์พรกล่าวถึงการโยกย้ายครั้งนี้ว่า การโยกย้ายดังกล่าวเพื่อจะตรวจสอบหลักฐานต่างๆ โดยเฉพาะเงินอุดหนุนของสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเกี่ยวกับการศึกษาคณะสงฆ์ในกองพุทธศาสนศึกษา และการเผยแผ่พระพุทธศาสนา ในกองส่งเสริมการเผยแผ่พระพุทธศาสนา เนื่องจากทั้ง 2 ส่วนได้รับงบประมาณจากสำนักงบประมาณค่อนข้างมาก
อย่างไรก็ตาม การโยกย้ายดังกล่าวเป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ในกลุ่มข้าราชการ พศ.อย่างมาก เนื่องจากนายบุญเลิศ โสภา ผู้อำนวยการกองพุทธศาสนศึกษา ที่ถูกย้ายไปลำปางถือเป็นหนึ่งในผู้บริหาร พศ.ที่ได้รับความไว้วางใจจากพระผู้ใหญ่ในมหาเถรสมาคม (มส.) หลายรูป อีกทั้งนายบุญเลิศ ยังเคยได้รับการแต่งตั้งเป็นกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อเดือน ส.ค.2559 กรณีนายเสถียร ดำรงคดีราษฎร์ อดีต ผอ.พศจ.สงขลา และ น.ส.ประนอม คงพิกุล รอง ผอ.พศ. ที่มีชื่อในสำนวนการตรวจสอบของศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ถูกกล่าวหาว่า ร่วมกันจัดสรรเงินให้กับวัด 3 แห่ง ในภาคใต้วัดละ 4 ล้านบาท รวมเป็นเงิน 12 ล้านบาท แต่มีการเรียกเงินบางส่วนคืน คณะกรรมการชุดดังกล่าวสรุปว่าพบความบกพร่องในการทำงานของทั้ง 2 คน ในส่วนของ น.ส.ประนอม พบกระทำผิดพลาดตามขั้นตอนของการจัดสรรเงิน แต่ไม่มีเจตนากระทำผิด ไม่มีบทลงโทษทางวินัย แต่ให้ถือว่าติดทัณฑ์บนไว้ ส่วนนายเสถียร พบความผิดพลาดกรณีการโอนเงินให้วัด มีความผิดทางวินัย แต่เมื่อโดนมาตรา 44 ให้พักงานแล้ว ถือว่าถูกลงโทษทางวินัยไปแล้ว
ที่ทำเนียบรัฐบาล เวลา 14.00 น. วันที่ 16 มิ.ย. นายออมสิน ชีวะพฤกษ์ รมต.ประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงความคืบหน้าการตรวจสอบการทุจริตเรียกคืนเงินอุดหนุนวัดว่า พ.ต.ท.พงศ์พร พราหมณ์เสน่ห์ ผู้อำนวยการสำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติ (พศ.) แจ้งความดำเนินคดีกับข้าราชการสังกัด พศ.ที่เกี่ยวข้องทั้ง 8 คนแล้ว เป็นข้าราชการ 4 คน และพลเรือน 4 คน ถ้าทั้ง 4 คน เป็นข้าราชการยังอยู่ในหน้าที่อาจต้องพักงานและตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย เมื่อถามว่าต้องกำหนดระเบียบรับเงินบริจาคเข้าวัดหรือไม่ นายออมสินตอบว่า การบริจาคเงินให้วัดเป็นศรัทธาของประชาชน คงต้องไปดูอีกครั้งหนึ่ง เพราะวัดเป็นนิติบุคคล มีเจ้าอาวาสเป็นผู้มีอำนาจดำเนินการเรื่องต่างๆ มีไวยาวัจกรวัดและคณะกรรมการวัดร่วมพิจารณาด้วย ดังนั้น ต้องดูเป็นเรื่องๆไป เพราะจะไปกระทบกับพระค่อนข้างเยอะ พระส่วนใหญ่ไม่ได้มีความผิดด้วย เหมือนกับท่านถูกหลอก อาจมองได้ว่าท่านไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะท่านไม่ได้รู้ ทั้งนี้ เชื่อว่าประชาชนจะยังไม่เสื่อมศรัทธาในศาสนา แต่เรื่องมีการทุจริตเป็นอีกเรื่องหนึ่ง
วันเดียวกัน พระปลัดศักทวี สิริธโร เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรี บ้านกุดซวย ต.คำพระ อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ 1 ในวัดที่ถูกระบุว่าทุจริตเงินอุดหนุนวัดและนายบรรพต บุญทน ไวยาวัจกรวัดโพธิ์ศรี เปิดเผยรายละเอียดเรื่องดังกล่าวว่า ปี 2554 วัดโพธิ์ศรีเขียนโครงการไปที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเพื่อขอรับเงินอุดหนุนก่อสร้างศาลาการเปรียญและปรับปรุงวัด ต่อมาปี 2555 วัดได้รับเงินอุดหนุนจำนวน 3 ล้านบาท แต่หลังได้รับมาแล้ว มีเจ้าหน้าที่สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติมาติดต่อขอเงินคืน 50 เปอร์เซ็นต์เพื่อจะนำไปช่วยเหลือวัดภาคใต้ที่กำลังเดือดร้อน
“วัดคืนเงินครึ่งหนึ่งคือ 1.5 ล้านบาทแล้วนำเงินส่วนที่เหลือมาสร้างศาลาการเปรียญ และปรับปรุงซุ้มประตูโขงทางเข้าวัด และบริเวณโดยรอบ งบที่ได้ยังสร้างศาลาการเปรียญไม่แล้วเสร็จ ต้องขอรับบริจาคผ้าป่าเพิ่มอีกมากกว่าจะแล้วเสร็จ ขณะนี้ยอมรับว่าเครียดมากกับเรื่องที่เกิดขึ้น แต่ก็ไม่รู้จะทำยังไง ขอยืนยันวัดไม่มีส่วนข้องกับการทุจริตงบอุดหนุนแต่อย่างใด สำนักงานพระพุทธศาสนาแห่งชาติเป็นเสมือนพี่เลี้ยงให้วัด คิดว่าสิ่งที่เขาแนะนำให้ทำคงจะถูกระเบียบ เพราะพระไม่รู้ระเบียบของทางราชการ เลยทำตามที่เขาบอก ไม่คาดคิดว่าจะเกิดเรื่องแบบนี้” เจ้าอาวาสวัดโพธิ์ศรีกล่าว
ด้านนายสมาน นัดดาวงษ์ ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 3 ต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ เปิดเผยกรณีวัดโคกเลาะ ต.หนองแก้ว อ.หัวตะพาน เป็น 1 ใน 3 วัด จ.อำนาจเจริญ ทุจริตเงินอุดหนุนวัดว่าวัดโคกเลาะได้เขียนโครงการขอรับการงบอุดหนุนจำนวน 10 ล้านบาท เมื่อปี 2554 แต่ได้รับงบประมาณมา 8 ล้านบาท เมื่อปี 2555 เป็นการแบ่งจ่ายเป็นงวดรวม 3 งวด ทางวัดนำเงินมาสร้างศาลาการเปรียญวัดและปรับปรุงบูรณปฏิสังขรณ์ภายในวัดและโอนเงินคืนให้สำนักงานพระพุทธศาสนา 8 แสนบาท
ขณะเดียวกัน ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่วัดพระศรีเจริญ ต.รัตนวารี อ.หัวตะพาน จ.อำนาจเจริญ ที่ถูกระบุทุจริต เงินดังกล่าวเช่นกัน ได้รับแจ้งจากพระลูกวัดว่า เจ้าอาวาสไม่อยู่ เนื่องจากมีอาการอาพาธต้องนอนพักรักษาอยู่ที่โรงพยาบาลหัวตะพาน ส่วนเรื่องเงินงบประมาณทราบเพียงว่าวัดได้รับเงินอุดหนุนมา 5 ล้านบาท และคืนให้สำนักงานพระพุทธศาสนาครึ่งหนึ่ง ส่วนที่เหลือเอาไปซื้อที่ดินและสร้างโรงเรียนพระปริยัติธรรม