เปิดคำพิพากษา!เมียนายพลชดใช้ 44 ล.ร่วมกิจการ ทร.-พล.ร.ท.ชวนเข้าหุ้น
เปิดคำพิพากษาฉบับเต็ม! คดีทัพเรือฟ้องเมียนายพล เจ้าของร้านอาหาร ปมร่วมกิจการห้องเย็น ออกทุนให้ก่อน เกิดปัญหาถูกตรวจสอบ ยกเลิก กลับจ่ายเช็คเด้ง 12 ใบ อ้างเจรจาประนีประนอม พล.ร.อ. แล้ว ศาลอุทธรณ์ยืนต้องชดใช้ค่าเสียหาย เงินต้น-ดอกเบี้ย 44 ล.
กรณีศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีคำพิพากษาคดีที่กองทัพเรือ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง นางอังคณา อุณหกะ หรือ แสงเพ็ชร จำเลย (ภรรยา พล.ร.ต.) ในคดีที่จำเลยเป็นเจ้าของร้าน K.O. ผักสด เข้าร่วมดำเนินการบริหารกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ กองทัพเรือ โดยให้กิจการห้องเย็น จ่ายเงินล่วงหน้าไปก่อน เมื่อมีผลกำไรแล้วให้มาชำระคืนภายหลัง ต่อมา ทร.ได้ยกเลิกข้อตกลงดังกล่าวและให้นางอังคณาชำระเงินในส่วนที่ ทร.จ่ายเงินล่วงหน้ากว่า 39.9 ล้านบาท แต่นางอังคณาได้จ่ายเช็คเด้งให้แก่กิจการห้องเย็น จำนวน 12 ฉบับ ทำให้กิจการห้องเย็นได้รับความเสียหาย ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้นให้จำเลยชำระเงินต้นพร้อมดอกเบี้ย รวม 44,093,406.23 บาท แก่กิจการห้องเย็น ทร. (คดีหมายเลขแดงที่ 2083/2559-27 ก.ย.2559) ตามข่าวก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ:ศาลอุทธรณ์ยืนสั่ง ‘เมีย’นายพล ชดใช้เงิน 44 ล.ปมร่วมกิจการห้องเย็นฯทัพเรือ)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เรียบเรียงสาระสำคัญในคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ ภาค 2 มาเสนอ
จำเลย (นางอังคณา) ให้การ แก้ไขคำให้การ ฟ้องแย้งและแก้ไขฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่มีอำนาจฟ้องจำเลยคดีนี้ เนื่องจากหนังสือมอบอำนาจเอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 1 เป็นเพียงสำเนาเอกสารและคำสั่งกองทัพเรือที่ 149/2553 เรื่องการมอบอำนาจสั่งการกระทำการแทนในนามผู้บัญชาการทหารเรือ ประกาศสำนักนายกรัฐมนตรี เรื่องให้นายทหารรับราชการลำดับที่ 345 คือผู้รับมอบอำนาจโจทก์เอกสารท้ายฟ้องหมายเลข 2 นั้น ก็เป็นเพียงสำเนาเอกสาร โจทก์และหรือผู้รับมอบอำนาจกระทำการแทนโจทก์ขณะยื่นฟ้องมีอำนาจกระทำการแทนโจทก์หรือไม่ ต้นฉบับหนังสือมอบอำนาจจะมีอยู่จริงหรือถูกเปลี่ยนแปลงหรือถูกทำลายแล้วจำเลยก็ไม่อาจทราบและรับรองความถูกต้องได้ การมอบอำนาจจึงไม่ถูกต้องและไม่ชอบด้วยกฎหมาย
@ที่มา:พล.ร.ท.ชาญชัยชวนร่วมกิจการ
เมื่อประมาณเดือนมกราคม 2550 พลเรือโทชาญชัย เจริญสุวรรณ ผู้บัญชาการ ฐานทัพเรือสัตหีบ จังหวัดชลบุรี (ต่อมาเป็น พล.ร.อ.และเป็นประธานคณะอนุกรรมาธิการการปฏิรูปการแพทย์แผนไทย ในคณะกรรมาธิการระบบสาธารณสุข สภาปฏิรูปแห่งชาติ-สปช.) ซึ่งเป็นประธานสวัสดิการสัตหีบ ขอให้จำเลยช่วยดำเนินการจัดส่งเสบียงร่วมกับกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ จำเลยจึงตกลงเข้าหุ้นกันเพื่อประกอบกิจการดำเนินการจัดส่งเสบียงร่วมกัน ด้วยประสงค์จะแบ่งปันกำไรอันพึงได้แต่กิจกรรมที่ทำ โดยกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบของโจทก์ลงทุนด้วยเงินเพื่อสนับสนุนดำเนินการจัดซื้อเสบียงอาหารให้แก่ร้าน เค.โอ.อ็อดผักสดสัตหีบของจำเลย จำเลยลงทุนด้วยทรัพย์สินสิ่งอื่น หรือลงแรงงานส่วนกำไรขาดทุนของผู้เป็นหุ้นส่วนทุกคนเป็นไปตามส่วนที่ลงหุ้นดังกล่าวคือจำเลยมีหน้าที่เป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อและจัดส่งเสบียงสินค้าต่างๆ ให้ส่วนราชการ หน่วยงานที่เป็นกิจการห้องเย็นรวมทั้งลูกค้าอื่นโดยจำเลยตกลงให้กิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบของโจทก์นำเงินที่ลงหุ้นจ่ายเป็นทุนค่าซื้อสินค้าต่างๆ เพื่อมอบให้แก่ลูกค้าจำเลยก่อน จำเลยจะส่งเงินที่นำมาลงหุ้นเป็นทุนคืนพร้อมผลกำให้ กิจการห้องเย็นสวัสดิการสีตหีบตกลงให้ร้าน เค.โอ.อ็อดผักสดสัตหีบส่งเงินทุนคืนพร้อมผลประโยชน์ตอบแทน (กำไร) ร้อยละ 1 ต่อเดือน ระหว่างเดือนมีนาคมถึงเดือนกันยายน 2550 และส่งเงินทุนพร้อมผลกำไรร้อยละ 2.5 ในทุกๆ 2 เดือน ระหว่างเดือนตุลาคม 2550 ถึงเดือนเมษายน 2551 ต่อมาจำเลยได้ดำเนินการส่งเสบียงให้เอกชนโดยขอเครดิตระยะเวลา 3 เดือน และจำเลยจะส่งเงินทุนพร้อมผลกำไรร้อยละ 4.5 ระหว่างเดือนพฤษภาคม 2551 ถึงเดือนกันยายน 2552
@ถูกสั่งระงับปี 52 ไม่บอกล่วงหน้า-เจรจา พล.ร.อ.สุวิทย์
ต่อมาในเดือนตุลาคม 2552 กิจการห้องเย็นแจ้งให้ร้าน เค.โอ.อ็อดผักสดสัตหีบของจำเลยหยุดดำเนินการส่งเสบียงและแจ้งให้ส่งเงินลงทุนพร้อมผลกำไรส่วนที่เหลือคืนให้กิจการห้องเย็น 39,985,303 บาท การที่โจทก์บอกเลิกหุ้นกันดังกล่าวโดยไม่บอกเลิกก่อนสิ้นปีทางบัญชีไม่น้อยกว่า 6 เดือน ทำให้จำเลยเสียหายไม่สามารถส่งเสบียงให้ลูกค้า ไม่สามารถจ่ายเงินตามเช็ค 13 ฉบับให้โจทก์ได้ จำเลยจึงมีคำสั่งให้ธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสัตหีบ ระงับการจ่ายเงินตามเช็คที่โจทก์ฟ้องภายหลังมีข้อพิพาทแล้ว โจทก์กับจำเลยจึงทำสัญญาประนีประนอมยอมความกัน โดยทำหนังสือรับการส่งคืนเงินทุน และข้อตกลงการชดใช้ของจำเลยระหว่าง พลเรือเอกสุวิทย์ ธาระรูป กับจำเลย จำเลยยอมรับกับพลเรือเอกสุวิทย์ว่าได้นำเงินจากกิจการห้องเย็นสัตหีบไปเป็นเงินจำนวน 39,985,303 บาท และตกลงที่จะชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนให้แก่กิจการห้องเย็นของโจทก์ โดยจะผ่อนชำระให้ตามหนังสือข้อตกลง
@อ้างโจทก์ไม่มีอำนาจฟ้อง-ขอคิดค่าเสียหาย 9.6 ล.
การทำสัญญาประนีประนอมยอมความของโจทก์และจำเลยทำให้สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามเช็คพิพาททั้งหมดระงับสิ้นไปตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 โดยต้องปฏิบัติตามเงื่อนไขการผ่อนชำระในหนังสือยอมรับการส่งคืนเงินทุน ซึ่งโจทก์ต้องให้ความร่วมมือในการเปิดโอกาสจัดหาลูกค้าให้จำเลยตามสัญญา แต่โจทก์ยังไม่ได้ปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวแต่กลับนำคดีมาฟ้องเสียก่อน จึงไม่มีอำนาจฟ้อง
ขอให้พิพาทษาให้โจทก์ยินยอมให้จำเลยเข้ามาบริการกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบ เป็นเวลา 4 ปี นับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปและหากโจทก์ไม่ยอมให้จำเลยเข้าบริหารห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบตามสัญญาให้หนี้ตามฟ้องโจทก์ระงับสิ้นไป ซึ่งการที่จำเลยได้เข้าดำเนินกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบตามสัญญาจะทำให้จำเลยสามารถคืนเงินให้โจทก์ได้ตามฟ้องและยังมีกำไรจากการประกอบกิจการดังกล่าวอีกประมาณปีละ 4,811,559.69 บาท เป็นระยะเวลา 4 ปี คิดเป็นเงินจำนวน 19,246,238.76 บาท แต่จำเลยขอคิดค่าเสียหายเป็นเงิน 9,623,119.39 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินดังกล่าวนับแต่วันฟ้องแย้งเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จแก่โจทก์ และยกฟ้องโจทก์
@ทร.ปัดเป็นหุ้นส่วน-ไม่รับรู้เจรจาพล.ร.อ.
โจทก์ให้การแก้ฟ้องแย้งและแก้ไขคำให้การแก้ฟ้องแย้งว่า โจทก์ไม่ได้เป็นหุ้นส่วนกับจำเลย จำเลยดำเนินการสั่งซื้อและจัดส่งเสบียงให้หน่วยงานต่าง ๆ ที่เป็นลูกค้าของกิจการห้องเย็น รวมทั้งลูกค้าของร้าน เค.โอ.อ็อดผักสดสัตหีบ รายอื่น ๆ ในนามกิจการห้องเย็นของโจทก์ โดยโจทก์ทดรองจ่ายเงินค่าสินค้าให้จำเลยไปก่อน แล้วจำเลยต้องคืนเงินทดรองจ่ายให้โจทก์พร้อมผลประโยชน์ตอบแทน โดยไม่ต้องคำนึกถึงผลกำไรหรือขาดทุนในฐานะหุ้นส่วน โจทก์ จำเลยไม่ได้ดำเนินการร่วมกันไม่ต้องรับผิดร่วมกันเพื่อหนี้ทั้งปวง หากจำเลยขาดทุน โจทก์ไม่ต้องขาดทุนด้วยเป็นเรื่องที่จำเลยผิดสัญญาที่ตกลงไว้กับโจทก์ โจทก์ไม่ต้องบอกเลิกสัญญาหุ้นส่วนแก่จำเลยก่อนสิ้นปีทางบัญชีไม่น้อยกว่า 6 เดือน จำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายจากการขาดรายได้หากกิจการยังคงดำรงอยู่ต่อไป นับแต่เดือนตุลาคม 2552 จนถึงวันฟ้องแย้ง โจทก์ไม่เคยทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับจำเลย หนังสือยอมรับการส่งคืนเงินลงทุนข้อตกลงการชดใช้ของจำเลยเป็นหนังสือที่พลเรือเอกสุวิทย์ ธาระรูป กับจำเลยทำกันขึ้นมาโดยโจทก์ไม่รู้เห็นและยินยอมจึงไม่มีผลผูกพันโจทก์ จำเลยจึงไม่มีสิทธิขอให้โจทก์ปฏิบัติตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว รวมทั้งไม่มีสิทธิบังคับให้โจทก์ยินยอมให้จำเลยเข้าบริหารกิจการห้องเย็นของโจทก์หนี้ตามฟ้องโจทก์ไม่ระงับไปตามที่จำเลยอ้าง จำเลยไม่มีสิทธิเรียกร้องเอาค่าเสียหายพร้อมดอกเบี้ยจากโจทก์ ขอให้ยกฟ้องแย้ง
ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระเงินจำนวน 44,093,406.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงินจำนวน 39,985,303 บาท นับแต่วันฟ้อง (ฟ้องวันที่ 15 กันยายน 2554) เป็นต้นไป จนกว่าชำระเสร็จแก่โจทก์ ให้ยกฟ้องแย้ง กับให้จำเลยชำระค่าฤชาธรรมเนียมแทนโจทก์ โดยกำหนดค่าทนายความ 10,000 บาท ค่าฤชาธรรมเนียมฟ้องแย้งให้เป็นพับ
@คำวินิจฉัย ศาลอุทธรณ์
ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ตรวจสำนวนประชุมปรึกษาแล้ว ข้อเท็จจริงเบื้องต้นรับฟังยุติได้ว่า โจทก์เป็นส่วนราชการในสังกัดกระทรวงกลาโหม มีฐานะเป็นนิติบุคคลตามพระราชบัญญัติจัดระเบียบราชการกระทรวงกลาโหม พ.ศ. 2551 ฐานทัพเรือสัตหีบเป็นส่วนราชการหนึ่ง ของโจทก์ มีผู้บัญชาการฐานทัพเรือสัตหีบ เป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบ โดยมีกิจการห้องเย็นเป็นกิจการหนึ่ง ของสวัสดิการสัตหีบ ภายใต้การบังคับบัญชาของกิจการสวัสดิการสัตหีบ มีผู้จัดการกิจการห้องเย็นเป็นผู้บังคับบัญชารับผิดชอบการบริหารงานทั้งปวง มีอำนาจกระทำการผูกพันกิจการห้องเย็น พลเรือตรีธงชัย ใจเย็น เป็นผู้จัดการกิจการห้องเย็น ช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2548 ถึงเดือนตุลาคม 2550 พลเรือตรีสุรชัย โภคามาศ เป็นผู้จัดการกิจการห้องเย็นช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2550 ถึงเดือนตุลาคม 2552 และพลเรือตรีชนินทร์ ชุณหรัชพันธุ์ เป็นผู้จัดการกิจการห้องเย็นช่วงระหว่างเดือนตุลาคม 2552 ถึงเดือนตุลาคม 2553 จำเลยเป็นเจ้าของร้าน เค.โอ.อ็อดผักสดสัตหีบได้ทำความตกลงกับกิจการห้องเย็นของโจทก์โดยพลเรือตรีธงชัย ใจเย็น โดยจำเลยเป็นผู้ดำเนินการจัดซื้อและจัดส่งเสบียงสินค้าต่างๆ ให้แก่ส่วนราชการหน่วยงานต่างๆ ที่เป็นลูกค้ากิจการห้องเย็นรวมทั้งลูกค้ารายอื่นๆ ของร้านเค.โอ.อ็อดผักสดสัตหีบ ในนามของกิจการห้องเย็นของโจทก์
ระหว่างเดือนเมษายนถึงเดือนกันยายน 2552 จำเลยได้รับเงินลงทุนไปจากกิจการห้องเย็นของโจทก์ จำนวน 13 ครั้ง โดยจำเลยจะต้องชำระเงินลงทุนพร้อมผลประกอบการ (กำไร) คืนให้แก่กิจการห้องเย็นของโจทก์ ตามสำเนาใบสำคัญจ่าย สำเนาบัญชีกระแสรายวันของกิจการห้องเย็น และสำเนาเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสัตหีบ พร้อมใบคืนเช็ค รวมเป็นเงินที่จำเลยต้องชดใช้คืนโจทก์ทั้งสิ้นจำนวน 39,985,303 บาท
หลังจากนั้นเมื่อเดือนตุลาคม 2552 สวัสดิการสัตหีบได้สั่งระงับการดำเนินการของจำเลย โจทก์มีหนังสือแจ้งยอดเงินที่จำเลยต้องชำระคืนจำนวนดังกล่าวให้จำเลยทราบ แล้วตามสำเนาหนังสือที่ 159/2552 ลงวันที่ 13 พฤศจิกายน 2552 จำเลยทราบแล้วได้มีหนังสือขอผ่อนชำระหนี้คืนแก่โจทก์ตามสำเนาหนังสือของจำเลยฉบับลงวันที่ 29 พฤศจิกายน 2552 แต่จำเลยชำระหนี้คืนเงินให้แก่กิจการห้องเย็นของโจทก์เพียงบางส่วนรวม 6 ครั้ง รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,250,000 บาท ตามสำเนาใบฝากเงินและสำเนาเช็คธนาคารทหารไทย จำกัด (มหาชน) สาขาสัตหีบ รวม 6 ฉบับ
ต่อมาพลเรือสุวิทย์ (ธาระรูป) กับจำเลยได้ทำหนังสือยอมรับการส่งคืนเงินทุนและข้อตกลงการชดใช้ของจำเลย โดยให้ผ่อนชำระหนี้ได้และกิจการห้องเย็นยินดีให้ความร่วมมือเปิดโอกาสจัดหาลูกค้าให้กับจำเลย
@ ทร.มีสิทธิฟ้อง แม้จำเลยทำสัญญาประนีประนอมยอมความ พล.ร.อ.
คดีมีปัญหาตามอุทธรณ์ของจำเลยว่า สิทธิเรียกร้องของโจทก์ตามฟ้องระงับสิ้นไปเนื่องจากจำเลยได้ทำสัญญาประนีประนอมยอมความกับพลเรือเอกสุวิทย์ ธาระรูป ตามหนังสือยอมรับการส่งคืนเงินทุนและข้อตกลงการชดใช้ หรือไม่
พิจารณาตามหนังสือยอมรับการส่งคืนเงินทุนและข้อตกลงการชดใช้ดังกล่าวมีข้อความว่า จำเลยได้รับเงินจากกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบเป็นเงิน 39,985,303 บาท จริง และจำเลยตกลงชดใช้เงินจำนวนดังกล่าวคืนโดยผ่อนชำระเดือนละประมาณ 800,000 บาท เป็นเวลา 4 ปี หรือเป็นเวลา 48 เดือน โดยจะดำเนินการส่งเงินคืนได้ไม่ต่ำกว่า 300,000 บาท เมื่อผ่อนชำระไปแล้วเป็นเวลา 6 เดือน เพื่อเป็นเงินดาวน์ และจำเลยยินยอมที่จะให้หลักทรัพย์ที่มีอยู่ได้แก่ทรัพย์สินของตนเองและทรัพย์สินในธุรกิจที่ดำเนินการอยู่จำนวนประมาณ 10,000,000 บาท รวมทั้งผลประโยชน์ที่จะได้รับจากกรมธรรม์ประกันชีวิตที่พึงได้ประมาณ 20,000,000 บาท เป็นหลักทรัพย์ในการค้ำประกันตามข้อตกลงนี้ หากไม่ดำเนินการตามข้อตกลงดังกล่าวยินดีให้กิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบยึดทรัพย์ที่ได้ค้ำประกัน โดยกิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบยินดีให้ความร่วมมือในการเปิดโอกาสจัดหาลูกค้าให้กับจำเลย
เห็นว่า ข้อตกลงดังกล่าวไม่มีกำหนดเวลาแน่ชัดว่าจำเลยจะชำระเงินให้เสร็จสิ้นภายในกำหนดเวลาใด และหากจำเลยไม่มีชำระโจทก์จะมีสิทธิดำเนินการอย่างไร ทั้งไม่มีข้อความที่เป็นการสละสิทธิเรียกร้องค่าเสียหายส่วนอื่น ๆ ไว้
นอกจากนี้ตามหนังสือข้อ 5 ระบุเพียงว่าหนังสือข้อตกลงนี้จะใช้เป็นแนวทางการแก้ปัญหา ข้อตกลงดังกล่าวไม่มีลักษณะเป็นการระงับข้อพิพาทอันใดอันหนึ่งซึ่งมีอยู่หรือจะมีขึ้นนั้นให้เสร็จไปด้วยต่างยอมผ่อนผันให้แก่กัน จึงไม่เป็นสัญญาประนีประนอมยอมความตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 850 จำเลยยังคงต้องรับผิดที่จะต้องส่งเงินคืนทุนจัดซื้อพร้อมผลประกอบการ (กำไร) ให้กิจการห้องเย็นตามฟ้อง
@ข้ออ้างถูกยกเลิก-เปลี่ยนผู้บริหาร-ผิดข้อตกลง ฟังไม่ขึ้น
ส่วนที่จำเลยอุทธรณ์ว่าการที่กิจการห้องเย็นของโจทก์แจ้งยกเลิกดำเนินการจัดส่งเสบียงร่วมกับจำเลยโดยอ้างว่าเปลี่ยนผู้บริหารชุดใหม่จึงเป็นการปฏิบัติผิดข้อตกลงกับจำเลย ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายและไม่ได้รับความเป็นธรรม และจำเลยไม่อาจเชื่อได้ว่าที่โจทก์นำมากล่าวอ้างว่าจำเลยสั่งจ่ายให้กิจการห้องเย็นสวัสดิการสัตหีบทั้ง 12 ฉบับ เป็นเช็คที่ จำเลยออกให้เพื่อคืนเงินทุนพร้อมผลประกอบการ (กำไร) ในแต่ละครั้งถูกต้องตรงกันนั้น
เห็นว่าตามคำให้การของจำเลยอ้างเพียงว่าโจทก์ไม่บอกเลิกหุ้นก่อนสิ้นปีทางบัญชีไม่น้อยกว่า 6 เดือน ทำให้จำเลยได้รับความเสียหายเท่านั้น จึงไม่มีประเด็นตามที่จำเลยอุทธรณ์ ปัญหาดังกล่าวจำเลยไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ในคำให้การ จึงเป็นข้อที่ไม่ได้ยกขึ้นกันมาแล้วโดยชอบในศาลชั้นต้น ทั้งไม่เป็นสาระแก่คดีอันควรวินิจฉัย ต้องห้ามมิให้อุทธรณ์ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่งมาตรา 225 วรรคหนึ่ง ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่รับวินิจฉัย อุทธรณ์ของจำเลยฟังไม่ขึ้น
อนึ่ง โจทก์มีคำขอให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับถัดจากวันฟ้องไปจนกว่าจะชำระเสร็จ การที่ศาลชั้นต้นพิพากษาให้จำเลยชำระดอกเบี้ยนับแต่วันฟ้องจนกว่าชำระเสร็จ จึงเกินคำขอของโจทก์ ปัญหาดังกล่าวเป็นข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้จะไม่มีคู่ความฝ่ายใดยกขึ้นอ้างในอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 มีอำนาจยกชี้วินิจฉัยและแก้ไขให้ถูกต้อง
พิพากษาแก้เป็นว่า ให้จำเลยชำระเงิน 44,093,406.23 บาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของต้นเงิน 39,985,303 บาท นับถัดจากวันฟ้องเป็นต้นไปจนกว่าจะชำระเสร็จ ค่าฤชาธรรมเนียมในชั้นอุทธรณ์ให้เป็นพับ นอกจากที่แก้ให้เป็นไปตามคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ข้างต้นคดีคำพิพากษาในคดีเรียกค่าเสียหายที่เกิดจากการร่วมดำเนินการระหว่างเอกชนกับหน่วยงานของกองทัพเรือ ส่วนความคืบหน้าในการเอาผิดกับเจ้าหน้าที่ต้องติดตามกันต่อไป
อ่านประกอบ:
ไทม์ไลน์!มหากาพย์ คดีห้องเย็น 39.9 ล. เอื้อเมียนายพล-เชือด พล.ร.อ. 14 ทหาร
เปิดคำสั่งลับ ป.ป.ช.สอบ 2 นายทหาร-เมียนายพล คดีเงิน 39.9 ล.-12 คน“ล่องหน”
14 นายทหาร-พลเรือเอก พันคดีเงิน“ห้องเย็น”39.9 ล.-ส่ง ป.ป.ช.สอบแค่ 2 คน
ฟ้องแหลกบิ๊ก ทร.คดียกกิจการห้องเย็นให้เอกชนบริหารสูญ 39.9 ล. โยนผิดลูกน้อง
เปิดเช็ค 12 ฉบับ 36.9 ล. ชนวนเชือด 14 นายทหาร-พล.ร.อ.คดีเงิน“ห้องเย็น”ทร.