กรมที่ดินชี้แจงกรณีการดำเนินการตามนโยบายทวงคืนผืนป่า
อธิบดีกรมที่ดิน ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสื่อสังคมออนไลน์ แพร่ข่าวการดำเนินการตามนโยบายทวงคืนผืนป่าสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านหลายสิบครอบครัวในเทศบาลตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ถูกทางการบังคับให้ออกจากที่ดิน
นายประทีป กีรติเรขา อธิบดีกรมที่ดิน ชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีสื่อสังคมออนไลน์เผยแพร่ข่าวการดำเนินการตามนโยบายทวงคืนผืนป่าสร้างความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านหลายสิบครอบครัวในเทศบาลตำบลอิสาณ อำเภอเมือง จังหวัดบุรีรัมย์ ด้วยการถูกทางการบังคับให้ออกจากที่ดิน ซึ่งอยู่มาตั้งแต่ก่อนการประกาศขึ้นทะเบียนที่ดินสาธารณประโยชน์ สรุปเป็นประเด็นได้ ดังนี้
1. ที่ดินสาธารณประโยชน์ ทำเลเลี้ยงสัตว์โคกเขากระโดง ออกหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวงแล้วจำนวน 3 แปลง ประกอบด้วย ๑) น.ส.ล. เลขที่ 4130/2515 เนื้อที่ 2,583 - 2 - 55.4 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2515 2) น.ส.ล. เลขที่ 46000 เนื้อที่ 18 - 3 - 32 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2534 และ 3) น.ส.ล. เลขที่ 46001 เนื้อที่ 2,680 - 1 - 17 ไร่ ออกเมื่อวันที่ 14 กุมภาพันธ์ 2534 โดยทั้งสามแปลงอยู่ในความรับผิดชอบดูแลชองเทศบาลตำบลอิสาณ องค์การบริหารส่วนตำบลเสม็ด และ องค์การบริหารส่วนตำบลสวายจีก
2. กรณีที่เป็นข่าว ได้แก่ แปลง น.ส.ล. เลขที่ 4130/2515 เนื้อที่ 2,583 - 2 - 55.4 ไร่ มีส่วนราชการเข้าใช้ประโยชน์ในพื้นที่ คือ ใช้เป็นที่ตั้งศูนย์ราชการจังหวัดบุรีรัมย์ และองค์การบริหารส่วนจังหวัดบุรีรัมย์ รวม เนื้อที่ 829 - 3 - 84 ไร่ ปัจจุบันมีราษฎรบุกรุกเข้าทำประโยชน์เป็นบางส่วน ซึ่งอำเภอเมืองบุรีรัมย์ และ เทศบาลตำบลอิสาณ ร่วมกับมณฑลทหารบกที่ 26 ได้ดำเนินการผลักดัน และทำความเข้าใจกับราษฎรที่บุกรุกครอบครองที่ดินให้ออกไปจากพื้นที่สาธารณะเพื่อเตรียมพื้นที่สำหรับการก่อสร้างโรงพยาบาลและมหาวิทยาลัยราชภัฎบุรีรัมย์ สาขาพยาบาลศาสตร์ ซึ่งปรากฏว่ามีราษฎรบางส่วนยินยอมออกไปจากพื้นที่
สำหรับราษฎรที่ไม่ยินยอมออกจากพื้นที่ มีจำนวน 27 ราย ได้ฟ้องคดีเพื่อพิสูจน์สิทธิในที่ดินต่อศาลจังหวัดบุรีรัมย์แล้ว ตามคดีหมายเลขดำที่ 757/2560 ลงวันที่ 21 เมษายน 2560 โดยฟ้องอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1 เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์ ที่ 2 เทศบาลตำบลอิสาณ โดยนายกเทศมนตรี นายสุพจน์ สวัสดิ์พุทธา ที่ 3 ข้อหาหรือฐานความผิดขอให้เพิกถอนหนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง ฉบับที่ 4130/2515 ดังนั้นกรมที่ดินเห็นว่าคดีเข้าสู่การพิจารณาของศาล ซึ่งเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรมเพื่อให้ความเป็นธรรมแก่ทุกฝ่ายแล้ว จึงเห็นควรรอผลการพิจารณาดังกล่าวต่อไป