สตง.ตรวจ 'เรือดำน้ำ' อ้างไม่พบสิ่งผิดปกติ
สตง.เผยความคืบหน้าจัดซื้อเริอดำน้ำจีน ยังไม่พบสิ่งผิดปกติ อวยใช้งบเหมาะสม-ซื้อจีทูจีมีหลักประกัน
วันที่ 9 พ.ค. นายพิศิษฐ์ ลีลาวชิโรภาส ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) เปิดเผยความคืบการการตรวจสอบการจัดซื้อเรือดำน้ำของกองทัพเรือว่า จากการดูจากข้อเท็จจริงและหลักฐานที่ปรากฎ ยังไม่พบนัยยะสำคัญที่แสดงให้เห็นถึงความผิดปกติในการจัดซื้อเรือดำน้ำ ซึ่งการซื้อเรือดำน้ำได้มีการริเริ่มมาหลายรัฐบาลไม่ใช่ริเริ่มจากรัฐบาลนี้ โดยมีการเปรียบเทียบหาข้อมูลมาจากหลายประเทศ จนกองทัพเรือเห็นว่าของประเทศจีน ส่วนการตรวจสอบเราจะแบ่งเป็นในส่วนของยุทโธปกรณ์และส่วนของลำเรือ เรื่องของยุทโธปกรณ์หรืออาวุธ เราจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง เราจะเข้าไปตรวจสอบเฉพาะเรื่องของลำเรือ ว่าเหมาะสมในเรื่องการใช้จ่ายหรือไม่
ส่วนเรื่องงบประมาณที่ใช้ถึง 36,000 ล้านบาทนั้น มีความเหมาะสม เป็นภาระผูกพันถึงปี 2566 และมีการจ่ายเงินแต่ละงวดอยู่ที่ 700-2,000 ล้านบาท ซึ่งไม่เกินเงินงบประมาณและเป็นงบประมาณปกติของกองทัพเรืออยู่แล้ว ไม่ได้เบียดเบียนงบกลาง ไม่ถือเป็นภาระ และเรื่องงบประมาณในส่วนของบุคลากร ซึ่งก็ถือว่ามีความจำเป็น เพราะเมื่อไปรับเรือ ต้องใช้บุคลากรของเราไปขับกลับมา จึงต้องมีการฝึกอบรม ถือว่าเป็นข้อดีเป็นประโยชน์
ทั้งนี้การทำจีทูจีการกำหนดให้เป็นการซื้อขายเป็นรัฐต่อรัฐ ก็เป็นผลดีต่ออนาคต เพราะจะมีหลักประกัน ที่รัฐบาลจีนจะเข้ามารับผิดชอบดูแล รับประกันในเรื่องอะไหล่ ยุทโธปกรณ์ และเมื่อตรวจสอบหลักฐานไม่พบบริษัทคนกลางมาซื้อขาย
นายพิศิษฐ์ กล่าวถึงกรณีข้อสังเกตุว่าการจัดซื้อครั้งนี้ ขัดรัฐธรรมนูญ 2560 เรื่องการทำสนธิสัญญาระหว่างประเทศ ต้องนำเรื่องเข้าพิจารณาผ่านรัฐสภาก่อนหรือไม่ ว่า ในเรื่องนี้เราต้องมาดูเปรียบเทียบว่าที่ผ่านมามีการดำเนินการไว้อย่างไร การทำจีทูจีกับการทำสนธิสัญญาเหมือนกันหรือไม่ รัฐธรรมนูญทุกคนมีสิทธิตีความแต่จะตีความเองไม่ได้ เพราะสุ่มเสี่ยง จึงต้องมาดูที่ผ่านมาดำเนินการอย่างไร แต่เบื้องต้น เชื่อว่าหากเป็นลักษณะจีทูจี ก็ไม่น่าเข้าข่ายสนธิสัญญาระหว่างประเทศ
อย่างไรก็ตามสตง.จะยังตรวจสอบติดตามการทำสัญญาและเบิกจ่ายเงินต่อไป หากพบว่ามีการใช้จ่ายเงิน ที่ทำให้เกิดความเสียหาย สตง.ก็มีอำนาจขอให้กองทัพเรือ รัฐบาลทบทวน ปรับลด หรือ แก้ไขสัญญาได้