กรมโรงงานฯ เผยผลตรวจเบื้องต้นพบปลากะพงขาวตายในทะเลสาบสงขลา
กรมโรงงานฯ แจงกรณีชาวบ้าน ต.เกาะยอ จ.สงขลา เรียกร้องหน่วยงานตรวจสอบน้ำเน่าเสียในเส้นทางน้ำที่ระบายลงทะเลสาบสงขลา หลังพบปลากะพงขาวในกระชังตายไม่ต่ำกว่า 30 ตัน ยันสาเหตุน้ำเน่าเสียเกิดจากช่วง 28 มีนาคม - 8 เมษายน 2560 ในพื้นที่ภาคใต้มีฝนตกมาก ส่งผลให้คุณภาพน้ำในมีค่าความเค็มเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหลือเพียง 1 ppt จากค่ามาตรฐานประมาณ 10-20 ppt ทำให้ปลาปรับตัวไม่ทัน
นายมงคล พฤกษ์วัฒนา อธิบดีกรมโรงงานอุตสาหกรรม กล่าวว่า จากกรณีชาวบ้านตำบลเกาะยอ จังหวัดสงขลา เรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องตรวจสอบเส้นทางน้ำที่ระบายลงทะเลสาบสงขลา หลังพบปลากะพงขาวที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้ในกระชังริมทะเลสาบสงขลา ตายไม่ต่ำกว่า 30 ตัน ตั้งแต่วันที่ 19 เมษายน 2560 และชาวบ้านเชื่อว่าอาจเกิดจากโรงงานลักลอบปล่อยน้ำเสียลงสู่คลองธรรมชาติ ก่อนที่จะถูกระบายลงสู่ทะเลสาบสงขลา
กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้ติดตามตรวจสอบข้อเท็จจริงพบว่า สาเหตุที่ปลากะพงตาย เกิดจากในช่วงวันที่ 28 มีนาคม - 8 เมษายน 2560 ในพื้นที่ภาคใต้มีฝนตกหนัก น้ำจืดไหลลงทะเลสาบสงขลาจำนวนมาก ส่งผลให้คุณภาพน้ำในทะเลสาบสงขลามีค่าความเค็มเปลี่ยนแปลงรวดเร็วเหลือเพียง 1 ppt จากค่าที่เหมาะสมสำหรับการเลี้ยงปลากะพงในกระชังประมาณ 10-20 ppt
นอกจากนี้บริเวณที่ประสบปัญหามีโรงงานอุตสาหกรรมเพียง 1 โรงงาน ที่มีการปล่อยน้ำเสียที่มีปริมาณการทิ้งน้ำอยู่ 200 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน ที่ระบายน้ำทิ้งลงสู่คลองพะวงและออกสู่ทะเลสาบสงขลา โดยโรงงานดังกล่าวมีการติดตั้งเครื่อง BOD online เพื่อตรวจสอบคุณภาพน้ำทิ้ง ผลการเฝ้าระวังมีค่า BOD ระหว่าง 10-12 มิลลิกรัมต่อลิตร ซึ่งอยู่ในค่าที่กฎหมายกำหนดคือไม่เกิน 20 มิลลิกรัมต่อลิตร และยังมีผู้ควบคุมระบบบำบัดน้ำเสียที่ขึ้นทะเบียนกับกรมโรงงานอุตสาหกรรมประจำโรงงาน ตลอดจนมีระบบการรายงานผลการตรวจวัดคุณภาพสิ่งแวดล้อมส่งโดยตรงมาที่กรมโรงงานอุตสาหกรรมผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์อีกด้วย
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2560 กรมโรงงานอุตสาหกรรมได้จัดเจ้าหน้าที่จากศูนย์วิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมโรงงานภาคใต้เข้าไปตรวจวัดคุณภาพน้ำในพื้นที่เกิดเหตุ โดยผลอยู่ในเกณฑ์ปกติ คือมีอุณหภูมิ 33 องศาเซลเซียส ค่าความเค็ม 3.5-11 ppt ค่าออกซิเจนละลายน้ำ 8.95 มิลลิกรัม/ลิตร โดยกรมโรงงานฯ มีแผนในการเฝ้าระวังคุณภาพน้ำในทะเลสาบสงขลาอย่างต่อเนื่อง