DSI เผยพบทุจริตจัดซื้อจัดจ้างองค์การค้าสนง.คกก.ส่งเสริมสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางศึกษา
เมื่อวันที่ ๒๐ กุมภาพันธ์ นายธาริต เพ็งดิษฐ์ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พร้อมด้วย นายธานินทร์ เปรมปรีดิ์ รองผู้บัญชาการสำนักคดีอาญาพิเศษ ๒ ได้ร่วมกันแถลงเพิ่มเติม เกี่ยวกับการทุจริตจัดซื้อจัดจ้างขององค์การค้าของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กรณีการสั่งซื้อหนังสือแบบเรียนและสื่อการเรียนการสอนของบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือ ไทยทีวีสี ช่อง ๓ ให้กับโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๑๕๘ แห่ง จากองค์การค้าของ สกสค. และการขายที่ดินขององค์การค้าของ สกสค. ในจังหวัดสุราษฎร์ธานี ซึ่งจากตรวจสอบข้อเท็จจริงดังกล่าวปรากฏข้อเท็จจริง ดังนี้
๑. กรณีการสั่งซื้อหนังสือแบบเรียนและสื่อการเรียนการสอน จากบริษัท บางกอกเอ็นเตอร์เทนเม้นต์ จำกัด หรือ ไทยทีวีสี ช่อง ๓ ให้กับโรงเรียนที่ประสบอุทกภัย จำนวน ๑๕๘ โรงเรียน กิจกรรม “ คาราวานสื่อการเรียนการสอน ” กับองค์การค้าของ สกสค. ปรากฏว่า ไทยทีวีสี ช่อง ๓ ได้มีหนังสือถึง ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. (นายสันติภาพ อินทรพัฒน์) เพื่อสั่งซื้อหนังสือแบบเรียนและสื่อการเรียนการสอน แต่องค์การของ สกสค. ได้ทำสัญญากับนางพรทิพย์ เขมะรัตน์ ให้เป็นผู้ประสานการขาย โดยให้มีผลย้อนหลังใช้บังคับ ซึ่งเดิมไม่มีผู้ประสานการขาย นอกจากนี้ จากการตรวจสอบหนังสือที่นางพรทิพย์ เขมะรัตน์ ทำถึงผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ขอเป็นผู้ประสานการขาย โดยทำเอกสารย้อนหลัง ซึ่งจากการตรวจสอบการจัดซื้อดังกล่าว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า องค์การค้าของ สกสค. ได้ส่งสินค้าให้กับไทยทีวีสี ช่อง ๓ จำนวน ๓ รายการ ได้แก่ หนังสือ สมุด และเครื่องเขียน รวมเป็นเงิน ๓,๖๙๖,๘๕๕. บาท และองค์การค้าของ สกสค. ได้จ่ายค่าประสานการขายให้นางพรทิพย์ เขมะรัตน์ เป็นเงิน ๑,๒๑๕,๐๕๒.๘๙ บาท ซึ่งจากการตรวจสอบเพิ่มเติมปรากฏว่า นายสันติภาพ อินทรพัฒน์ และ นางพรทิพย์ เขมะรัตน์ เป็นพี่น้องกัน เป็นเหตุให้องค์การค้าของ สกสค. ได้รับความเสียหาย
๒. กรณีการขายที่ดินขององค์การค้าของ สกสค. โดยนายสันติภาพ อินทรพัฒน์ ให้กับเอกชน อาจทำให้องค์การค้าของ สกสค. เสียหาย เนื่องจากตามสัญญาจะซื้อจะขายที่ดินดังกล่าว น่าจะมีการทำสัญญาทำให้องค์การค้าของ สกสค. เสียเปรียบและอาจทำให้องค์การของ สกสค. เสียหาย ดังนี้
(๑) ราคาที่ดินที่ตกลงจะซื้อจะขายมีราคาไม่เท่ากัน ซึ่งจากข้อเท็จจริงปรากฏว่าที่ดินทั้ง ๒ แปลงมีพื้นที่ติดกัน กล่าวคือ ที่ดินแปลงที่ ๑ จำนวน ๕ ไร่ ขายไร่ละ ๘๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงิน ๔,๐๐๐,๐๐๐. บาท ส่วนที่ดินแปลงที่ ๒ จำนวน ๔๓ ไร่ ขายไร่ละ ๑,๐๐๐,๐๐๐. บาท รวมเป็นเงิน ๔๓,๐๐๐,๐๐๐. บาท
(๒) เงินมัดจำค่าที่ดินที่เอกชนจ่ายให้องค์การของ สกสค. สัญญาได้กำหนดไว้เพียง ๓,๐๐๐,๐๐๐. บาท จากวงเงิน ๔๗,๐๐๐,๐๐๐. บาท
(๓) เงินส่วนที่เหลือที่จะต้องชำระให้องค์การค้าของ สกสค.จำนวน ๔๔,๐๐๐,๐๐๐. บาท สัญญากำหนดให้ชำระภายใน ๙ เดือน นับแต่ลงนามในสัญญา
กรมสอบสวนคดีพิเศษ จึงได้สรุปผลส่งให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ และแจ้งให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งเป็นหน่วยงานที่กำกับดูแลองค์การค้าของ สกสค. ทราบแล้ว ทั้งนี้ กรมฯ จะได้ดำเนินการตรวจสอบในเรื่องอื่น ๆ อีก หากพบว่าองค์การค้าของ สกสค. ยังคงมีการกระทำความผิดในลักษณะนี้อีกก็จะดำเนินการตามกฎหมายต่อไป