โสมแดงอวดศักดา อาวุธใหม่ ยิงไปไกลถึงสหรัฐ
คาบสมุทรเกาหลีเครียด ญี่ปุ่นผวางัดแผนอพยพ ยุ่น 6 หมื่น - จากเกาหลีใต้
ผู้นำเกาหลีเหนือ “คิม จอง-อึน” ไม่สน กระแสโลกจัดงานฉลองและพิธีสวนสนามวันสำคัญของชาติอย่างยิ่งใหญ่ ขนอาวุธยุทโธปกรณ์ออกโชว์แสนยานุภาพ โดยมีขีปนาวุธพิสัยไกล “ปุกกุกซอง 1-2” เป็นดาราเอกของงาน ขณะที่คนใกล้ชิดท่านผู้นำประกาศกร้าวพร้อมตอบโต้ด้วยอาวุธนิวเคลียร์ที่พัฒนาขึ้นเองในทุกกรณี หากสหรัฐอเมริกายั่วยุแบบไม่ยั้งคิด ด้าน “ญี่ปุ่น” ผวา สั่งเตรียมแผนอพยพพลเมืองกว่าครึ่งแสนออกจากเกาหลีใต้ และรับมือผู้อพยพจากเกาหลีเหนือ ส่วน “อัฟกานิสถาน” แจงยอดผู้เสียชีวิตหลังสหรัฐฯ ส่งโคตรระเบิด “เอ็มโอเอบี” มาถล่มรังไอเอส พุ่งเฉียดร้อยศพ
ทั่วโลกยังคงจับตามองความตึงเครียดใน คาบสมุทรเกาหลี โดยสำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันที่ 15 เม.ย. ว่า ประเทศเกาหลีเหนือจัดพิธีสวนสนามอย่างยิ่งใหญ่ที่จัตุรัส คิม อิล-ซุง ในกรุงเปียงยาง เพื่อเฉลิมฉลอง “วันแห่งพระอาทิตย์” หรือวันคล้ายวันเกิดครบ 105 ปี ของนายคิม อิล-ซุง อดีตผู้นำผู้ก่อตั้งประเทศผู้ล่วงลับและเป็นปู่ของนายคิม จอง-อึน ผู้นำเกาหลีเหนือคนปัจจุบัน ซึ่งเข้า ร่วมสังเกตการณ์พิธีสวนสนามในชุดสูทสีดำอย่างอารมณ์ดี พูดคุยยิ้มแย้มกับกลุ่มคนใกล้ชิดเป็นระยะๆ ระหว่างขบวนสวนสนามแต่ละชุดเคลื่อนพลผ่าน รวมทั้งกองทหารจากกองทัพประชาชนเกาหลีและอาวุธยุทธภัณฑ์ที่ขนมาอวดแสนยานุภาพอย่างคับคั่ง ทั้งขบวนรถถังและขบวนรถยิงขีปนาวุธ โดยมีไฮไลต์สำคัญที่ขบวนรถขีปนาวุธรุ่นใหม่ ที่เป็นจรวดพิสัยไกลและยิงจากเรือดำน้ำ (เอสแอลบีเอ็ม) รุ่น “ปุกกุกซอง 1” และ “ปุกกุกซอง 2” ซึ่งเกาหลีเหนือเคยอ้างว่า มีพิสัยยิงไกลกว่า 1,000 กิโลเมตร (600 ไมล์) หรือสามารถยิงไกลถึงดินแดนสหรัฐอเมริกาและทวีปยุโรปได้ ตามด้วยขีปนาวุธที่คาดว่าอาจจะเป็นขีปนาวุธข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) รุ่นใหม่ ที่กองทัพนำออกมาโชว์ในพิธีสวนสนาม แต่ไม่แน่ชัดว่ามีการทดสอบขีปนาวุธไอซีบีเอ็มรุ่นใหม่ที่ว่านี้แล้วหรือไม่ ขณะเดียวกัน ยังมีฝูงบินรบขึ้นแสดงการบินผาดโผน เกาะกลุ่มเป็นรูปเลข 105 บนท้องฟ้าเหนือจัตุรัสคิม อิล-ซุง ด้วย
ด้านเหล่านักวิเคราะห์ด้านอาวุธ ลงความเห็นว่าจากการที่เกาหลีเหนือขนขีปนาวุธมากกว่า 1 รุ่น รวมทั้งรุ่นปุกกุกซอง มาอวดแสนยานุภาพ ทำให้เชื่อว่ามีขีปนาวุธบางรุ่นเป็นขีปนาวุธพิสัยไกลยิงข้ามทวีป (ไอซีบีเอ็ม) และยังบ่งชี้ได้ว่าเกาหลีเหนือคืบหน้าตามแผนพัฒนาขีปนาวุธแบบติดตั้งในเรือดำน้ำ ซึ่งยากต่อการตรวจสอบตรวจจับได้
ระหว่างนี้ แม้นายคิม จอง-อึน ไม่ได้กล่าวใดๆ ในพิธี แต่นายโช รอง แฮ ผู้ช่วยและคนใกล้ชิดนายคิม ได้แถลงต่อฝูงชนก่อนเริ่มพิธีสวนสนาม ส่งสัญญาณเตือนถึงสหรัฐฯ ว่า ถ้าสหรัฐฯ ยั่วยุแบบไม่ยั้งคิดต่อเกาหลีเหนือ พวกเราจะตอบโต้เอาคืนด้วยสรรพกำลังทั้งหมดของกองทัพปฏิวัติและพร้อมโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์แบบเกาหลีเหนือเอง เพื่อตอบโต้การถูกโจมตีด้วยนิวเคลียร์ทุกกรณี
อย่างไรก็ดี พิธีสวนสนามครั้งนี้ไม่เหมือนครั้งก่อนๆที่มักจะมีเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากจีนแผ่นดินใหญ่เข้าร่วมด้วย เนื่องจากจีนถือเป็นพันธมิตรและคู่ค้าหลักเพียงหนึ่งเดียวของเกาหลีเหนือ แต่ปัจจุบันได้ต่อต้านการทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธ รวมทั้งสนับสนุนมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือ
ทั้งนี้ พิธีสวนสนามฉลองวาระสำคัญของเกาหลีเหนือ ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดจากนานาชาติ รวมทั้งสหรัฐฯ ญี่ปุ่นและเกาหลีใต้ เพราะหวั่นวิตกว่าเกาหลีเหนืออาจทดสอบอาวุธนิวเคลียร์หรือไม่ก็ยิงขีปนาวุธเพื่อเฉลิมฉลองวาระสำคัญเหมือนที่เคยทำในหลายครั้งที่ผ่านมา โดยไม่สนคำสั่งห้ามและมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ (ยูเอ็น) ขณะที่พิธีสวนสนามแสดงแสนยานุภาพก็ยังมีขึ้นท่ามกลางสถานการณ์ความตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลี ที่อาจเกิดการปะทะกันได้ตลอดเวลา เมื่อสหรัฐฯ ส่งกองเรือรบจู่โจมที่มีเรือบรรทุกเครื่องบินชั้นนีมิตซ์ “ยูเอสเอส คาร์ล วินสัน” เป็นเรือธง แล่นมุ่งหน้าสู่คาบสมุทรเกาหลี เพื่อปรามเกาหลีเหนือ แต่หลายฝ่ายเกรงกันว่าประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐฯ อาจชิงโจมตีเกาหลีเหนือ เหมือนเมื่อกว่า 1 สัปดาห์ก่อนที่สั่งยิงจรวดโทมาฮอว์ก 59 ลูก โจมตีฐานทัพซีเรีย ที่ถูกกล่าวหาใช้อาวุธเคมีถล่มฝ่ายต่อต้านรัฐบาล และกองทัพสหรัฐฯก็เพิ่งทิ้งระเบิดขนาดใหญ่ที่สุดในสารบบที่ไม่ใช่นิวเคลียร์ รุ่น “เอ็มโอเอบี” หรือที่รู้จักในชื่อฉายา “มารดาแห่งระเบิดทั้งปวง” (Mother of All Bombs) ถล่มแหล่งกบดานที่เป็นอุโมงค์และถ้ำของกองกำลังรัฐอิสลาม (ไอเอส) ที่บริเวณหุบเขา จังหวัดนันการ์ฮาร์ ภาคตะวันออกอัฟกานิสถาน ติดพรมแดนปากีสถาน เมื่อคืนวันที่ 13 เม.ย.ที่ผ่านมา
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานด้วยว่า จากความหวั่นวิตกว่าอาจเกิดสงครามในภูมิภาคนี้ ทำให้ทางการญี่ปุ่นประกาศเตรียมพร้อมรับมือสถานการณ์ฉุกเฉินไว้แล้ว เพื่ออพยพพลเมืองเกือบ 60,000 คนออกจากเกาหลีใต้ รวมทั้งเตรียมรองรับผู้อพยพจากเกาหลีเหนือที่อาจมีตามมาด้วย
ส่วนความคืบหน้าการทิ้งระเบิดเอ็มโอเอบีถล่มแหล่งกบดานกลุ่มไอเอสในอัฟกานิสถาน กองกำลังที่นำโดยสหรัฐฯ อยู่ระหว่างเข้าตรวจสอบบริเวณที่ถูกระเบิดถล่มราบ และยังไม่ได้แถลงยอดผู้เสียชีวิตแน่ชัด แต่เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นอัฟกานิสถานแถลงเมื่อวันที่ 15 เม.ย.ว่า มีนักรบไอเอสถูกสังหารในเหตุโจมตีข้างต้นไม่ต่ำกว่า 94 คน ซึ่งสูงกว่ายอดที่เจ้าหน้าที่กระทรวงกลาโหมอัฟกานิสถานแถลงก่อนหน้านี้ ที่มีนักรบไอเอสเสียชีวิตอย่างน้อย 36 ศพ และไม่มีพลเรือนได้รับอันตราย
เมื่อวานนี้ ทางการสหรัฐฯ เผยแพร่ภาพวีดิโอเหตุการณ์โจมตีดังกล่าวเป็นครั้งแรก เป็นภาพขาวดำแสดงให้เห็นกลุ่มควันดำขนาดใหญ่พุ่งขึ้นจากบริเวณถูกโจมตีด้วยระเบิดเอ็มโอเอบี และแถลงด้วยว่า พล.อ.จอห์น นิโคลสัน ผู้บัญชาการกองทัพสหรัฐฯ ในอัฟกานิสถาน เป็นผู้สั่งโจมตีและสามารถสั่งโจมตีได้ไม่ต้องขออนุมัติจากประธานาธิบดีสหรัฐฯ แต่ข่าวไม่ระบุเหตุผลประกอบในเรื่องนี้ และว่าการโจมตีเป็นเรื่องยุทธวีถีโดยแท้จริง ไม่ได้มุ่งส่งสัญญาณถึงประเทศอื่นใด แม้แต่เกาหลีหนือที่ถูกจับตามองว่าอาจทดสอบนิวเคลียร์หรือยิงขีปนาวุธอีกครั้งในเร็ว ๆ นี้
ต่อมาในช่วงค่ำวันเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพีรายงานว่า ขีปนาวุธที่เกาหลีเหนือขนมาอวดแสนยานุภาพในพิธีสวนสนามฉลอง “วันแห่งพระอาทิตย์” มีมากเกือบ 60 ลูก แบ่งเป็นรุ่นต่างๆ 10 รุ่น ด้านสำนักข่าวยอนฮัพรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กองทัพเกาหลีใต้ระบุว่า ขีปนาวุธบางรุ่นน่าจะเป็นรุ่นใหม่ สังเกตจากขนาดความยาวที่มีมากกว่าขีปนาวุธพิสัยไกล รุ่นเคเอ็น-08 หรือ เคเอ็น-14 ที่มีอยู่เดิมของเกาหลีเหนือ อย่างไรก็ดี หลายฝ่ายยังตั้งคำถามเกี่ยวกับขีปนาวุธ รุ่นเคเอ็น-08 และเคเอ็น-14 เพราะเกาหลีเหนือเคยนำรุ่นเคเอ็น-08 ออกโชว์แล้ว 3 ครั้งตั้งแต่ปี 2555 ส่วนรุ่นเคเอ็น-14 มีการเปิดตัวไปเมื่อปี 2558 แต่ทั้งหมดไม่เคยมีการยิงทดสอบมาก่อนเลย