ผู้ต้องหาคดีความมั่นคงโทรสายตรงมอบตัวแม่ทัพ 4 ต่อเนื่อง
มีความเคลื่อนไหวของ "โครงการพาคนกลับบ้าน" ในส่วนที่ติดต่อทางโทรศัพท์สายตรงถึงแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งแม่ทัพจะบินไปรับมอบตัวด้วยตนเอง ล่าสุดในช่วงวันหยุดเทศกาลสงกรานต์ มีผู้เห็นต่างจากรัฐติดต่อผ่านช่องทางดังกล่าวเพิ่มอีก 1 คน
วันศุกร์ที่ 14 เม.ย.60 เวลาประมาณ 17.00 น. พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และผู้อำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ได้เดินทางโดยเฮลิคอปเตอร์ ไปยัง อ.เมืองนราธิวาส และเดินทางต่อไปยังบ้านเลขที่ 66/6 หมู่ 7 บ้านรอตันบาตู ต.กะลุวอ อ.เมือง จ.นราธิวาส เพื่อรับมอบตัว นายบาฮาดี เจ๊ะมะ อายุ 30 ปี มีภูมิลำเนาอยู่บ้านเลขที่ 120 หมู่ 7 ต.จวบ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
นายบาฮาดี เป็นผู้เห็นต่างจากรัฐที่ได้โทรศัพท์แจ้งความประสงค์ขอแสดงตนไปยังเบอร์โทรศัพท์พิเศษของแม่ทัพภาคที่ 4 หมายเลข 09-2532-4989 ซึ่งตั้งแต่เปิดเบอร์พิเศษ มีผู้โทรศัพท์เข้าไปแสดงตัวขอมอบตัวแล้ว 5 คน นายบาฮาดี เป็นคนที่ 6
สำหรับ นายบาฮาดี เจ๊ะมะ เป็นผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีความมั่นคง ได้ติดต่อไปยังแม่ทัพภาคที่ 4 เพื่อขอมอบตัวและต่อสู้คดีตามกระบวนการยุติธรรม ซึ่งจากการตรวจสอบของ สภ.เมืองนราธิวาส พบว่ามีหมายจับ 1 หมาย
พล.ท.ปิยวัฒน์ กล่าวว่า หลังจากได้รับรายงานตัวมาแล้ว ก็จะดำเนินกรรมวิธีตามขั้นตอนของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) จากนั้นก็จะดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรมต่อไป ส่วนการให้ความดูแลช่วยเหลือนั้น ทาง กอ.รมน.ภาค 4 สน.จะเป็นผู้รับผิดชอบ โดยหากเสร็จสิ้นกระบวนการยุติธรรมแล้ว ก็จะดูแลในเรื่องการประกอบอาชีพ เพื่อให้เกิดความมั่นคง และสามารถกลับมาใช้ชีวิตในสังคมได้อย่างปกติสุขต่อไป
ซื้อไก่เนื้อ 3 หมื่นตัวสร้างอาชีพ "คนกลับบ้าน"
ก่อนหน้านี้ มีความเคลื่อนไหวอีกด้านหนึ่ง หลังจาก "ทีมข่าวอิศรา" ได้เปิดประเด็นเรื่องการสร้างหมู่บ้านรองรับผู้ที่เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน ใช้ชื่อว่า "หมู่บ้านสันติสุข" โดยจะใช้พื้นที่บางส่วนของนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลปัตตานี ที่ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี เป็นที่ตั้งหมู่บ้าน ใช้งบก่อสร้างและวางระบบสาธารณูปโภคถึง 96 ล้านบาทนั้น
ล่าสุดเมื่อเร็วๆ นี้ นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ รองเลขาธิการศูนย์อำนวยการบริหารจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) ได้พบปะกับผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้านที่นิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลปัตตานี และเปิดเผยว่า ผู้ที่รายงานตัวเข้าร่วมโครงการฯ จะนำเข้าสู่กระบวนการปลดเปลื้องพันธะทางกฎหมาย เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เกิดขึ้นกับผู้ที่ออกมารายงานตัว พร้อมยุติการก่อเหตุความไม่สงบทุกรูปแบบ จากนั้น ศอ.บต.และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะสนับสนุนการฝึกอบรมอาชีพสร้างรายได้ พร้อมจัดตั้ง "ชมรมพาคนกลับบ้าน" ในระดับอำเภอ เพื่อติดต่อสื่อสาร และส่งเสริมผู้เข้าร่วมโครงการให้ได้ดำเนินกิจกรรมเพื่อแก้ไขปัญหาในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้
ทั้งนี้ ศอ.บต.พร้อมพัฒนาคุณภาพชีวิตของสมาชิกโครงการพาคนกลับบ้าน ซึ่งได้กำหนดไว้ 3 รูปแบบคือ การส่งเสริมอาชีพ เช่น การจัดซื้อไก่เนื้อ 30,000 ตัวมอบแก่ผู้เข้าร่วมโครงการเพื่อสร้างอาชีพและรายได้จุนเจือครอบครัว, การจัดกิจกรรมบำเพ็ญประโยชน์ในพื้นที่ เช่น การทาสีโรงเรียน วัด มัสยิด เป็นต้น อีกทั้ง ศอ.บต. มีนโยบายสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวแก่ผู้เข้าร่วมโครงการฯ เพื่อเตรียมความพร้อมให้สมาชิกสามารถกลับสู่พื้นที่ได้อย่างมั่นใจอีกด้วย
แจงสร้าง "หมู่บ้านคนกลับบ้าน" ประหยัดงบ 16 ล้าน
สำหรับการสร้างที่อยู่อาศัยชั่วคราวแก่ผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน น่าจะหมายถึง "หมู่บ้านสันติสุข" ที่ศูนย์ข่าวอิศราเคยนำเสนอเป็นข่าวไปก่อนหน้านี้ โดยใช้พื้นที่บางส่วนของนิคมอุตสาหกรรมอาหารฮาลาลปัตตานี ซึ่งการนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ กนอ. ได้ยุบเขตอุตสาหกรรมไปเมื่อปีที่แล้ว
ส่วนการใช้งบสำหรับโครงการนี้ในปี 59 ถึง 106 ล้านบาทเศษนั้น นายไกรศร วิศิษฎ์วงศ์ รองเลขาธิการ ศอ.บต. ชี้แจงก่อนหน้านี้ว่า ไม่ได้ตั้งของบสูงเกินความจำเป็นตามที่เป็นข่าว แต่เป็นการขอตั้งงบประมาณตาม Flagship โครงการสำคัญของ กอ.รมน.ภาค 4 สน. ภายใต้ความเห็นชอบของคณะกรรมการขับเคลื่อนการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ (คปต.) ซึ่ง ศอ.บต.มีหน้าที่ดำเนินการในขั้นตอนที่ 3 เพื่อให้บุคคลเป้าหมายที่ผ่านการคัดกรองในขั้นตอนที่ 1 (เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน) และผ่านการปรับทัศนคติในขั้นตอนที่ 2 ของ กอ.รมน.ภาค 4 สน.มาแล้ว ได้มีอาชีพ มีรายได้ และมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น เพื่อสร้างแรงจูงใจให้บุคคลที่หลงผิดหันกลับมาร่วมมือกับทางราชการให้มากกว่าเดิม
ทั้งนี้ งบประมาณในส่วนของที่ดินและสิ่งก่อสร้างที่ตั้งไว้ 96 ล้านบาทนั้น เมื่อดำเนินการจริง ใช้วงเงินแค่ 80 ล้านบาท โดยได้ดำเนินการสร้างบ้านพักอาศัย ถนน คสล. (คอนกรีตเสริมเหล็ก) ขุดสระน้ำ สร้างฟาร์มไก่ ส่งเสริมเลี้ยงโคเนื้อ ก่อสร้างระบบประปาขนาดใหญ่ แผ้วถางป่า ก่อสร้างรั้ว คสล.และคูระบายน้ำ สำหรับอำนวยความสะดวกแก่กลุ่มเข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน ที่บ้านน้ำบ่อ ต.น้ำบ่อ อ.ปะนาเระ จ.ปัตตานี
ส่วนงบประมาณอีก 10 ล้านบาท (งบทั้งหมด 106 ล้าน นอกเหนือจากการก่อสร้างหมู่บ้าน 96 ล้านบาท) ตามโครงการพาคนกลับบ้านนั้น ได้ดำเนินการจัดประชุม สร้างการรับรู้ ความเข้าใจในนโยบายการพัฒนาจังหวัดชายแดนภาคใต้ การบริหารจัดการชมรม ภาวะผู้นำ ความรู้ด้านอาชีพแก่สมาชิก สนับสนุนการดำเนินงานของชมรมพาคนกลับบ้าน 37 ชมรม โดยมีศูนย์ปฏิบัติการอำเภอ (ศปก.อำเภอ) เป็นหน่วยขับเคลื่อน สนับสนุนการจัดตั้งกลุ่มอาชีพต้นแบบ และใช้ในการประชาสัมพันธ์และประเมินผลโครงการ
โครงการพาคนกลับบ้าน เป็นนโยบายของรัฐบาลที่แสดงให้เห็นถึงการลดความรุนแรงโดยสันติวิธี และเป็นที่ยอมรับของสากล อีกทั้งเป็นการให้โอกาสแก่ผู้ที่หลงผิดและอยากจะกลับใจ ให้มีช่องทางเข้ามามีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้ด้วย
------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แม่ทัพภาคที่ 4 รับมอบตัวผู้ต้องหาคดีความมั่นคงคนที่ 6 ที่โทรศัพท์สายตรงเข้าเบอร์พิเศษของแม่ทัพ (เบลอภาพเพื่อเคารพสิทธิ์ผู้ต้องหา)
2 รองเลขาธิการ ศอ.บต.ประชุมร่วมกับผู้เข้าร่วมโครงการพาคนกลับบ้าน (ภาพโดย ศอ.บต.)