ศาลอนุมัติหมายจับ “โชกุน” ฐานฉ้อโกง หิ้วสมาชิกร่วมแก๊งเข้า มทบ.11
ศาลอนุมัติหมายจับ “โชกุน” ฐานฉ้อโกงแล้ว ขณะที่ทหารบุกหิ้วสมาชิกร่วมแก๊งเข้า มทบ.11 สอบสวนต่อ ด้านเจ้าตัวเสียงแข็งปัดหลอกชาวบ้านมาลอยแพ ยันขายแค่อาหารเสริมแล้วจะพาเที่ยว แต่ลูกทีมดันไปเน้นขายทัวร์กันเอง โบ้ยปมคลิปหมิ่นสถาบันเป็นเรื่องออร์แกนไนเซอร์เชิญ “หม่อนเจ้า” มาเปิดบริษัท จำรายละเอียดไม่ได้ ฟุ้งหอบเสื้อผ้าเผ่นเข้า“ระนอง”ไม่ได้หนี แต่จะไปรวบรวมเงินมาจ่ายคืนผู้เสียหาย
ความคืบหน้ากรณีชาวบ้านกว่า 2 พันคนถูกหลอกให้เข้าร่วมเป็นเครือข่ายขายตรงอาหารเสริม ด้วยการจัดโปรโมชั่นพาไปเที่ยวญี่ปุ่นระหว่างวันที่ 11-16 เมษายน ก่อนถูกลอยแพอยู่ที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเมื่อวันที่ 11 เมษายนที่ผ่านมา โดยเจ้าหน้าที่ได้ติดตามจับกุมตัว น.ส.พสิษฐ์ อริญชญ์ลาภิศ หรือ “ซินแสโชกุน” ผู้บริหาร บริษัท เวลท์ เอฟเวอร์ เวิร์ล จำกัด ขณะหลบหนีไปที่ จ.ระนอง และควบคุมตัวมาสอบสวนที่ บก.ป.กลางดึกเมื่อวันที่ 12 เมษายนนั้น
พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผู้บังคับการตำรวจสันติบาล 4 เปิดเผยว่า เจ้าหน้าที่ได้ทำการสืบสวนสอบสวนรวบรวมหลักฐานจนเป็นที่แน่ชัดและเชื่อได้ว่า น.ส.พสิษฐ์ หรือ “ซินแสโชกุน” เป็นผู้ร่วมกระทำความผิดจริงจึงได้ขออนุมัติขอหมายจับต่อศาลอาญารัชดาภิเษก และศาลได้อนุมัติหมายจับเลขที่ 939/2560 ลงวันที่ 12 เมษายน ความผิดฐานฉ้อโกงประชาชน ส่งตัวให้พนักงานสอบสวนดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไป
ส่วนบุคคลอื่นๆ ที่ถูกจับกุมตัวได้พร้อมกัน อาทิ น.ส.ทัศย์ดาว สมัครกสิกรรณ์ นางประนอม พลานุสนธิ์ นายโกวิท ช่วยสัตว์ นางจันทร์ฉาย นาคฤทธิ์ นายก้องศรัณย์ แสงประภา นางณิชมน แสงประภา นางพารินธรญ์ หงส์หิรัญ น.ส.สุดารัตน์ อเนกนวล เจ้าหน้าที่ทหารได้แยกตัวไปควบคุมไว้ที่มณฑลทหารบกที่ 11 (มทบ.11) เพื่อซักถามข้อเท็จจริงที่เกี่ยวข้องต่อไป
ขณะที่ น.ส.พสิษฐ์ อ้างว่า ไม่ได้คิดหลอกลวงสมาชิกเรื่องการไปทัวร์ต่างประเทศ โดยที่ผ่านมาได้บอกลูกทีมตลอดเรื่องการขายอาหารเสริม โดยต้องมาซื้อสินค้าตามกำหนดก่อนแล้วเราจะพาไปเที่ยว ยืนยันว่าไม่ได้ขายทริปทัวร์ ปัญหาเกิดขึ้นเพราะสมาชิกบางคนมักง่ายไปขายเป็นทริปทัวร์ ส่วนประเด็นคลิปเสียงอ้างถึงสำนักพระราชวังนั้น เป็นเพราะเราจะเปิดตัวบริษัท ออแกไนซ์เป็นผู้เชิญแขกผู้ใหญ่ให้ โดยจะต้องทำเรื่องขออนุญาตจากสำนักพระราชวัง ผู้ใหญ่ที่ว่าน่าจะชั้นหม่อมเจ้า รายละเอียดตนจำไม่ได้ เพราะวุ่นกับการขยายสาขาต่างประเทศ
สำหรับกรณีที่เปลี่ยนชื่อบ่อยนั้น ยืนยันว่า ไม่ได้ทำเพื่อหนีคดี แต่เป็นเพราะมารดามีความเชื่อเรื่องโหราศาสตร์ จึงเปลี่ยนให้ในช่วงแรก แต่ต่อมาได้เปลี่ยนเองเพราะศึกษาตามเลขศาสตร์ด้วยตัวเอง เช่นชื่อที่ใช้อยู่นี้รวมแล้วได้ 97 เป็นเลขที่เหมาะกับตัวเอง และที่เดินทางไป จ.ระนอง ก็ไม่ได้จะหนี แต่จะไปรวบรวมเงินมาคืนให้ผู้เสียหาย