สปสช. จับมือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ดูแล ‘ผู้สูงอายุไทย' อย่างยั่งยืนเป็นปีที่ 2
สปสช.ดูแล “ผู้สูงอายุไทย” จับมือหน่วยงานเกี่ยวข้อง พร้อมท้องถิ่น จัดระบบดูแลระยาวผู้สูงอายุมีภาวะพึ่งพิง (ติดบ้าน ติดเตียง) จุดเริ่มต้นการพัฒนาระบบดูแลผู้สูงอายุไทยอย่างยั่งยืน เผยผลต่อเนื่องปีที่ 2 กำหนดเป้าหมายครอบคลุมดูแลผู้สูงอายุ 1.5 แสนคน มี อปท.เข้าร่วมจัดระบบเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
นพ.ศักดิ์ชัย กาญจนวัฒนา เลขาธิการสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ กล่าวว่า วันที่ 13 เมษายน ของทุกปี รัฐบาลได้กำหนดให้เป็น “วันผู้สูงอายุแห่งชาติ” ไม่เพียงแต่เพื่อให้ลูกหลานเห็นความสำคัญของผู้สูงอายุ แต่ยังให้หน่วยงานเกี่ยวข้องเร่งดำเนินนโยบายดูแลผู้สูงอายุเพื่อรองรับการเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุ ซึ่งนอกจากจำนวนผู้สูงอายุเพิ่มขึ้นจาก 4 ล้านคน หรือร้อยละ 6.8 ของประชากร ในปี 2537 เป็น 10 ล้านคน หรือ 14.9 ในปี 2557 และคาดว่าจะเพิ่มเป็น 20.5 ล้านคน หรือ 32.1 ในปี 2583 ยังมีภาวะเจ็บป่วยที่ก่อให้เกิดภาวะทุพพลภาพที่ต้องได้รับการดูแลต่อเนื่อง โดยปี 2558 กระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ได้ทำการประเมินคัดกรองสุขภาพผู้สูงอายุ 6,394,022 คน พบว่า เป็นผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง (กลุ่มติดบ้าน ติดเตียง )ประมาณ 1.3 ล้านคน จำเป็นต้องได้รับการสนับสนุนบริการด้านสุขภาพและสังคม
ด้วยสถานการณ์ข้างต้นนี้ ขณะที่ศักยภาพครัวเรือนในการดูแลผู้สูงอายุถดถอย ทั้งจากขนาดครัวเรือนที่เล็กลง และการเคลื่อนย้ายของวัยแรงงานจากชนบทสู่เมืองมากขึ้น ส่งผลต่อการดูแลผู้สูงอายุ โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภาวะพึ่งพิง (ติดบ้าน ติดเตียง) ประกอบกับค่าใช้จ่ายสุขภาพในผู้สูงอายุที่เพิ่มขึ้นจาก 60,000 ล้านบาทในปี 2553 เป็น 220,000 ล้านบาทในปี 2565 หรือร้อยละ 2.8 ของจีดีพี จำเป็นต้องสร้างระบบการดูแลระยะยาว (Long Term Care) โดยรัฐบาลได้มีนโยบายที่ให้สำคัญต่อการจัดระบบดูแลผู้สูงอายุนี้
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า บอร์ด สปสช.ตระหนักถึงปัญหานี้ โดยตั้งคณะอนุกรรมการพัฒนาระบบการดูแลระยะยาวสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพึงขึ้น และได้จัดทำแผนยุทธศาสตร์และพัฒนาระบบดูแลระยะยาวผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ปี 2557-2561 เน้นการให้บริการที่บ้านและให้ชุมชนเป็นฐานในการดูแล ดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงมนุษย์ กระทรวงสาธารณสุข กระทรวงมหาดไทย กระทรวงศึกษาธิการ และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น โดยปี 2559 รัฐบาลได้สนับสนุนงบประมาณเพิ่มเติมจากงบเหมาจ่ายรายหัวปกติในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 600 ล้านบาท สำหรับเป็นค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลระยะยาวด้านสาธารณสุขสำหรับผู้สูงอายุที่มีภาวะพี่งพิงในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ โดยมีท้องถิ่นเป็นฐาน เน้นบริการเชิงรุกและการมีส่วนร่วมในพื้นที่ ภายใต้การสนับสนุนของหน่วยบริการโดยเฉพาะของกระทรวงสาธารณสุข
“การดำเนินงานปี 2559 ที่ได้เป้าหมายดูแลผู้สูงอายุติดบ้าน ติดเตียงจำนวน 100,000 คน เฉลี่ยเหมาจ่าย 5,000 บาทต่อคนต่อปี ครอบคลุมพื้นที่ อปท.ประมาณ 1,000 แห่ง ซึ่งจากผลการดำเนินงาน พบว่า จากที่คาดการณ์ว่าจะมีผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงประมาณ 100 คนต่อ อปท. แต่จากผลการดำเนินงานพบผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงเพียง 40-50 คนต่อ อปท.เท่านั้น ส่งผลให้ปี 2559 ต้องขยายพื้นที่ดำเนินการเพิ่มเติม โดยจำนวน อปท.ที่เข้าร่วมจัดระบบดูแลผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงในปี 2559 มีจำนวน 1,752 แห่ง ดูแลผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิง ติดบ้านติดเตียง 80,826 คน”
นพ.ศักดิ์ชัย กล่าวว่า สำหรับในปีงบประมาณ 2560 รัฐบาลได้จัดสรรงบประมาณเพิ่มเติมจากงบเหมาจ่ายรายหัวปกติในระบบหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้า 900 ล้านบาท เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายจัดบริการสาธารณสุขให้กับผู้สูงอายุที่มีภาวะพึ่งพิงสิทธิหลักประกันสุขภาพถ้วนหน้าต่อเนื่อง โดยกำหนดเป้าหมาย 150,000 ราย ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดสรรงบประมาณให้กับ อปท.พื้นที่เป้าหมาย
“ผลจากนนโยบายนี้ที่ได้ดำเนินต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 นับเป็นจุดเริ่มต้นการพัฒนาระบบเพื่อดูแลผู้สูงอายุที่อยู่ในภาวะพึ่งพิงติดบ้านติดเตียงทั่วประเทศอย่างยั่งยืน ทั้งในด้านสุขภาพและสังคม โดยมี อปท.ที่สนใจเข้าร่วมเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง นอกจากส่งผลให้ผู้สูงอายุภาวะพึ่งพิงมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นแล้ว ยังทำให้ประเทศไทยก้าวเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างมีคุณภาพ” เลขาธิการ สปสช. กล่าว