ส.ว.ชี้“มอเตอร์เวย์โคราช 6 หมื่นล้าน” ไม่โปร่งใส-กระทบชุมชน เตรียมฟ้องศาลปกครอง
เมื่อวันที่ 18 ม.ค. คณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมภาคประชาชนมีส่วนร่วมป้องกันการทุจริตและตรวจสอบการดำเนินการของรัฐ ในคณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา และ ป.ป.ช.ภาคประชาชน ลงพื้นที่ดูผลกระทบโครงการก่อสร้างมอเตอร์เวย์บางปะอิน – โคราช จ.นครราชสีมา มูลค่ากว่า 6 หมื่นล้านบาทของกรมทางหลวง ชี้ทำลายวิถีชีวิตชุมชน กระทบมรดกโลกเขาใหญ่ ไม่ผ่านประชาพิจารณ์ และงบประมาณไม่โปร่งใส เตรียมยื่นฟ้องศาลปกครอง
นายไพบูลย์ นิติตะวัน ประธานคณะอนุกรรมาธิการฯ กล่าวว่า จากการลงพื้นที่ศึกษาข้อเท็จจริงและพูดคุยกับชาวบ้านใน 3 บริเวณ ได้แก่ วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม ต.กลางดง และ หมู่ 8 ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง รวมทั้งแผงลอยริมถนนมิตรภาพ พบว่า หากโครงการนี้ก่อสร้างชาวบ้านจะได้รับความเดือดร้อนอย่างแน่นอน เนื่องจากมีหลายพื้นที่ที่เส้นทางโครงการตัดผ่าน นอกจากนี้ชาวบ้านส่วนใหญ่ยังไม่ทราบข้อมูลโครงการ จึงไม่ผ่านการทำประชาพิจารณ์ที่ถูกต้องดังที่กรมทางหลวงกล่าวอ้าง
นายประเทือง ปรัชญพฤทธิ์ ป.ป.ช. ภาคประชาชน กล่าวถึงความไม่โปร่งใสด้านงบประมาณมหาศาล ว่า โครงการนี้เกิดขึ้นตั้งแต่ปี 2548 แล้วเงียบหายไป รื้อฟื้นขึ้นมาใหม่ในปัจจุบันเพื่อใช้งบไทยเข้มแข็ง โดยอ้างว่าเพื่ออำนวยความสะดวกให้ปริมาณรถที่เพิ่มขึ้นในช่วงเทศกาล แต่งบประมาณที่ใช้มากเกินไป เริ่มต้น 2 หมื่นกว่าล้าน ขยับมาเป็น 7 หมื่นกว่าล้าน และเชื่อว่าจะขยับไปถึง 1 แสนล้าน ควรจะนำไปใช้ทำเรื่องรถไฟรางคู่ทั้งประเทศ ซึ่งเกิดประโยชน์มากกว่าและไม่ต้องมีการเวนคืนที่ดิน แต่หากโครงการนี้เกิดขึ้น จะมีมอเตอร์เวย์อีก 5 โครงการเข้าคิวรอในลักษณะเดียวกัน
นายประสาน ยุวานนท์ ประธานคณะกรรมการที่ปรึกษาภาคประชาชน อ.ปากช่อง กล่าวว่า ขณะนี้โครงการดังกล่าวอยู่ระหว่างขั้นตอนการจัดทำพระราชกฤษฎีกาเวนคืน ทั้งๆที่ยังไม่ได้จัดทำประชาพิจารณ์ให้ถูกต้องตามรัฐธรรมนูญ 2550 กรมทางหลวงเคยจัดประชุมกลุ่มผู้นำชุมชน แต่ชาวบ้านคัดค้านโครงการมาตลอด ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อวิถีชุมชนคือ พื้นที่เกษตรกรรม, ร้านค้าและแผงลอยกว่า 1,000 แห่งตลอดเส้นทางถนนมิตรภาพจะถูกทำลายเพราะไม่มีรถผ่านเส้นทางเดิม, ชาวบ้านจะถูกเวนคืนที่ดินต้องอพยพถิ่นฐาน และถนนที่มีรั้วกันจะทำให้วิถีชุมชนถูกแบ่งแยกเป็น 2 ฝั่ง นอกจากนี้จะโครงการดังกล่าวยังบดบังทัศนียภาพส่วนที่เป็นพื้นที่กันชนระหว่างชุมชนกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่มรดกโลก และกระทบแหล่งอารยธรรมหินตัดที่นำไปใช้สร้างปราสาทหินพิมาย
หม่อมหลวงวัลย์วิภา จรูญโรจน์ ผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันไทยคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ กล่าวถึงความไม่ชอบมาพากลของโครงการดังกล่าวว่า ผ่านการทำรายงานวิเคราะห์ผลกระทบสิ่งแวดล้อม(อีไอเอ) แล้วก่อนที่เส้นทางจะถูกกำหนดชัดเจนด้วยซ้ำ ดังนั้นชาวบ้านที่จะได้รับผลกระทบจากโครงการดังกล่าว สามารถคัดค้านได้
นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ เลขาธิการสมัชชาประชาชนแห่งประเทศไทย กล่าวว่า การที่รัฐบาลอ้างเหตุผลเพื่อแก้ปัญหาการจราจรแออัดนั้นไม่ถูกต้องเพราะราคาค่าผ่านทาง 200 บาทต่อเที่ยวเหมาะกับเฉพาะคนมีรายได้สูง มอเตอร์เวย์เส้นนี้นอกจากจะไม่เกิดประโยชน์ยังเป็นการใช้งบประมาณที่ไม่คุ้มค่า การพัฒนาระบบรถไฟรางคู่ต่างหากที่จะช่วยให้คนระดับรากหญ้าเข้าถึงความสะดวกสบายได้มากกว่า งบประมาณน้อยกว่า
นายสุรินทร์ สนธิระติ กรรมการคัดค้านโครงการมอเตอร์เวย์ภาคเอกชน กล่าวว่า การรวมตัวกันในวันนี้เป็นการเริ่มต้นคัดค้านอย่างจริงจัง หากโครงการยังเดินหน้าต่อไป ก็จะมีการยื่นฟ้องศาลปกครองให้ระงับโครงการ
ทั้งนี้กลางเดือนธันวาคมที่ผ่านมา ป.ป.ช.ภาคประชาชน ได้ร่วมกับ คณะกรรมาธิการศึกษาตรวจสอบเรื่องการทุจริตและเสริมสร้างธรรมาภิบาล และ คณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมภาคประชาชนป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในทรัพย์สินของรัฐ วุฒิสภา จัดเสวนา “โครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-โคราช 6 หมื่นล้าน ใครได้ใครเสีย” และหลังจากการลงพื้นที่ในวันนี้จะมีการเปิดเวทีสัมนาซักฟอกโครงการดังกล่าวอีกครั้งในวันที่ 22 มกราคม ที่รัฐสภา .