บ.คิงส์เกตฯ ส่งหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยละเมิดตกลงการค้า
บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ประเทศออสเตรเลีย ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ได้ส่งหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA)
บริษัท คิงส์เกต คอนโซลิเดทเต็ด ลิมิเต็ด ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ในจังหวัดพิจิตรและเพชรบูรณ์ ได้ส่งหนังสือแจ้งรัฐบาลไทยละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย-ออสเตรเลีย (TAFTA) วันที่ 3 เม.ย. ทางบริษัทฯ ได้ประกาศแจ้งเป็นเอกสารสำหรับเผยแพร่ต่อสาธารณชนไว้ในเว็บไซต์ www.kingsgate.com.au อย่างเป็นทางการ มีใจความว่า
บริษัทคิงส์เกต คอนโซลิเดเต็ด (ASX:KCN) (“คิงส์เกต” หรือ “บริษัท”) ผู้ถือหุ้นใหญ่ บริษัท อัครา รีซอร์สเซส จำกัด (มหาชน) ซึ่งเป็นผู้ประกอบการเหมืองแร่ทองคำชาตรี ในประเทศไทย ขอเรียนให้ทราบว่า ขณะนี้บริษัทฯ อยู่ในระหว่างการเสาะแสวงหาแนวทางต่างๆ เพื่อแก้ไขและเยียวยาปัญหาที่เกิดขึ้นกับเหมืองแร่ทองคำชาตรี รวมไปถึงการเรียกร้องค่าชดเชยจากรัฐบาลไทย จากการละเมิดข้อตกลงการค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย (Thailand - Australia Free Trade Agreement: TAFTA)
โดยในเบื้องต้น บริษัทฯ ได้มีหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรไทยแสดงความจำนงขอเข้าพบเพื่อปรึกษาหารือถึงแนวทางการปฏิบัติตามสิทธิภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย (TAFTA)
เนื่องจากเป็นเวลากว่า 11 เดือน ที่บริษัทฯ ได้แสดงถึงเจตจำนงในการขอเข้าพบรัฐบาลไทย เพื่อปรึกษาหารือในประเด็นที่เกี่ยวข้องด้วยความบริสุทธิใจ ภายหลังจากที่มีคำสั่งให้เหมืองแร่ทองคำชาตรียุติการประกอบกิจการภายในวันที่ 31 ธันวาคม 2559
อย่างไรก็ตาม คำขอเข้าพบนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรีจากบริษัทฯ ไม่ได้รับการตอบกลับแต่อย่างใด บริษัทฯ จึงมีความจำเป็นต้องดำเนินการตามสิทธิในส่วนของการส่งเสริมและคุ้มครองการลงทุนภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย (TAFTA) เพื่อหาข้อยุติเรื่องที่เกิดขึ้น
การลงนามในข้อตกลงการค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย (TAFTA) เกิดขึ้นในปี พ.ศ. 2547 ระหว่างประเทศไทยและออสเตรเลีย โดยมีจุดมุ่งหมายเพื่อส่งเสริมบรรยากาศด้านบริการ การค้า และการลงทุนระหว่างสองประเทศ และมีผลบังคับใช้ในปี พ.ศ. 2548
ข้อตกลงการค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย (TAFTA) มีขอบเขตครอบคลุมด้านต่างๆ อย่างกว้างขวางรวมถึงการให้ความคุ้มครองด้านการลงทุนแก่นักลงทุนชาวออสเตรเลีย โดยเปิดโอกาสให้นักลงทุนสามารถเลือกใช้กระบวนการยุติธรรมโดยวิธีการอนุญาโตตุลาการต่อคณะอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศในการระงับข้อพิพาทกับรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม การปรึกษาหารือภายใต้ข้อตกลงการค้าเสรีไทย – ออสเตรเลีย (TAFTA) นั้นอาจใช้ระยะเวลาในการดำเนินการถึง 3 เดือน และหากไม่สามารถหาข้อยุติร่วมกันได้ บริษัทฯ จำเป็นต้องดำเนินการเข้าสู่กระบวนการอนุญาโตตุลาการระหว่างประเทศต่อไป ซึ่งไม่สามารถระบุระยะเวลาและผลลัพธ์ของกระบวนการดังกล่าวได้อย่างแน่นอน
ท้ายนี้ บริษัทฯ ขอเรียนให้ทราบว่า บริษัทฯ ยังคงหวังที่จะได้พบและหารือถึงแนวทางการปฏิบัติเพื่อหาทางออกร่วมกันกับรัฐบาลไทยต่อไป ด้วยความเชื่อมั่นในการดำเนินธุรกิจในประเทศไทยด้วยความรับผิดชอบต่อชุมชนและประเทศไทยเสมอมาตลอดระยะเวลา 15 ปีที่เปิดดำเนินการ