ฉบับเต็ม! มติกสท.สั่งปิดวอยซ์ทีวี7วัน ก่อนองค์กรสื่อจี้ทบทวนให้ผู้บริโภคเป็นคนตัดสิน?
"..ในกรณีของ วอยซ์ทีวี หากรายการใดมีปัญหาก็ควรพิจารณาเป็นกรณีไป ไม่ควรใช้อำนาจพักใบอนุญาตทั้งสถานี หรือหากการเสนอเนื้อหาของ วอยซ์ทีวี หรือทีวีช่องใด มีผลกระทบต่อความมั่นคง หรือละเมิดสิทธิบุคคล หมิ่นประมาทบุคคลอื่น ผู้เสียหายหรือผู้มีส่วนได้เสีย ก็ชอบที่จะใช้สิทธิแจ้งความดำเนินคดี หรือฟ้องร้องตามกฎหมายปกติได้อยู่แล้ว และในแง่ของผู้บริโภคข่าวสาร หากสื่อใดนำเสนอรายการที่ไม่มีความรับผิดชอบ หรือละเมิดสิทธิผู้คน กลไกตลาด ผู้บริโภคข่าวสารจะเป็นคนตัดสินสื่อนั้นได้เช่นกัน.."
หมายเหตุ สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org : เป็นรายละเอียดในหนังสือ สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจาย เสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการ โทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ที่แจ้งถึง กรรมการผู้จัดการบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด เกี่ยวกับคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอลประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ เป็นระยะเวลา 7 วัน
-----------------
เรียน กรรมการผู้จัดการบริษัท วอยซ์ ทีวี จำกัด
อ้างถึง หนังสือสำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ ด่วนที่สุด ที่ สทช 4016/10502 ลงวันที่ 23 มีนาคม 2560
ตามที่หนังสืออ้างถึง สำนักงานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์และกิจการโทรคมนาคม(สำนักงาน กสทช.) แจ้งให้ บริษัทวอยซ์ ทีวี จำกัด ทราบว่า สำนักงาน กสทช. ได้รับเรื่องร้องเรียนการออกอากาศ รายการ ”ใบตองแห้ง On Air ” ทางช่องรายการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ช่องรายการวอยซ์ทีวี (ช่องรายการวอยซ์ ทีวี) เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 เวลา ประมาณ 19.11 น มีการนำเสนอในประเด็นหัวข้อ “ จากธัมมี่ถึงทักกี้ ประเทศนี้ยังปรองดองได้ที่อยู่หรือ” ซึ่งมีเนื้อหารายการที่อาจต้องห้ามมิให้ออกอากาศตามกฎหมาย จึงแจ้งข้อกล่าวหาดังกล่าวมายังบริษัทเพื่อทราบและให้ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวข้องต่อคณะอนุกรรมการด้านผังรายการและเนื้อหารายการ ในวันที่ 27 มีนาคม 2560 เพื่อประกอบการพิจารณาในส่วน ที่เกี่ยวข้องต่อไป และ โดยที่สำนักงาน กสทช. ได้รับเรื่องร้องเรียนเกี่ยวกับการออก รายการ In her view เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลาประมาณ 19.28 น. ซึ่งมีการนำเสนอในหัวข้อ "จังหวะแห่งข่าว: โกตี๋ อาวุธ และการลอบสังหาร” รายการ Overview เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลาประมาณ 18.54 น. ซึ่งมีการนำเสนอในหัวข้อ “ ยิง ” “ ชัยภูมิ” รัฐอย่าป้องทหารกว่าประชาชน ” และหัวข้อ “มีอะไรไปเคลียร์ในกรม อภิสิทธิ์ชนแถวสนาม ทำสังคมเดือด และรายการ voice News :Report ข่าวต้นชั่วโมง ซึ่งมีการนำเสนอรายงานข่าวที่นายวีระ สมความคิด เผยแพร่ข้อความผ่าน Facebook ถึงการถูกดำเนินคดีฐานกระทำความผิดตามพระราชบัญญัติว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์พ.ศ. 2550 และที่แก้ไขเพิ่มเติม เนื่องจากการเผยแพร่ข้อมูลเกี่ยวกับสถาน การพนันที่ชายแดนไทยกัมพูชา ซึ่งนอกจากข้อมูลดังกล่าวอาจต้องห้ามให้ออกอากาศตามกฎหมายแล้ว ประเด็นต่างๆดังกล่าวยังประเด็นที่ประชาชนกำลังให้ความสนใจอย่างมาก หากมีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ทำให้เกิดการสับสนวุ่นวายในกลุ่มประชาชนแล้วอาจก่อให้เกิดความไม่สงบเรียบร้อยในสังคมไทยได้ ดังนั้น กรณีดังกล่าวจึงเป็นกรณีที่มีความจำเป็นและเร่งด่วนที่จะต้องดำเนินการโดยเร็ว หากปล่อยให้เนิ่นช้าไปจะก่อให้เกิดความเสียหายแก่ประโยชน์สาธารณะอย่างร้ายแรงได้ เจ้าหน้าที่ของ สำนักงาน กสทช. จึงได้แจ้งข้อกล่าวหาให้บริษัททราบด้วยวาจาเมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2560 เวลา 16.22 น. โดยประมาณ และให้บริษัทฯ ดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริงกับคณะอนุกรรมการในวันที่ 27 มีนาคม 2560 พร้อมกับข้อร้องเรียนข้างต้นความละเอียดแจ้งแล้วนั้น
สำนักงาน กสทช. ขอเรียนดังนี้
1. บริษัทฯ ได้มอบอำนาจให้ผู้แทนมาดำเนินการชี้แจงข้อเท็จจริง โดยรับว่า ได้รับหนังสือแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการออกรายการ “ใบตองแห้ง On Air “ ทางช่องรายการวอยซ์ทีวี เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 และได้รับแจ้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการออกรายการ In Her View รายการ Overview และรายการ voice News :News Report ข่าวต้นชั่วโมง ด้วยวาจาจากเจ้าหน้าที่ของสำนักงาน กสทช แล้วนั้น ทั้งนี้ เมื่อได้รับชมเทปบันทึกรายการที่เจ้าหน้าที่ของสำนักงาน. กสทช. เปิดให้ชมแล้วนั้น รับว่าเป็นรายการที่ออกอากศทางช่องรายการวอยซ์ทีวี จริง ยกเว้นกรณีการนำเสนอรายการ overview ในหัวข้อ “ มีอะไรไปเคลียร์ใน กรม อภิสิทธิ์ชนแถวสนาม ทำสังคมเดือด” ซึ่งเป็นเนื้อหารายการที่นำเสนอผ่านสื่อสังคมออนไลน์ โดยมิได้มีการนำเสนอผ่าน ช่องทางรายการ วอยซ์ ทีวี แต่อย่างใด
ทั้งนี้ บริษัทฯ เห็นว่า เอกสารประกอบ การพิจารณาของคณะอนุกรรมการที่เป็นการถอดเทปรายการ “ ใบตองแห้ง On Air ” ช่วงนาทีที่ 19.14.13 น. ซึ่งระบุว่า “ .......หมายความว่ารัฐไม่ได้ใช้มาตรการรุนแรงแค่นั้น...” อาจมีข้อคลาดเคลื่อนและทำให้เกิดความเข้าใจที่ผิดเกี่ยวกับสาระสำคัญของการนำเสนอเนื้อหารายการดังกล่าว โดยที่ถูกต้องควรที่จะเป็น "...หมายความว่ารัฐไม่ได้ใช้มาตรการรุนแรง แค่แบบนั้น.." อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ รับว่าการนำเสนอข้อมูลว่า “.......รัฐเองต้องการจะคงอำนาจของรัฐ ราชการ แล้วก็รัฐที่แบบว่า ความมั่นคงให้อยู่ในรัฐธรรมนูญต่อไป ให้อยู่ต่อไปภายใต้รัฐธรรมนูญที่มีการเลือกตั้งพิธีการ นั่นคือความประสงค์ของรัฐ...” มีลักษณะของการสรุปความเกินไป
ทั้งนี้ บริษัทฯเองได้รับทราบถึงแนวนโยบายของรัฐ ภายหลังจากที่ได้มีการถูกร้องเรียนตรวจสอบและเชิญมาประชุมหารือกับคณะอนุกรรมการ หลายครั้ง รวมถึงการที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ (กสท.) ได้มีคำสั่งกำหนดโทษทางปกครอง เช่น การให้พักผู้ดำเนินรายการ การพักการออกอากาศรายการ เป็นต้น ซึ่งบริษัทได้ให้ความร่วมมือในการปฎิบัติตามคำสั่งกำหนดโทษทางปกครองดังกล่าว มาโดยตลอด เช่น การจัดโครงสร้างของรายการที่ถูกร้องเรียนและตรวจสอบใหม่ ให้มีการย้ายผู้ดำเนินรายการที่มีปัญหาในเชิงกรอบความคิดไม่ให้มีการจัดรายการร่วมกัน จนอาจเป็นเหตุให้เกินกรอบของกฎหมายที่เกี่ยวข้อง
แต่ด้วยแนวคิดของสถานีโทรทัศน์หรือช่องรายการวอยซ์ทีวีนั้นเป็นสถานีข่าว ที่มุ่งเน้นการนำเสนอข่าว การนำเสนอและวิเคราะห์ประเด็นทางสังคมที่ประชาชนให้ความสนใจ ซึ่งหากจะเปลี่ยนแนวความคิดดังกล่าว อาจจะเป็นไปไม่ได้ในทางปฏิบัติ หากแต่จะพยายามสร้างความสมดุล ของการนำเสนอในประเด็นต่างๆซึ่งปัญหาส่วนหนึ่งที่บริษัทยังไม่สามารถแก้ไขได้นั้นคือการเชิญบุคคลฝ่ายต่างๆมาให้ ความเห็นหรือร่วมวิเคราะห์ในรายการของบริษัทได้เท่าที่ควรเนื่องจากไม่ได้รับความร่วมมือจากแหล่งข่าวหรือบุคคลดังกล่าวแต่อย่างใด
2. คณะอนุกรรมการได้รับชมเทปบันทึกรายการใบตองแห้ง on Air รายการ In Her View ในหัวข้อ จังหวะแห่งข่าว : โกตี๋ อาวุธ และการลอบสังหาร รายการ overview เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลาประมาณ 18.54 น. ซึ่งมีการนำเสนอในหัวข้อ “ ยิง” ชัยภูมิ” รัฐอย่าป้องกันทหารกว่าประชาชนและรายการ Voice News : News Report ข่าวต้นชั่วโมง ตามที่บริษัทฯ รับว่าการออกอากาศทางช่องรายการวอยซ์ทีวีจริงแล้วเห็นว่า
2.1 รายการ “ ใบตองแห้ง On Air ” ซึ่งมีการนำเสนอประเด็นหัวข้อ “จากธัมมี่ถึงทักกี้ ประเทศนี้ยังปลองดองกันได้อยู่หรือ” อันเป็นการเสนอประเด็นที่หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งอาณาจักรไทยพ.ศ. 2557 (ฉบับชั่วคราว) ในการตรวจค้นวัดพระธรรมกายและพื้นที่โดยรอบนั้นเป็นการสร้างกระแสความเกลียดชังให้เกิดกับวัดพระธรรมกายและบุคคลต่างๆที่เกี่ยวข้อง และเมื่อวัดพระธรรมกายและบุคคลดังกล่าวถูกเกลียดชัง ไม่ว่าจะทำสิ่งใดก็จะไม่ถูกต้องไปทุกอย่าง ในขณะเดียวกันผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการใช้อำนาจตามมาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยพ.ศ. 2557 ( ฉบับชั่วคราว) ก็จะถูกกล่าวหาว่าเป็นการสนับสนุนวัดพระธรรมกายและทำลายศาสนา หรือ ในกรณีที่หากไม่เห็นด้วยกับการเรียกเก็บภาษีจากการขายหุ้นจากนายทักษิณ ชินวัตร ก็แสดงว่าเป็นพวกเดียวกันหรือมีผลประโยชน์ร่วมกันเป็นต้น ซึ่งการนำเสนอข้อมูล เช่นว่านี้เป็นการสอนให้ประชาชนเกิดความสับสนเกี่ยวกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐและสื่อมวลชนอื่นๆ ว่า หากไม่ดำเนินการตามกฎหมายกับ วัดพระธรรมกายและบุคคลที่เกี่ยวข้องหรือการดำเนินการตามกฎหมายภาษีกับนายทักษิณ ชินวัตร หรือนำเสนอข่าวสารในเชิงที่ไม่เห็นด้วยกับการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานของรัฐในกรณีดังกล่าวแล้วนั้นก็จะถูกตั้งข้อสงสัยว่าเป็นผู้สนับสนุนหรือมีผลประโยชน์ได้เสียกับวัดพระธรรมกาย นายทักษิณ ชินวัตร ทำให้เจ้าหน้าที่ของรัฐหน่วยงานของรัฐ หรือสื่อมวลชนไม่กล้าที่จะดำเนินการตามกฎหมายหรือนำเสนอข่าวสารตามความเป็นจริงอันเป็นการก่อให้เกิดกระแสความเกลียดชังวัดพระธรรมกาย และนายทักษิณ ชินวัตรในสังคมไทย
2.2 รายการ “ In Her View ” ซึ่งมีการนำเสนอประเด็นในหัวข้อ “ จังหวะแห่งข่าว: โกตี๋ อาวุธและการลอบสังหาร ” แม้ผู้ดำเนินรายการจะได้ชี้แจงในรายการว่า มีการนำบทวิเคราะห์ต่อประเด็นข่าว การตรวจค้นพบอาวุธจำนวนหนึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดมาจากสื่อมวลชนอื่นๆ ก็ตาม แต่ความเห็นดังกล่าวเป็นไปในทำนองเดียวกันว่าการค้นพบอาวุธดังกล่าวมีความเกี่ยวข้องกับ นายวุฒิพงศ์ ธรรมคุณ หรือโกตี๋นั้น ไม่น่าที่จะเป็นความจริงโดยเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อหวังผลทางการเมืองของหน่วยงานภาครัฐเท่านั้น อันเป็นการส่อให้เกิดความสับสนแก่ประชาชนถึงการดำเนินรายการของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐ ว่าเป็นไปโดยไม่ชอบธรรม เพื่อตั้งข้อกล่าวหาและดำเนินการตามกฎหมายกับอดีตแกนนำของคนเสื้อแดงเท่านั้น ซึ่งผู้ดำเนินรายการเองพึงจะต้องทราบว่าประเด็นดังกล่าวเป็นประเด็น ที่มีทั้งผู้ที่เห็นด้วยและผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับการดำเนินการของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่รัฐ การนำเสนอบทวิเคราะห์ของผู้ที่ไม่เห็นด้วยแต่เพียงฝ่ายเดียวจึงเป็นการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่ไม่ครบถ้วน มุ่งประสงค์จะให้ประชาชนเกิดความสับสนและความสงสัย หรือ ความเชื่อว่า การปฏิบัติหน้าที่ของหน่วยงานและเจ้าหน้าที่ของรัฐนั้นเป็นไปโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
2.3 รายการ overview ซึ่งมีการนำเสนอในหัวข้อ ยิง ชัยภูมิ รัฐอย่าป้องทหารกว่าประชาชน นั้น ผู้ดำเนินรายการมีการนำเสนอข้อมูลเกี่ยวกับการที่โฆษก กองทัพบก ได้ออกมาแถลงว่ายังคงเป็นไปเช่นเดียวกับเจ้าหน้าที่ทางทหารได้แถลงไปก่อนหน้านี้ โดยไม่ได้มีการพิจารณาข้อเท็จจริงของฝ่ายผู้ถูกวิสามัญฆาตกรรมแต่อย่างใด โดยผู้ดำเนินรายการได้มุ่งเน้นการนำเสนอข้อเท็จจริงเกี่ยวกับวิถีชีวิตประจำวัน ความเชื่อ และกิจกรรมของนายชัยภูมิฯ รวมถึงสภาพเหตุการณ์ในขณะที่ถูกวิสามัญฆาตกรรม และงานศพของนายชัยภูมิฯ โดยสรุปปิดท้ายว่า นายชัยภูมิฯไม่มีโอกาสที่จะเป็นผู้ต้องหาในคดียาเสพติดและมีพฤติกรรมที่จะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงแก่เจ้าหน้าที่ที่เข้าทำการจับกุมแต่อย่างใด
การกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐที่วิสามัญฆาตกรรมจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบ และเป็นเพียงการ ยิงทิ้ง ประชาชน และมีการยกกรณีเปรียบเทียบเหตุการณ์วิสามัญฆาตกรรมทุ่งยางแดง ซึ่งในท้ายที่สุดศาลวินิจฉัยว่าประชาชนที่ถูกวิสามัญฆาตกรรมไม่มีความผิด ทั้งที่ข้อเท็จจริงในเรื่องดังกล่าวยังอยู่ในระหว่างการพิจารณาของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง หากแต่การที่ผู้ดำเนินรายการยังคงมุ่งนำเสนอถึงข้อมูลเกี่ยวกับนายชัยภูมิฯ เพื่อสนับสนุนข้อสมมติฐานว่า นายชัยภูมิฯ ไม่น่าที่จะเป็นผู้ค้ายาเสพติดและมีพฤติการณ์ที่เจ้าหน้าที่จะสามารถสามัญฆาตกรรมได้ตามกฎหมาย และการแถลงข่าวของหน่วยงานรัฐก็ไม่เคยพิจารณาข้อมูลดังกล่าว โดยเชื่อแต่เพียงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่รัฐของตนเองเท่านั้น อันอาจทำให้ประชาชนที่ได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวมีความสับสน ถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐว่าเป็นการใช้อำนาจในทางที่ไม่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่ และการที่หน่วยงานต้นสังกัดแถลงข่าวเช่นว่านั้น เป็นการปกป้องเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะไม้รับฟังข้อเท็จจริงอื่นใด โดยเชื่อเพียงข้อมูลจากเจ้าหน้าที่ของรัฐเท่านั้น ซึ่งอาจเกิดข้อคลางแคลงใจเกี่ยวกับผลการสอบสวนหรือพิจารณาในเรื่องดังกล่าว ประกอบกับผู้ดำเนินรายการได้มีการนำเสนอข้อมูลว่า เดิมชนเผ่าลาหู่ ซึ่งเป็นชาวไทยภูเขาได้เคยมีประเด็นปัญหาการฟ้องร้องกับเจ้าหน้าที่ทหารมาก่อน "..นี่คือตัวอย่างที่อยากจะให้รัฐบาลหรือผู้เกี่ยวข้อง ผู้มีอำนาจในกองทัพไม่ลืมว่าประเทศเราไม่ใช่ประเทศที่ทุกครั้งที่มีวิสามัญฆาตกรรม เจ้าหน้าที่ทำถูกไปหมด ประเทศเราเป็นประเทศซึ่งหลายครั้งนี้วิสามัญฆาตกรรมโดยเจ้าหน้าที่มีอคติกับประชาชนในพื้นที่.." ซึ่งการนำเสนอข้อมูลเช่นว่านี้ ย่อมทำให้ประชาชนที่ได้รับฟังข้อมูลดังกล่าวเกิดความสับสนว่า การวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิฯนั้น เป็นไปเพื่อแก้แค้นจากปัญหาเดิมที่เคยมีการมีฟ้องร้องกันมาก่อนหรือไม่ ไม่ใช่ประเด็นเรื่องของการค้ายาเสพติดหรือพฤติกรรมที่น่าจะเป็นอันตรายอย่างร้ายแรงแก่เจ้าหน้าที่รัฐตามที่ได้มีการแถลงหรือไม่
คณะอนุกรรมการฯพิจารณาแล้วมีความเห็นคะแนนเสียงข้างมากกว่า การนำเสนอรายการ ใบตองแห้ง on air ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 เวลา 19.11น. โดยประมาณรายการ in her view ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 20มีนาคม 2560 เวลา 19.28 น. ในหัวข้อ จังหวะแห่งข่าว โกตี๋ อาวุธ และการลอบสังหาร และรายการ overview เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลา 18.54 น. ในหัวข้อ ยิง ชัยภูมิ รัฐอย่าป้องทหารกว่าประชาชน มีการนำเสนอข้อมูลข่าวสารที่อาจส่งให้เกิดความสับสนให้กับประชาชนที่รับชมรายการดังกล่าวถึงการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยงานของรัฐ อันเป็นเนื้อหารายการที่ต้องห้ามมิให้มีการออกอากาศตามประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 97/2557 ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยประกาศคณะรักษาความสงบแห่งชาติ ฉบับที่ 103/2557 (ประกาศฉบับ 97) ซึ่งถือเป็นการปฏิบัติผิดเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ตามที่บริษัทฯได้ทำบันทึกข้อตกลงกับสำนักงาน กสทช. ฉบับลงวันที่ 4 มิถุนายน 2560 เพื่อออกอากาศช่องรายการดังกล่าว ซึ่งที่ผ่านมา กสท. ปฏิบัติหน้าที่แทนคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.)ในการกำกับดูแลการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ ตามมาตรา 27 (6) ประกอบมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติองค์กรจัดสรรคลื่นความถี่และกำกับการประกอบกิจการวิทยุกระจายเสียง วิทยุโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม พ.ศ.2553 ได้เคยขอความร่วมมือจากบริษัทฯ จนถึงการใช้มาตรการทางปกครองกับบริษัทฯ เช่นการเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร การมีคำสั่งทางปกครองให้ระงับการออกอากาศรายการ การระงับการปฏิบัติงานของผู้ดำเนินรายการ เป็นต้น เพื่อให้บริษัทฯ ได้มีการพัฒนาแก้ไขปรับปรุงการนำเสนอรายการต่างๆมิให้ขัดต่อกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ หากแต่โดยที่ปรากฏว่า แม้บริษัทฯจะได้มีการปรับปรุงรูปแบบรายการ โดยเฉพาะรายการวิเคราะห์ข่าวนั้น ก็เป็นเพียงการย้ายผู้ดำเนินรายการจากรายการหนึ่งไปยังอีกรายการหนึ่งในลักษณะของการหมุนเวียนระหว่างรายการเท่านั้น ทำให้ปัญหาของการควบคุมและตรวจสอบไม่ให้มีการนำเสนอเนื้อหารายการที่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ตามคำสั่งกำหนดมาตรการทางปกครอง ของ กสท.ไม่เกิดผลเท่าที่ควร ประกอบกับด้วยประเด็นต่างๆ ที่มีการนำเสนอนั้น มักจะเป็นประเด็นที่มีความอ่อนไหวสูงต่อความรู้สึกนึกคิดของประชาชน และมุ่งเน้นการวิพากษ์วิจารณ์การปฏิบัติงานของหน่วยงานภาครัฐและเจ้าหน้าที่ของรัฐในลักษณะที่อาจส่อให้ประชาชนเกิดความเข้าใจที่สับสน คลาดเคลื่อน ซึ่งอาจนำไปสู่การต่อต้านการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่และหน่วยงานภาครัฐในอนาคต อันเป็นความเสียหายร้ายแรงต่อความสงบเรียบร้อยในสังคมที่ยากแก่การแก้ไขเยียวยาได้ภายหลัง
จึงเห็นสมควรที่จะเสนอ กสท.ให้ใช้มาตรการทางปกครอง ตามมาตรา 64(3) แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงกิจการโทรทัศน์ พ.ศ.2551ประกอบข้อ 20 ของประกาศคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่องหลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ.2555 ในการพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ เป็นเวลา 3 วัน
3.สำนักงาน กสทช.ได้รวบรวมข้อเท็จจริง และข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ เสนอต่อ กสท. ในการประชุมครั้งที่ 10/2560 เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2560 แล้วโดยที่ประชุมได้ตรวจทานกระบวนการในการแสวงหาข้อเท็จจริงของสำนักงาน กสทช. และคณะอนุกรรมการฯแล้ว เห็นว่าเป็นไปโดยชอบด้วยกฎหมายที่เกี่ยวข้องทุกประการ จึงได้พิจารณาในเนื้อหารายการ “ใบตองแห้ง on air” ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 เวลา 19.11น. โดยประมาณรายการ in her viewซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลา 19.28 น. ในหัวข้อ “จังหวะแห่งข่าว : โกตี๋ อาวุธ และการลอบสังหาร” และรายการ Overview เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลา 18.54 น. ในหัวข้อ “ยิง “ชัยภูมิ” รัฐอย่าป้องทหารกว่าประชาชน” แล้วเห็นพ้องด้วยกับความเห็นของคณะอนุกรรมการฯ ว่าเนื้อหารายการดังกล่าวมีลักษณะที่ส่อให้เกิดความสับสนของประชาชนเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐและหน่วยงานของรัฐทั้งในกรณีของการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย และการดำเนินการทางภาษีอากรกับนายทักษิณ ชินวัตร การตรวจค้นพบอาวุธจำนวนหนึ่งในเขตพื้นที่จังหวัดปทุมธานี และการวิสามัญฆาตกรรมนายชัยภูมิฯ ซึ่งหากประชาชนได้รับทราบข้อมูลดังกล่าวและหลงเชื่อ อาจจะมีข้อสงสัยหรือข้อคลางแคลงใจเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยงานของรัฐ ซึ่งบางกรณีแม้จะยังอยู่ในระหว่างกระบวนการพิจารณาสืบสวนสอบสวนของรัฐก็ตาม หากแต่ประชาชนย่อมที่จะไม่เชื่อถือในผลการสืบสวนสอบสวนดังกล่าว ด้วยเชื่อในข้อมูลที่ได้รับจากรายการว่า เจ้าหน้าที่รัฐ และหน่วยงานของรัฐกระทำการโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย ไม่มีความเป็นธรรม เป็นต้น
ดังนั้น เนื้อหารายการดังกล่าวจึงมีลักษณะต้องห้ามมิให้ออกอากาศเนื่องจากจะ “ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่น ให้เกิดความขัดแย้งหรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักร” อันเป็นการต้องห้ามตามข้อ 3 (5) ของประกาศฉบับที่ 97/2557 ซึ่งถือเป็นการกระทำความผิดต่อเงื่อนไขการอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ช่องรายการวอยซ์ทีวี ตามที่กำหนดในบันทึกข้อตกลงระหว่างสำนักงาน กสทช. และบริษัทฯ ด้วย
ทั้งนี้ กสท. ได้เคยใช้มาตรการทางปกครองต่อบริษัทฯ ในการกระทำความผิดเกี่ยวกับการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาที่ส่อให้เกิดความสับสน ยั่วยุ ปลุกปั่นให้เกิด ความขัดแย้ง หรือสร้างให้เกิดความแตกแยกในราชอาณาจักรมาแล้วหลายครั้ง โดยการพักการออกอากาศ หรือการดำเนินรายการของผู้ดำเนินรายการ เพื่อให้บริษัทฯ สามารถพิจารณาปรับปรุงรูปแบบและแนวทางในการนำเสนอเนื้อหารายการได้ แต่ยังคงปรากฏการกระทำความผิดในทำนองเดียวกันอีก ทั้งนี้ สืบเนื่องจากส่วนหนึ่ง บริษัทฯ ได้ทำการปรับปรุงรูปแบบรายการโดยการหมุนเวียน ผู้ดำเนินรายการจากรายการหนึ่งไปยังอีกรายการหนึ่ง และเพิ่มเติมผู้ดำเนินรายการคนอื่นๆเข้ามาในบางช่วงบางตอนของเวลาเท่านั้น
ดังนั้น เพื่อให้การประกอบกิจการโทรทัศน์ช่องรายการ วอยซ์ทีวี เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบกิจการ กระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ จึงเห็นสมควรกำหนด มาตรการทางปกครองใหม่ให้มีความเหมาะสม และให้บริษัทฯ ปรับปรุงแก้ไขการออกอากาศรายการที่ขัดต่อกฎหมายในลักษณะเช่นว่านี้ได้ แม้คณะอนุกรรมการฯ จะมีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ ช่องรายการ วอยซ์ ทีวี ของบริษัทฯ เป็นระยะเวลา 3 วันก็ตาม หากแต่ระยะเวลาดังกล่าวยังไม่เพียงพอที่บริษัทฯ จะดำเนินการแก้ไขในเรื่องดังกล่าวได้อย่างมีประสิทธิภาพ กสท.ได้พิจารณาถึงพฤติกรรม พฤติการณ์ และผลกระทบที่เกิดขึ้นด้วยความละเอียดรอบคอบแล้วนั้น จึงอาศัยอำนาจตามตามมาตรา 64 ประกอบมาตรา 16 แห่งพระราชบัญญัติการประกอบกิจการกระจายเสียงและกิจการโทรทัศน์ พ.ศ. 2551 ข้อ 20 ของประกาศคณะกรรมการกิจการและกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ เรื่อง หลักเกณฑ์และวิธีการอนุญาตการให้บริการกระจายเสียงหรือโทรทัศน์ พ.ศ. 2555 มีคำสั่งพักใช้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรทัศน์ภาคพื้นดินในระบบดิจิตอล ประเภทบริการทางธุรกิจระดับชาติ ช่องรายการ วอยซ์ ทีวี ของบริษัทฯ เป็นระยะเวลา 7 (เจ็ด) วัน นับตั้งแต่วันที่ได้รับทราบคำสั่งนี้เป็นต้นไป อันเนื่องมาจากการออกอากาศรายการ “ ใบตองแห้ง On Air” ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 เวลา 19.11 น. โดยประมาณ รายการ In Her View ซึ่งออกอากาศเมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลา 19.28 น. ในหัวข้อ “จังหวะแห่งข่าว : โกตี๋ อาวุธ และการลอบสังหาร” และรายการ Overview เมื่อวันที่ 20 มีนาคม 2560 เวลา 18.54 น. ในหัวข้อ “ยิง “ชัยภูมิ” รัฐอย่าป้องทหารกว่าประชาชนตามข้อ 3 (5) ของประกาศฉบับที่ 97/2557 ประกอบกับข้อตกลงระหว่างสำนักงาน กสทช. กับบริษัทฯ และหากยังคงมีการออกอากาศรายการที่มีเนื้อหาขัดต่อกฎหมายต่อไป กสท. จะใช้มาตรการทางปกครองที่สูงขึ้น
สำนักงาน กสทช. จึงขอแจ้งคำสั่งกำหนดมาตรการทางปกครองของ กสท. มายังบริษัทฯ เพื่อทราบและขอให้บริษัทฯ ปฏิบัติตามคำสั่งของ กสท. โดยให้ระงับการออกอากาศช่องรายการวอยซ์ ทีวี เป็นเวลา 7 (เจ็ด) วัน ตั้งแต่เวลา 00.01 น. ของวันที่ 28 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป ทั้งนี้ หาก บริษัทฯไม่พอใจในคำสั่งดังกล่าว สามารถใช้สิทธิโต้แย้งโดยยื่นคำฟ้องต่อศาลปกครองได้ภายใน 90 (เก้าสิบ) วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้
จึงเรียนมาเพื่อทราบและดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องด้วย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ทั้งนี้ ภายหลังรับทราบคำสั่งกสท. ดังกล่าว นายเมฆินทร์ เพ็ชรพลาย กรรมการผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี เปิดแถลงข่าวที่สตูดิโอ 3 สถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ถนนวิภาวดี และเผยแพร่ทางเฟซบุ๊กไลฟ์ ระบุว่า "ยืนยันว่าที่ผ่านมาได้ปรับเนื้อหาตามที่ กสทช.แจ้ง คือ ให้เนื้อหามีการอ้างอิง และมีเนื้อหาทั้งสองด้าน ซึ่งทางสถานีก็ได้พยายามทำให้มีตามคำแนะนำมาตลอด อย่างไรก็ตาม สถานีวอยซ์ทีวียังคงพัฒนารายการไปเรื่อยๆ ทั้งสังคม การเมือง และเศรษฐกิจเป็นหลัก" นายเมฆินทร์กล่าว
"เราก็ให้ความร่วมมือและทำหน้าที่อย่างเคร่งครัดมาโดยตลอด เราต้องเรียกร้องสิทธิของเรา รวมทั้งต้องอุทธรณ์และดำเนินการตามกฎหมายตามความเหมาะสม และพิจารณาว่าดุลพินิจต่างๆ ลงตัวหรือไม่ และกระทบทางธุรกิจของเราด้วย ก็ต้องดูเรื่องทางแพ่ง เราทราบดีว่ามีคำสัง คสช.กำกับว่ามีการยกเว้นโทษให้คณะผู้ดำเนินการต่างๆ ของ คสช.ในการกำหนดและตัดสินสื่อได้ อย่างไรก็ตาม จะหารืออย่างใกล้ชิด รวมถึงผู้สนับสนุนรายการ ทั้งนี้ ช่วงดังกล่าวจะออกอากาศออนไลน์ก่อน และปรับผังให้ลงตัวต่อไป"
จากนั้น มีการออกแถลงการณ์ระบุว่า วอยซ์ทีวีขอยืนยันว่าตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา วอยซ์ทีวีได้ดำเนินการตามพื้นฐานวิชาชีพสื่อมวลชนอย่างเคร่งครัด แม้เนื้อหาของวอยซ์ทีวีอาจจะมีความคิดเห็นที่แตกต่าง แต่ยืนยันว่าเนื้อหาดังกล่าวไม่กระทบต่อความมั่นคง ที่ผ่านมาวอยซ์ทีวีได้เข้าชี้แจงและให้ความร่วมมือต่อคณะอนุกรรมการผังรายการ กสทช. รวมทั้งหารือคณะทำงานติดตามสื่อของ คสช. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต่างๆ เพื่อแก้ไขรายการให้สอดคล้องและเหมาะสม
“วอยซ์ทีวีจะพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายเพื่อปกป้องสิทธิและเสรีภาพของสื่อมวลชน รวมทั้งการดำเนินการทางแพ่งและปกครองตามความเหมาะสมต่อไป เนื่องจากมติดังกล่าวมีผลกระทบต่อการดำเนินธุรกิจของบริษัทฯ ทั้งนี้ วอยซ์ทีวีทราบดีว่ามีคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติที่ 41//2559 เรื่องการกำกับดูแลการเผยแพร่ข้อมูลข่าวสารต่อสาธารณะ ที่ให้อำนาจ กสทช. ตัดสินและกำหนดกับสื่อมวลชนโดยเว้นโทษความผิดแพ่งและอาญาต่อคณะทำงาน”
ในช่วงเวลาดังกล่าว วอยซ์ทีวีจะปรับการออกอากาศผ่านสื่อออนไลน์ ซึ่งผู้ชมสามารถรับชมได้ผ่านทาง www.voicetv.co.th และ www.facebook.com/voicetvonline และวอยซ์ทีวีจะประสานงานเพื่อทำความเข้าใจกับผู้เกี่ยวข้องต่อไป และวอยซ์ทีวียังจะประสานงานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องอย่างใกล้ชิด เพื่อชี้แจงทำความเข้าใจต่อไป
ขณะที่ สมาพันธ์สื่อเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ หรือ SEAPA ออกแถลงการณ์วิพากษ์วิจารณ์กรณีที่คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งประเทศไทย หรือ กสทช. ตัดสินให้พักใบอนุญาตสถานีโทรทัศน์วอยซ์ทีวี ช่อง 21 เป็นเวลา 7 วัน โดยระบุว่า ถือเป็นการกระทำที่น่าตำหนิอย่างมาก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในขณะที่ไทยอ้างว่ากำลังเดินหน้ากลับสู่สถานการณ์ปกติและการปรองดอง บทลงโทษดังกล่าวรุนแรงเกินกว่าเหตุ และเป็นการแทรกแซงการทำงานของสถานี เนื่องจากการระงับการออกอากาศเป็นการปิดทั้งสถานีและรายการทั้งหมดของวอยซ์ทีวี ไม่ใช่รายการใดรายการหนึ่ง
เช่นเดียวกับ คณะอนุกรรมการคุ้มครองผู้บริโภคสื่อและโทรคมนาคม คณะกรรมการองค์การอิสระเพื่อการคุ้มครองผู้บริโภค ภาคประชาชน (คอบช.) และสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ที่ออกแถลงการณ์ เรียกร้อง ให้ กสทช. ทบทวนคำสั่ง กสท. ที่สั่งพักใบอนุญาต วอยซ์ทีวี ด้วยเช่นกัน
โดยแถลงการณ์ของ สมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และ สมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ระบุว่า ในกรณีของ วอยซ์ทีวี หากรายการใดมีปัญหาก็ควรพิจารณาเป็นกรณีไป ไม่ควรใช้อำนาจพักใบอนุญาตทั้งสถานี หรือหากการเสนอเนื้อหาของ วอยซ์ทีวี หรือทีวีช่องใด มีผลกระทบต่อความมั่นคง หรือละเมิดสิทธิบุคคล หมิ่นประมาทบุคคลอื่น ผู้เสียหายหรือผู้มีส่วนได้เสีย ก็ชอบที่จะใช้สิทธิแจ้งความดำเนินคดี หรือฟ้องร้องตามกฎหมายปกติได้อยู่แล้ว และในแง่ของผู้บริโภคข่าวสาร หากสื่อใดนำเสนอรายการที่ไม่มีความรับผิดชอบ หรือละเมิดสิทธิผู้คน กลไกตลาด ผู้บริโภคข่าวสารจะเป็นคนตัดสินสื่อนั้นได้เช่นกัน
(อ่านประกอบ : 2 สมาคมสื่อ-คุ้มครองผู้บริโภคค้าน กสทช.คำสั่งปิด Voice TV)
ทั้งหมดคือข้อมูลและความเคลื่อนไหว กรณี วอยซ์ทีวี ที่ถูก กสทช. สั่งปิดเป็นเวลา 7 วัน อยู่ในขณะนี้