ลุ้น! ดีเอสไอ เลิกม.44 “คุมธรรมกาย” “ลูกสาวอนันต์” รับซื้อที่ดินต่อจากศุภชัย
วันที่ 29 มี.ค. 2560 พ.ต.อ.ไพสิฐ วงศ์เมือง อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กล่าวถึงการประเมินสถานการณ์เพื่อยกเลิกประกาศพื้นที่ควบคุมวัดพระธรรมกาย อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ตามมาตรา 44 ว่า เรื่องนี้ได้หารือกับนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี เพื่อชี้แจงข้อปฏิบัติในการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย ซึ่งการคงประกาศพื้นที่ควบคุมไว้เพื่อความสะดวกในการตรวจค้นวัดพระธรรมกาย เมื่อภารกิจตรวจค้นผ่านไปแล้ว รองนายกรัฐมนตรีจึงให้ดีเอสไอประเมินว่าการปฏิบัติยังคงต้องใช้คำสั่งตามมาตรา 44 ต่อไปหรือไม่
"โดยจะประเมินถึงความร่วมมือของวัดพระธรรมกายว่า มีการระดมคนเข้ามาภายในบริเวณวัดอีกหรือไม่ และเจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถเข้าไปดูแลความปลอดภัยในวัดได้หรือไม่ ยอมรับว่าในระยะหลังได้รับความร่วมมือที่ดีจากวัดพระธรรมกาย ไม่มีการปลุกระดมกลุ่มศิษย์ให้มาต่อต้านและไม่เผยแพร่ข้อมูลบิดเบือนผ่านโซเซียลมีเดีย ซึ่งเหตุเรียบร้อยทั้งหมดจะนำมาพิจารณาประกอบการเสนอให้ยกเลิกการประกาศพื้นที่ควบคุมบริเวณวัดพระธรรมกาย" พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวว่า ส่วนการติดตามจับกุมตัวพระธัมมชโย ซึ่งมีสถานะเป็นผู้หลบหนีหมายจับยังต้องดำเนินการต่อไป โดยการจับกุมสามารถใช้กฎหมายปกติเข้าไปดำเนินการได้ ล่าสุด ข้อมูลการข่าวไม่ปรากฏว่าพระธัมมชโยหลบซ่อนอยู่ในพื้นที่โดยรอบวัดพระธรรมกาย
พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าวอีกว่า สำหรับความคืบหน้าการดำเนินคดีเครือข่ายก่อการร้ายของนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ (โกตี๋) เเกนนำนปช.ปทุมธานีนั้น ดีเอสไอจะส่งพนักงานสอบสวนไปสอบปากคำนายหัสดี ทิพะสอน หรือเป๊ปซี่ ผู้ต้องหาชาวสปป.ลาว ที่ทำหน้าที่รวบรวมสิ่งของส่งให้นายวุฒิพงศ์ขณะพำนักในประเทศสปป.ลาว ทั้งนี้ หลังการจับกุมตัวนายหัสดีรับสารภาพว่าได้ติดต่อและส่งของให้นายวุฒิพงศ์จริง ดีเอสไอจะเข้าไปดูว่าคำให้การเป็นประโยชน์ต่อรูปคดีอย่างไรบ้าง ซึ่งข้อเท็จจริงนี้สามารถยืนยันได้ว่ารัฐไม่ได้จัดฉากเข้ายึดอาวุธ แต่เครือข่ายผู้ต้องหามีการสะสมอาวุธและติดต่อสื่อสารระหว่างกันตลอดเวลา
"ในส่วนของนายวุฒิพงศ์ยังต้องสืบสวนต่อว่าเดินทางออกจากประเทศสปป.ลาวไปประเทศเวียดนามจริงหรือไม่ และพักอาศัยอยู่พิกัดเพื่อประสานของตัวเป็นผู้ร้ายข้ามแดนกลับมาดำเนินคดี" พ.ต.อ.ไพสิฐ กล่าว
ด้านพ.ต.ท.ประวุฒิ วงศ์สีนิล รองอธิบดีดีเอสไอ เปิดเผยว่า สำหรับ น.ส.อลิสา อัศวโภคิน เจ้าของที่ดินอาคารบุญรักษาที่อนุญาตให้พระสงฆ์และกลุ่มศิษย์วัดพระธรรมกายเข้าใช้พื้นที่ในอาคารบุญรักษานั้น เบื้องต้นที่ดินแปลงดังกล่าวยังเป็นของเอกชน เจ้าของมีสิทธิอนุญาตให้บุคคลเข้าใช้พื้นที่ และก่อนหน้านี้น.ส.อลิสาเคยให้การกับพนักงานสอบสวนในคดีฟอกเงินของกลุ่มนายศุภชัย ศรีศุภอักษร อดีตประธานสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด แล้วว่า ได้นำเงินมาซื้อที่ดินต่อจากนายศุภชัยจริง โดยชำระค่าที่ดินเป็นเช็คจากบริษัท แลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด(มหาชน) ซึ่งจุดประสงค์ในการซื้อเพื่อใช้เป็นสถานที่ก่อสร้างโรงพยาบาลสำหรับรักษาพระสงฆ์ แต่ในระหว่างการก่อสร้างยังคงถือครองในชื่อบุคคล เพราะต้องการส่งมอบที่ดินพร้อมอาคารโรงพยาบาลให้กับวัดเมื่อการก่อสร้างเสร็จสมบูรณ์แล้ว อย่างไรก็ตาม ดีเอสไอ ต้องสอบสวนให้ได้ข้อเท็จจริงว่าเงินจากบริษัทที่นำมาซื้อที่ดินมีที่มาอย่างไร เพราะบริษัทแลนด์แอนด์เฮ้าส์เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์การใช้จ่ายจะต้องชี้แจงตามกฎหมายด้วย