เครือข่าย 'โกตี๋' อ้าง 'จารุพงศ์' เป็นนายใหญ่เก็บอาวุธ 2 ตู้คอนเทนเนอร์
ที่ห้องประชุมชิวปรีชา บก.ป. ต่อมาเวลา 12.30 น. วันที่ 24 มีนาคม พล.ต.อ.ศรีวราห์ รังสิพราหมณกุล พร้อมคณะ แถลงข่าวกรณีการรับมอบตัวผู้ต้องหาในครั้งนี้โดย พล.ต.ต.ชยพล ฉัตรชัยเดช ผบก.ส. 4 กล่าวว่า สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มีนาคม เวลาประมาณ 06.00 น.ทหารและตำรวจ ได้ร่วมกันปิดล้อมตรวจค้นพื้นที่เป้าหมาย จ.ปทุมธานี อ่างทอง, หนองคาย, สุรินทร์, นครราชสีมา, ประจวบคีรีขันธ์ และสมุทรปราการ รวมทั้งสิ้น 7 จังหวัดซึ่งเชื่อว่ามีกลุ่มบุคคลที่เป็นเครือข่ายของ นายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ (โกตี๋) ผู้ต้องหาหลบหนีหมายจับ ได้ร่วมกันวางแผนสะสมอาวุธ อาวุธสงครามและวัตถุระเบิด เพื่อเตรียมการก่อเหตุร้ายและความไม่สงบเรียบร้อย ผลการตรวจค้น พบอาวุธปืน อาวุธสงคราม เครื่องกระสุนปืน เสื้อเกราะ ยาเสพติด และอุปกรณ์ที่อาจนำไปใช้ในการก่อความไม่สงบเรียบร้อยจำนวนมาก จึงได้ยึดไว้เป็นของกลาง ก่อนที่ต่อมาพล.ต.วิจารณ์ จะร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวน บก.ป. เพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิดดังกล่าว โดยในวันเดียวกันเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงทหาร ได้อาศัยอำนาจตามคำสั่ง คสช.ที่ 3/2558 ลงวันที่ 1 เมษายน 2558 ควบคุมตัวบุคคลที่เกี่ยวข้องเพื่อซักถามข้อเท็จจริง ไว้แล้วนั้น
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวต่อว่า พนักงานสอบสวน บก.ป.ได้ตรวจสอบพบว่ากลุ่มผู้ต้องหา ยังร่วมกันประชุมวางแผนหลายครั้ง เพื่อที่จะใช้กำลังต่อสู้ขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงาน หากมีการนำกำลังเข้าตรวจค้นและยึดพื้นที่วัดพระธรรมกายอันเป็นการสมคบกันตั้งแต่ห้าคนขึ้นไปเพื่อกระทำความผิดอย่างหนึ่งอย่างใด (ต่อสู้ขัดขวาง เจ้าพนักงาน) จึงขอศาลอาญารัชดาออกหมายจับ กระทั่งศาลออกหมายผู้ต้องหาทั้ง 9 คน ได้แก่
1. นายธีรชัย อุตรวิเชียร (ระพิน) อายุ 54 ปี ชาวจ.สมุทรปราการ ผู้ต้องหา ตามหมายจับเลขที่ 719/60 ลง 21 มีนาคม2560 ความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครองครองไม่ได้รับอนุญาต, มีวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต , รับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง และมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และหมายจับเลขที่ 743/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
2. นายประเทือง อ่อนละมูล อายุ 57 ปี ชาวจ.อ่างทอง ตามหมายจับเลขที่ 718/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจ ออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มี ใช้วิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และรับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากร และหมายจับเลขที่ 744/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
3. นางปาลิดา เรืองสุวรรณ อายุ 61 ปี ชาว จ.สกลนคร ตามหมายจับเลขที่ 745/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
4. นายวันไชยชนะ ครุฑไชยันต์ อายุ 55 ปี ชาวจ.ปทุมธานี ตามหมายจับเลขที่ 722/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน มีอาวุธปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และมีวัตถุระเบิดที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองและหมายจับเลขที่ 746/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
5. นางเอมอร วัดแก้ว อายุ 43 ปี ชาวจ.ปทุมธานี ตามหมายจับเลขที่ 720/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, มีเครื่องยุทธภัณฑ์ไว้ในความครองครองไม่ได้รับอนุญาต, มีวิทยุคมนาคมไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต, รับไว้โดยประการใดซึ่งของอันตนรู้ว่าเป็นของที่เข้ามาในราชอาณาจักรโดยยังมิได้ผ่านศุลกากรโดยถูกต้อง และมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย
6. นายอุดมชัย นพสวัสดิ์ อายุ 60 ปี ชาวจ.พระนครศรีอยุธยา ตามหมายจับเลขที่ 721/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐานมียาเสพติดให้โทษ (ยาบ้า) ไว้ในความครอบครองเพื่อจำหน่ายโดยผิดกฎหมาย และหมายจับเลขที่ 748/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
7. จ.ส.อ.ธนโชติ วงศ์จันทร์ชมภู อายุ 56 ปี ชาวจ.ขอนแก่น ตามหมายจับเลขที่ 749/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
8. ว่าที่ ร.ต.สุริยศักดิ์ ฉัตรพิทักษ์กุล อายุ 49 ปี ชาวจ.สุรินทร์ ตามหมายจับเลขที่ 750/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร และ หมายจับเลขที่ 10/2560 ลง 17 มี.ค.2560 ความผิดฐานหมิ่นประมาท ดูหมิ่นหรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายพระมหากษัตริย์ฯ ตามม.112 และนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคง ตามพ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ (ออกโดยศาลทหาร กรุงเทพ)
9. นายบุญส่ง คชประดิษฐ์ อายุ 54 ปี ชาวจ.สระบุรี ตาม หมายจับเลขที่ 717/60 ลง 21 มี.ค.2560 ความผิดฐาน มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต และหมายจับเลขที่ 754/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
10. นายวุฒิพงศ์ หรือโกตี๋ กรธรรมคุณ อายุ 48 ปี ชาวจ.ปทุมธานี (อยู่ระหว่างหลบหนี) ตามหมายจับเลขที่ 739/60 ลง 22 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ร่วมกันมีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนที่นายทะเบียนไม่อาจออกใบอนุญาตให้ได้ไว้ในความครอบครองโดยผิดกฎหมาย, มีอาวุธปืนและเครื่องกระสุนปืนไว้ในความครอบครองโดยไม่ได้รับอนุญาต
11. น.ส.บุญเต็ม รักษาภายใน อายุ 54 ปี ชาวจ.อุดรธานี (อยู่ระหว่างหลบหนี) ตามหมายจับเลขที่ 751/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
12. นายสมจิตร สาบุดดา อายุ 64 ปี ชาว จ.เลย (อยู่ระหว่างหลบหนี) ตาม หมายจับเลขที่ 752/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
13. นายวันลพ รัตน์รุ่ง อายุ 45 ปี ชาวจ.เชียงราย (อยู่ระหว่างหลบหนี) ตามหมายจับเลขที่ 753/60 ลง 23 มี.ค.2560 ความผิดฐาน ซ่องโจร
พล.ต.ต.ชยพล กล่าวต่อว่า วันนี้ทหารได้นำตัวผู้ต้องหา 9 รายมามอบให้พนักงานสอบสวน บก.ป. โดยมีแพทย์ รพ.ตร. ตรวจร่างกาย พร้อมทั้งแสดงหมายจับ และแจ้งข้อหาตามขั้นตอน เบื้องต้นแพทย์ระบุว่าไม่มีความผิดปกติ และไม่พบร่องรอยการถูกทำร้ายร่างกายแต่อย่างใด
โดยนายธีรชัย กล่าวว่า ได้เข้ามาทำงานกับนายโกตี๋ เมื่อประมาณปี 2556 โดยมีหน้าที่รับผิดชอบเกี่ยวกับงานช่าง ดูแลวิทยุ อุปกรณ์เครื่องเสียงที่ใช้ในการออกอากาศสถานีวิทยุคนเสื้อแดง เรดการ์ดเรดิโอ เท่านั้น ส่วนอาวุธปืนของกลางทั้งหมด เป็นอาวุธปืนที่นายโกตี๋ รับบริจาคเงินจากชาวบ้านแล้วนำไปซื้อมา ซึ่งตนไม่ทราบว่า นายโกตี๋ ไปซื้อมาจากที่ไหน อย่างไรก็ดี เท่าที่ทราบอาวุธปืนเหล่านี้ เคยถูกนำไปใช้ก่อเหตุเพียง 2 ครั้ง คือกรณีการชุมนุมที่เวทีอนุสรณ์สถาน ดอนเมือง เพื่อใช้สำหรับป้องกันเหตุ
"ส่วนการนำอาวุธปืนไปใช้ครั้งที่ 2 คือที่บริเวณแยกหลักสี่ ในระหว่างที่มีการปะทะกับกลุ่ม กปปส.ซึ่งมีพระพุทธอิสระ เป็นแกนนำเวทีดังกล่าว แต่ภายหลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช.ได้กระทำการรัฐประหาร นายโกตี๋ ก็กำชับกับตนให้นำอาวุธปืนและอุปกรณ์ทุกอย่างที่สถานีวิทยุคนเสื้อแดง เรดการ์ดเรดิโอ จ.ปทุมธานี มาเก็บไว้ที่บ้านของตน พร้อมทั้งให้ดูแลรักษาไว้อย่างดี โดยหลังจากนั้นก็ไม่เคยนำอาวุธปืนทั้งหมดออกมาใช้แต่อย่างใด" นายธีรชัย ระบุ
นายธีรชัย กล่าวอีกว่า เคยเดินทางไปพบกับนายโกตี๋ ที่ประเทศลาว ประมาณ 3 ครั้ง โดยครั้งล่าสุด เดินทางไปเมื่อประมาณเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมา ส่วนหนึ่งในเรื่องที่เคยพูดคุยกันนั้นเป็นการสอบถามว่าจะมีแนวทางที่จะต่อต้านรัฐบาลอย่างไร ซึ่งนายโกตี๋ ได้บอกกับตนว่า มีผู้ใหญ่ระบุว่ามีอาวุธอยู่ 2 ตู้คอนเทนเนอร์ แต่นายโกตี๋ ก็ไม่เคยเห็นอาวุธในตู้คอนเทนเนอร์ดังกล่าว ส่วนผู้ใหญ่ที่นายโกตี๋ กล่าวอ้างนั้นน่าจะเป็นนายจารุพงศ์ เรืองสุวรรณ อดีต รมว.มหาดไทย ซึ่งตนเคยพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายจารุพงศ์
"ผมยืนยันว่าทุกครั้งที่ไปพบกับนายโกตี๋ นั้น ไม่ได้มีคำสั่งให้กลับมาก่อเหตุความวุ่นวายใดๆ และเชื่อว่าลำพังนายโกตี๋ ก็ไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะก่อเหตุอะไรได้ ส่วนกรณีการขู่ลอบสังหารผู้นำประเทศนั้น มีการขู่จริง" นายธีรชัย กล่าวและว่า ตนทราบดีว่าการที่มีอาวุธปืนอยู่ในความครอบครองนั้นผิดกฎหมาย แต่เนื่องจากนายโกตี๋ กับตนเป็นเพื่อนกัน และนายโกตี๋ ก็กำชับกับตนว่าให้เก็บอาวุธปืนไว้ จึงไม่ได้มอบให้กับทางการตั้งแต่ช่วงที่ คสช.มีคำสั่งออกมา
ด้าน นายวันไชยชนะ กล่าวว่า ในส่วนของอาวุธปืนที่อยู่ในความครอบครองของตนนั้นเป็นปืนบีบีกัน ส่วนอาวุธปืนสั้นและปืนยาว 2 กระบอกนั้นเป็นของภรรยาตนซึ่งมีทะเบียนครอบครองถูกต้อง โดยตนมีบ้านพักอยู่ที่ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แต่จะเดินทางมาหานายธีรชัย เพื่อพูดคุยหารือกันเกี่ยวกับเรื่องการเมือง และมีการแนะนำตัวกับกลุ่มคนที่มีความคิดเห็นคล้ายกัน แต่ในวงสนทนาที่ผ่านมา ไม่เคยพูดคุยกันเกี่ยวกับการเข้าไปสร้างความวุ่นวายกรณีใดๆ รวมทั้งกรณีของวัดพระธรรมกาย ที่มีการต่อต้านเจ้าหน้าที่ และแนวทางของตนก็ไม่นิยมความรุนแรง ส่วนที่เคยเห็นตนปรากฏตัวที่หน้าวัดพระธรรมกาย ก็เป็นเพียงการติดรถของคนที่รู้จักกันเพื่อเดินทางกลับ ซึ่งตนยืนยันว่าไม่เคยเข้าไปในวัดพระธรรมกาย รวมทั้งไม่เคยร่วมเคลื่อนไหวชุมนุมกับนายโกตี๋ เพราะไม่รู้จักและไม่เคยเจอกัน สำหรับข้อกล่าวหาต่างๆ นั้น หากส่วนใดที่ตนทำผิดก็ยอมรับ แต่ส่วนใดที่ตนไม่เกี่ยวข้องก็จะปฏิเสธทั้งหมด
ขณะที่ ว่าที่ ร.ต.สุริยศักดิ์ กล่าวว่า ตนไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องการจับกุมอาวุธปืนในครั้งนี้ รวมทั้งไม่เคยเคลื่อนไหวด้วยการใช้ความรุนแรง เนื่องจากแนวคิดของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ (นปช.) ในกลุ่มของพวกตนนั้น จะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นต่อกันในประเด็นการเมือง ซึ่งพวกตนยอมรับความเห็นที่หลากหลาย
อย่างไรก็ดี หลังจาก ว่าที่ ร.ต.สุริยศักดิ์ กล่าวถึงประเด็นเรื่องอาวุธปืนนั้น ทาง พล.ต.อ.ศรีวราห์ ได้ชี้แจงถึงข้อกล่าวหาทันที ว่าทาง ว่าที่ ร.ต.สุริยศักดิ์ ไม่ได้ถูกแจ้งข้อหาเกี่ยวกับอาวุธปืนแต่อย่างใด โดยข้อหาที่ถูกออกหมายจับนั้นเป็นความผิดฐานซ่องโจร และความผิดฐานหมิ่นเบื้องสูง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ซึ่งในส่วนของว่าที่ ร.ต.สุริยศักดิ์นั้น หลังจากแจ้งข้อหาและทำประวัติแล้ว จะนำส่งฝากขังที่ศาลทหารต่อไป เนื่องจากหมายจับเป็นของศาลทหาร"