เปิดหนังสือบิ๊ก ส.ป.ก.ถึงผู้ว่าฯเชียงใหม่ ต้องเพิกถอน น.ส.3 ก.160 แปลง บ.ดัง
เปิดหนังสือ รองเลขาฯ ส.ป.ก. ส่งถึงผู้ว่าฯเชียงใหม่ ดูเหตุผล 4 ข้อ ไฉน!ต้องเพิกถอน น.ส.3 ก. 1,200 ไร่ อ.แม่วาง บ.อสังหาฯ ตระกูลดัง อ้างออกเอกสารสิทธิ ในเขตป่าไม้ถาวรถือเป็นการออก คำสั่งทางปกครองที่ผิดพลาดร้ายแรง
กรณีปัญหา น.ส.3 ก. 1,200 ไร่ ของบริษัทปาล์ม สปริงส์ เพลซ จำกัด ในอ.พื้นที่ ต.ดอนเปา (บ้านกาด) อ.แม่วาง (สันป่าตอง) จ.เชียงใหม่ ที่มีการร้องเรียนไปยังศูนย์ดำรงธรรมให้กรมที่ดินเพิกถอนเนื่องจากอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรป่าสงวนแห่งชาติ และเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม ทว่ากรมที่ดินเห็นว่าเป็นปัญหาข้อกฎหมาย แต่มิได้ดำเนินการเพิกถอน แต่ให้ ส.ป.ก. ใช้สิทธิทางศาลเพื่อขอให้ศาลมีคำพิพากษาหรือคำสั่งเพิกถอน น.ส.3 ก.ดังกล่าวได้ (อ่านประกอบ:กรมที่ดินโยน ส.ป.ก.ฟ้องศาล! ปม น.ส.3 ก.1,200 ไร่ จ.เชียงใหม่ บ.ตระกูลดัง)
ล่าสุดสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำสาระสำคัญ ของ หนังสือ ของ ส.ป.ก.โดยนางเปรมจิต สังขพงษ์ รองเลขาธิการ รักษาราชการแทนเลขาธิการสำนักงานการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม (ส.ป.ก.) แจ้งไปยังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ขอให้เพิกถอน น.ส.3 ก. ของบริษัท ปาล์ม สปริงส์ เพลซ จำกัด เป็นผู้ครอบครอง เนื่องจาก ที่ดินอยู่ในเขตป่าไม้ถาวรป่าสงวนแห่งชาติ และเขตพื้นที่ปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรม มาเสนอ ดังนี้
ส.ป.ก.ได้ตรวจสอบข้อเท็จจริงตามคำร้องประกอบหนังสือจังหวัดเชียงใหม่ที่ ชม 0019 / 2252 ลงวันที่ 21 มกราคม 2547 หนังสือกรมที่ดินที่ มท 0516.2 / 103380 ที่ 21 เมษายน 2551 และคำสั่งอธิบดีกรมที่ดินที่ 2354 / 2551 และ 2355 / 2551 สั่ง ณ วันที่ 20 26 กันยายน 2551 และกฏหมายกฏกระทรวงความเห็นและแนวปฏิบัติที่เกี่ยวข้องแล้วมีความเห็นต่างจาก อธิบดีที่ดิน โดยเห็นว่า
น.ส.3ก. จำนวน 160 แปลงดังกล่าวเป็น น.ส.3ก. ตามหนังสือจังหวัดเชียงใหม่ที่ชม 0019 / 252 วรรคสองข้อ 1, 2.3 (1) วรรคสี่ ข้อ 3 ที่ดินและหนังสือกรมที่ดินที่ มท 0516.2 / 10338 วรรคสอง ข้อ 1 ออกเมื่อปีพ.ศ. 2521-2522 โดยวิธีการเดินสำรวจในเขตป่าไม้ถาวร ป่าสันป่าตองหรือแม่ขาน-แม่วางแปลง 3 โดยไม่แจ้งการครอบครองที่ดินเป็นการออกโดยไม่ชอบด้วยกฏหมาย ส.ป.ก.จึงมีสิทธิ์ในที่ดินดีกว่า บริษัทปาล์ม สปริงส์ เพลซ จำกัด เนื่องจาก
1. มาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินห้ามเดินสำรวจออก น.ส.3ก ในเขตป่าไม้ถาวร
2. การที่คณะรัฐมนตรี มีมติเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2536 ให้จำแนกที่ดินบริเวณดังกล่าวออกจากป่าไม้ถาวรและทำให้ที่ดินกลายเป็นที่รกร้างว่างว่างเปล่าก่อนการประกาศเขตปฏิรูปที่ดิน ไม่ถือว่าข้อเท็จจริงเปลี่ยนไปในสาระสำคัญในทางที่จะเป็นประโยชน์แก่ผู้มีสิทธิ ในที่ดินตาม น.ส.3 ก ในการที่จะขอให้พิจารณาใหม่ (ขอออก น.ส.3ก ใหม่ ) ตามในมาตรา 54 (4) แห่งพระราชบัญญัติวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองพ.ศ. 2539 หาก น.ส.3ก. ถูกเพิกถอนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินตามหนังสือกรมที่ดินที่มท 0516.2 / 10338 การพิจารณาประกอบหนังสือกรมที่ดินที่มท. 0719 /วอ 34166 ลงวันที่ 6 ตุลาคม 2542 เนื่องจากคณะรัฐมนตรีในการประชุมเมื่อวันที่ 22 มิถุนายน 2525 มีมติให้การจัดที่ดินซึ่งหน่วยงานต่างๆกำลังดำเนินการอยู่ในปัจจุบันให้ดำเนินการต่อไปแต่ไม่ให้ขยายพื้นที่ดำเนินการยกเว้นในกรณีการปฏิรูปที่ดินเพื่อ เกษตรกรรมและการพัฒนาที่ดินและให้หน่วยงานที่รับผิดชอบทำแผนปฏิบัติการหรือโครงการในการจัดที่ดินที่เหลืออยู่ให้เสร็จสิ้นภายในห้าปี
ดังนั้นแม้คณะรัฐมนตรีจะมีมติเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2536 ให้จำแนกที่ดินบริเวณดังกล่าวจากป่าไม้ถาวร เพื่อเป็นที่ทำกินของราษฎรหรือใช้ประโยชน์อย่างอื่น ก็ไม่ทำให้กรมที่ดิน มีอำนาจดำเนินการออก น.ส.3ก. ตามประมวลกฎหมายที่ดินให้แก่ผู้มีชื่อใน น.ส.3ก. ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายใหม่ได้ หาก น.ส.3ก. ถูกเพิกถอน เพราะพื้นที่ดังกล่าว คณะรัฐมนตรีให้ใช้ในการปฎิรูปที่ดิน เพื่อเกษตรกรรมและพัฒนาที่ดินเท่านั้น
นอกจากนี้คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติในการประชุมครั้งที่ 2 / 2537 เมื่อวันที่ 2 พฤษภาคม 2537 ได้มอบพื้นที่ที่จำแนกออกจากป่าไม้ถาวรตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 15 เมษายน 2536 ป่าสันป่าตองหรือ แม่ขาน-แม่วางแปลง 3 แปลงย่อยที่ 2,5,7และ8 เนื้อที่ประมาณ 6,116 ไร่ให้ ส.ป.ก. ไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมกรมที่ดินจึงไม่มีอำนาจดำเนินการออก น.ส.3ก. ตามประมวลกฎหมายที่ดินให้ แก่ผู้มีชื่อในน.ส.3ก. ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฏหมายใหม่ได้หาก น.ส.3ก. ถูกเพิกถอนเพราะพื้นที่ดังกล่าวคณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติมอบให้ ส.ป.ก.นำไปดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมแล้ว
3. นอกจากเหตุผลที่กล่าวมาใน (1) และ (2) คณะกรรมการวิธีปฏิบัติราชการทางปกครองเคยให้ความเห็นไว้ในเรื่องเสร็จที่ 268 / 2552 ว่าการออก น.ส.3ก. เป็นการฝ่าฝืนมาตรา 58 แห่งประมวลกฎหมายที่ดินเนื่องจากการออกด้วยกันนำทำการเดินสำรวจออก น.ส.3ก. ในเขตป่าไม้ถาวรถือเป็นการออก คำสั่งทางปกครองที่ผิดพลาดอย่างร้ายแรงและฝ่าฝืนกฎหมายอย่างชัดแจ้งทำให้ น.ส.3 ก ไม่มีผลใช้บังคับแม้ยังไม่มีการเพิกถอน น.ส.3 ก. ตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน
4. ภายหลังจากที่คณะกรรมการจัดที่ดินแห่งชาติมอบพื้นที่ให้ ส.ป.ก. ในการประชุมครั้งที่ 2 / 2537 คณะกรรมการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมในการประชุมครั้งที่ 4 / 2539 เมื่อวันที่ 4 พฤศจิกายน 2539 บัญชีเอกสารที่แนบหนึ่งหนึ่งได้อนุมัติกำหนดพื้นที่ดังกล่าวให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดินและมีการกำหนดเขต ปฏิรูปที่ดินโดยพระราชกฤษฎีกากำหนดเขตที่ดินในท้องที่ตำบลน้ำบ่อหลวงอำเภอสันป่าตองและตำบลดอนเปาตำบลบ้านกาดตำบลทุ่งปี้ อำเภอแม่วางจังหวัดเชียงใหม่ให้เป็นเขตปฏิรูปที่ดิน พ.ศ. 2540 ส.ป.ก. จึงได้ที่ดินดังกล่าวมาตามความใน มาตรา 26 (3) แห่งพระราชบัญญัติการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมพ.ศ. 2518 แก้ไขเพิ่มเติมฉบับที่สามพ.ศ. 2532 และตกเป็นกรรมสิทธิ์ของ ส.ป.ก. เพื่อนำมาดำเนินการปฏิรูปที่ดินเพื่อเกษตรกรรมตามความในมาตรา 36 ทวิแห่งพระราชบัญญัติฉบับเดียวกัน ส.ป.ก. จึงเป็นผู้มีสิทธิในที่ดินดีกว่าบริษัท ปาล์ม สปริงส์ เพลช จำกัด ผู้มีชื่อใน น.ส.3ก ที่ออกโดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ตามความเห็นที่กล่าวมา ส.ป.ก. จึงขอให้จังหวัดเชียงใหม่แจ้งข้อเท็จจริงพร้อมความเห็นดังกล่าวข้างต้นให้ ส.ป.ก. เชียงใหม่ทราบและให้ ส.ป.ก. เชียงใหม่ตรวจสอบ ว่าสำนักงานที่ดินจังหวัดเชียงใหม่สาขาสันป่าตองได้จัดส่งเรื่องราวขอรังวัดออกโฉนดที่ดินโดยอาศัยหลักฐาน น.ส.3ก. ดังกล่าวให้ ส.ป.ก.เชียงใหม่พิจารณาดำเนินการตามในบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมที่ดินกับ ส.ป.ก. เรื่อง วิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการออกเอกสารสิทธิ์ทิในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินพ.ศ. 2541 หรือบันทึกข้อตกลงระหว่างกรมที่ดินกับเรื่องวิธีปฏิบัติเกี่ยวกับการออกหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในเขตปฏิรูปที่ดินพ.ศ. 2558 หรือไม่อย่างไร
ทั้งนี้หาก ส.ป.ก.เชียงใหม่ไม่ได้คัดค้านการขอรังวัดการออกโฉนดที่ดินภายในกำหนดเวลาประกาศ โฉนดที่ดินและไม่ได้มีการนำมาขอรังวัดออกโฉนดที่ดิน ขอให้สอบแจ้งให้สำนักงานที่ดินจังหวัดพิจารณาดำเนินการกฎหมายที่ดินและและวิธีการในการสอบสวนและการพิจารณาแก้ไขหรือรับรองการทำประโยชน์ การจดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมหรือการจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนด้วยคาดเคลื่อนหรือโดยไม่ชอบด้วยกฎหมายพ.ศ. 2553 ต่อไปด้วยผลเป็นประการใดขอให้แจ้ง ส.ป.ก. ทราบต่อไป(ดูหนังสือประกอบท้ายเรื่อง)
ทั้งหมดเป็นข้อมูลจากฝั่ง ส.ป.ก. โดยยืนยันว่า กรมที่ดินต้องเพิกถอน น.ส.3 ก.ของเอกชนรายดังกล่าว ขณะที่กรมที่ดินเห็นว่า ส.ป.ก.สามารถใช้สิทธิฟ้องศาลเพื่อให้เพิกถอน น.ส.3 ก.ได้
ต้องรอดูกันต่อไปว่าจะได้ข้อยุติอย่างไร?