อุปโลกน์หนี้ 72 ล.! คำพิพากษาชำแหละ ‘เกษม’แจ้งบัญชีเท็จ-รวยผิดปกติ 168 ล.
“…ที่นางบุญทอง อ้างว่า นำเงินจากการทำธุรกิจของ หจก.แม่ปิงฯ พร้อมกับเงินที่ได้จากโรงงานน้ำแข็ง โรงสี และเงินจากการทำธุรกิจขายทอง รวมวงเงินกว่า 100 ล้านบาท ไม่สมเหตุสมผล และไม่น่าเชื่อถือ เพราะจากการตรวจสอบผลประกอบการ หจก.แม่ปิงฯ ระหว่างปี 2551-2554 พบว่า ขาดทุนอย่างมาก ไม่น่าจะมีเงินมาให้นางดวงสุดากู้ยืมได้ นอกจากนี้การเก็บเงินสดไว้ในบ้านเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาทนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะทำให้เกิดอันตราย และไม่เกิดประโยชน์ รวมถึงไม่สร้างดอกเบี้ยแต่อย่างใด ดังนั้นการกล่าวอ้างดังกล่าวจึงไม่น่าเชื่อถือ เป็นการปกปิดทรัพย์สิน…”
ชื่อของ ‘เกษม นิมมลรัตน์’ อดีต ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย กลับมาได้รับความสนใจจากสาธารณชนอีกครั้ง!
ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาจำคุก นายเกษม 1 ปี ไม่รอลงอาญา เนื่องจากเห็นว่า เป็นเรื่องร้ายแรง และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี ในคดีจงใจปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ นอกจากนี้ยังมีคำสั่งยึดทรัพย์สินจำนวนกว่า 168 ล้านบาท ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ในคดีร่ำรวยผิดปกติอีกด้วย
(อ่านประกอบ : คุกจริง 1 ปี! 'เกษม' จงใจแจ้งบัญชีเท็จ-ยึดทรัพย์รวยผิดปกติ 168 ล.)
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org เรียบเรียงส่วนหนึ่งของคำพิพากษาทั้งสองคดีดังกล่าว สรุปได้ดังนี้
@คดีจงใจปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินอันเป็นเท็จ แบ่งเป็น 2 กรณี
หนึ่ง ช่วงพ้นตำแหน่งที่ปรึกษานายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่
นางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (ภรรยานายเกษม) แจ้งว่า มีเงินกู้ยืมจากนางบุญทอง สุภาษี (มารดานายเกษม) จำนวน 72 ล้านบาท โดยนางดวงสุดา อ้างว่า กู้ยืมเงินดังกล่าวมาจากนางบุญทอง จำนวน 72 ล้านบาท เพื่อจะนำมาซื้อหุ้นบริษัท วินโคสท์ฯ และบริษัท แอสคอนฯ ขณะที่นางบุญทอง อ้างว่า เงินดังกล่าวได้มาจากการทำธุรกิจของ หจก.แม่ปิง คอนสตรัคชั่น และรายได้จากที่นายบุญฮง (บิดานายเกษม) ได้จากการเปิดโรงงานน้ำแข็ง และโรงสี รวมถึงได้เงินจากการทำธุรกิจขายทอง รวมวงเงินกว่า 100 ล้านบาท แต่เก็บไว้ที่บ้าน ไม่ได้นำไปฝากธนาคาร ทั้งนี้ในการทำสัญญากู้ยืมเงิน ในสัญญาระบุว่า กู้ยืม 72 ล้านบาท แต่นางดวงสุดา อ้างว่า ได้รับเงินไม่ครบ คือได้ประมาณ 30 ล้านบาท
ศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า ที่นางบุญทอง อ้างว่า นำเงินจากการทำธุรกิจของ หจก.แม่ปิงฯ พร้อมกับเงินที่ได้จากโรงงานน้ำแข็ง โรงสี และเงินจากการทำธุรกิจขายทอง รวมวงเงินกว่า 100 ล้านบาท ไม่สมเหตุสมผล และไม่น่าเชื่อถือ เพราะจากการตรวจสอบผลประกอบการ หจก.แม่ปิงฯ ระหว่างปี 2551-2554 พบว่า ขาดทุนอย่างมาก ไม่น่าจะมีเงินมาให้นางดวงสุดากู้ยืมได้ นอกจากนี้การเก็บเงินสดไว้ในบ้านเป็นเงินกว่า 100 ล้านบาทนั้น ไม่น่าเป็นไปได้ เพราะทำให้เกิดอันตราย และไม่เกิดประโยชน์ รวมถึงไม่สร้างดอกเบี้ยแต่อย่างใด ดังนั้นการกล่าวอ้างดังกล่าวจึงไม่น่าเชื่อถือ เป็นการปกปิดทรัพย์สิน
สอง ช่วงพ้นตำแหน่งที่ปรึกษานายก อบจ.เชียงใหม่ ครบ 1 ปี รับตำแหน่ง ส.ส. พ้นตำแหน่ง ส.ส. พ้นตำแหน่ง ส.ส. ครบ 1 ปี และเข้ารับตำแหน่งรองนายก อบจ.เชียงใหม่
ปกปิดรายได้จากการขายหุ้นบริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) วงเงิน 26.1 ล้านบาท พร้อมกับไม่ยอมแจ้งว่านางบุญทอง สุภารังสี (มารดาของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ ภรรยานายเกษม) ถือครองหุ้นบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) วงเงิน 74 ล้านบาท ในบัญชีแสดงรายการทรัพย์สิน เป็นการปกปิดทรัพย์สิน
@คดีร่ำรวยผิดปกติ 168 ล้านบาท
คดีนี้มีประเด็นที่น่าสนใจอยู่กรณีเดียวสรุปได้ว่า นางดวงสุดา อ้างว่า กู้ยืมเงินนางบุญทอง วงเงิน 72 ล้านบาท โดยนางบุญทอง อ้างว่า ได้เงินมาจากธุรกิจ หจก.แม่ปิงฯ ธุรกิจโรงงานน้ำแข็ง โรงสี และธุรกิจขายทอง ซึ่งศาลพิเคราะห์แล้วเห็นว่า หจก.แม่ปิงฯ ผลประกอบการขาดทุนมาหลายปี รวมถึงไม่มีเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนเกี่ยวกับรายได้ของโรงงานน้ำแข็ง โรงสี และธุรกิจขายทอง ไม่มีการแจ้งในแบบแสดงภาษีเงินได้บุคคลธรรมดา (ภ.ง.ด.) แม้จะอ้างว่า ไม่ทราบว่าการได้รับเงินดังกล่าวจะต้องแจ้งเสียภาษีก็ตาม แต่ก็ไม่สมเหตุสมผล รวมถึงการเก็บเงินสดไว้ในบ้านกว่า 100 ล้านบาท ผิดวิสัยที่กระทำกัน และไม่ได้ประโยชน์ รวมถึงไม่ได้ดอกเบี้ย จึงเชื่อได้ว่า เงินกู้ดังกล่าวไม่ได้มีการทำสัญญาขึ้นจริง
ทั้งนี้นางดวงสุดา อ้างว่า ได้นำเงินกู้ยืมดังกล่าวมาซื้อหุ้นแอสคอนฯ วงเงิน 74 ล้านบาท ก่อนจะขายออกไป และนำเงินไปซื้อหุ้นบริษัท วินโคสต์ฯ วงเงิน 26.1 ล้านบาท และหุ้นอื่น ๆ เมื่อพิเคราะห์แล้วว่า เงินกู้ดังกล่าวไม่น่าจะมีอยู่จริง จึงน่าเชื่อได้ว่า หุ้นต่าง ๆ ที่นางดวงสุดา อ้างว่า ได้มาจากการกู้ยืมเงินนางบุญทอง 72 ล้านบาท จึงไม่น่าจะใช้เงินจากการกู้ยืมดังกล่าวซื้อ
นอกจากนี้นายเกษม นางดวงสุดา และนางบุญทอง ไม่สามารถแสดงเอกสารหลักฐานได้ว่า ได้เงินดังกล่าวมาอย่างไร โดยอ้างว่า ไม่ได้ทำบัญชีรายรับรายจ่ายประกอบ เพราะเงินทั้งหมดเป็นค่าใช้จ่ายภายในครอบครัวด้วย ดังนั้นจึงไม่มีหลักฐานเพียงพอว่า นายเกษม นางดวงสุดา นำเงินจากไหนมาซื้อหุ้นต่าง ๆ ดังกล่าว จึงมีมติให้ยึดทรัพย์สินรวมทั้งสิ้นกว่า 168 ล้านบาท ตกเป็นของแผ่นดิน
ยกเว้นรถยนต์โตโยต้า มูลค่า 7 แสนบาท ที่นายเกษม และนางดวงสุดา อ้างว่า ก่อนหน้านี้เป็นรถยนต์ของ หจก.แม่ปิงฯ ก่อนจะโอนชื่อมาให้นายเกษม ซึ่งนางดวงสุดา อ้างมาโดยตลอดว่า ต้องการซื้อรถยนต์ให้นายเกษมใช้ และมีพยานหลักฐานเพียงพอที่เชื่อได้ว่า รถยนต์คันดังกล่าวเป็นของนายเกษม และนางดวงสุดาจริง จึงให้คืนทรัพย์สินดังกล่าวไป รวมถึงหุ้นบริษัท NFC จำนวน 6,870 หุ้น (ไม่ระบุมูลค่า) ด้วย
อนึ่ง ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลความผิดนายเกษม คดีจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ และคดีร่ำรวยผิดปกติ กว่า 186 ล้านบาท โดยคณะกรรมการ ป.ป.ช. พิจารณาแล้วเห็นว่า จากการตรวจสอบทรัพย์สินกรณีพ้นจากตำแหน่ง และกรณีพ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลา 1 ปีในตำแหน่ง ส.ส. และตำแหน่งรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.) เชียงใหม่ รวมแล้ว 6 กรณี มีมติว่า นายเกษมจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินอันเป็นเท็จ ได้แก่ แจ้งเงินกู้ยืมของนางดวงสุดา นิมมลรัตน์ (คู่สมรส) ที่กู้ยืมจาก นางบุญทอง สุภารังสี (มารดาของนายเกษม) 72 ล้านบาทอันเป็นเท็จ ปกปิดเงินที่ได้จากการขายหุ้น บริษัท วินโคสท์ อินดัสเทรียล พาร์ค จำกัด (มหาชน) หรือ WIN ในตลาดหลักทรัพย์มูลค่า 26,193,205 บาท และปกปิดเงินลงทุนในบริษัท แอสคอน คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ ASCON มูลค่า 74,205,972 บาทของนางดวงสุดาที่ให้นางบุญทองถือครองแทน
สำหรับรายชื่อหุ้นต่าง ๆ ที่ถูกยึดทรัพย์ให้ตกเป็นของแผ่นดิน ดูรายละเอียดได้ตามเอกสาร
อ่านประกอบ :
ชี้ชะตากรรม นักการเมืองรายที่ 5 ถูกยึดทรัพย์ รวยผิดปกติ 186 ล.?
ป.ป.ช.เชือดอดีต ส.ส.‘เกษม’คนสนิท‘เจ๊แดง’ซุกทรัพย์สิน-รวยผิดปกติ 186 ล.
ย้อนทรัพย์สิน'เกษม'คนสนิท‘เจ๊แดง’ ป.ป.ช.ฟันรวยผิดปกติ186 ล.-'อิศรา'คุ้ย 3 ปีก่อน
หมายเหตุ : ภาพประกอบนายเกษม จาก thairath