อดีตรองเลขาฯ สปสช ฟ้อง “หมอเชิดชู” ฐานหมิ่น ศาลนัดไต่สวน 22 พ.ค.นี้
ศาลชี้คดีมีมูลรับฟ้อง “หมอประทีป” ฟ้อง “หมอเชิดชู” ในความผิดฐานหมิ่นประมาท นัดไต่สวน 22 พ.ค.นี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 ศาลจังหวัดนนทบุรีชี้คดีมีมูลฟ้อง มีคำสั่งรับฟ้องกรณี นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ อดีตรองเลขาธิการ สปสช.เป็นโจทก์ฟ้อง พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ในความผิดฐานหมิ่นประมาท และแสดงข้อความอันเป็นเท็จนำเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ผ่านทางเว็บไซต์เฟซบุ๊ก Churdchoo Ariyasriwatana ทำให้เกิดความเสียหาย อาจมีผลให้ไม่ได้รับเลือกเป็นเลขาธิการ สปสช.และศาลนัดไต่สวนคำให้การของจำเลยในวันที่ 22 พฤษภาคม นี้
จากกรณี พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ได้ทำจดหมายเปิดผนึกถึง พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ หนังสือยื่นต่อ นพ.ปิยะสกล สกลสัตยาทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) ในฐานะประธานคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (บอร์ด สปสช.) ขอให้ชะลอการคัดเลือกเลขาธิการ สปสช. คนใหม่ ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 4 กรกฎาคม 2559 โดยขณะนั้นเหลือเพียง นพ.ประทีป ธนกิจเจริญ รองเลขาธิการ สปสช.เป็นผู้สมัครเพียงรายเดียวที่ได้รับการสรรหาเป็นเลขาธิการ สปสช. โดยให้ข้อมูลว่าสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ตรวจสอบเกี่ยวกับการทุจริตในการบริหารของ สปสช. แล้วพบว่ามีมูล โดยเลขาธิการ สปสช. รองเลขาธิการ สปสช. และบอร์ด สปสช. ต้องมีส่วนรับผิดชอบ และกล่าวหาว่า นพ.ประทีป มีส่วนเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ปีละมากกว่า 30 ล้านบาทจากการจัดซื้อน้ำยาล้างไต ซึ่งต่อมาทาง สปสช.ได้ชี้แจงว่าข้อกล่าวหาดังกล่าวไม่เป็นความจริง เป็นการนำเอาชุดข้อมูลเก่าที่หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเคยออกมาชี้แจงปฏิเสธไปแล้ว มากล่าวหาใหม่เพื่อมุ่งให้มีผลต่อการคัดเลือกเลขาธิการ สปสช.
นพ.ประทีป เปิดเผยว่า ได้มอบหมายให้ทนายความยื่นฟ้อง พญ.เชิดชู อริยศรีวัฒนา ในข้อหาหมิ่นประมาท และนำข้อมูลอันเป็นเท็จเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ ทำให้เกิดความเสียหาย มีความผิดทางอาญา โดยยื่นฟ้องต่อศาลจังหวัดนนทบุรี ตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน 2559 และศาลได้นัดไตสวนมูลฟ้องหลายครั้ง จนเมื่อวันที่ 15 มีนาคม 2560 ศาลได้อ่านคดีว่ามีมูล และมีคำสั่งรับฟ้องโดยจะนัดโจทก์และจำเลยมาให้การไตสวนในวันที่ 22 พฤษภาคมนี้
“ที่ต้องฟ้องเป็นคดีอาญา เพราะที่ผ่านมามักมีกลุ่มคนหน้าเดิมๆ เอาข้อมูลที่เป็นเท็จ มากล่าวหาให้ร้าย สปสช.และเลขาธิการ หรือผู้บริหาร สปสช.ที่เป็นที่คาดหมายว่าจะเป็นเลขาธิการต่อไปอย่างต่อเนื่องผ่านทางสื่อต่างๆ ทั้งๆ ที่มีการชี้แจงข้อเท็จจริงหลายครั้ง ทำให้ประชาชนเกิดความเข้าใจผิด ระบบงานหลักประกันสุขภาพได้รับความเสียหาย เมื่อชี้แจงแล้วหลายครั้งไม่ได้ผล จึงต้องพึ่งบารมีของศาล” อดีตรองเลขาธิการ สปสช. กล่าว