การบินไทยชี้แจง 8 ข้อ ปมกลุ่ม พนง.ร้องสื่อสอบความโปร่งใส
การบินไทย ชี้แจง ประเด็นกลุ่ม พนง.ร้องสื่อสอบความโปร่งใสของกรรมการบริหาร ทั้งการจัดซื้อเครื่องบิน การขายแอร์บัส เอ340 การตั้งบริษัทลูกเพื่อเอื้อประโยชน์คนกลุ่มหนึ่ง การนำโบอิ้ง 747 ไปทำเครื่องขนส่งสินค้า
ตามที่มีกลุ่มพนักงานการบินไทยได้ยื่นหนังสือเรียกร้องให้มีการตรวจสอบปัญหาการทุจริตและประพฤติมิชอบใน บริษัท การบินไทยฯ เมื่อวันที่ 12 กุ.พ. 2560 โดยได้ยื่นหนังสือร้องเรียนผ่านสื่อมวลชน ระบุ กลุ่มพนักงานการบินไทย ภายใต้ชื่อคนบินไทยจิตอาสาต้านโกง ส่งจดหมายถึงสื่อมวลชน เพื่อเรียกร้องให้หน่วยงานตรวจสอบภาครัฐ ภาคเอกชน รับทราบปัญหาทุจริต และประพฤติมิชอบในการบินไทย โดยประเด็นที่ถูกชูขึ้นมา คือ การจัดซื้อเครื่องบิน การแปลงปรับระบบเครื่องบินของบริษัท โดยมีการเรียกร้องผู้มีส่วนเกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบการดำเนินการบริหารนโยบายของคณะบอร์ด และคณะผู้บริหารบริษัทการบินไทยฯ อีกทั้งยังขอเรียกร้องให้ พล.อ. ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ใช้มาตรา 44 ตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการทุจริตดังกล่าวนั้น
บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) ได้พิจารณาเห็นว่าประเด็นต่างๆ ที่กล่าวอ้างนั้นมีความคลาดเคลื่อนไม่ตรงกับข้อเท็จจริง ซึ่งอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดและความเสียหายโดยตรงกับบริษัทฯ และผู้ที่เกี่ยวข้อง ดังนั้น บริษัทฯ จึงขอให้ข้อเท็จจริงเป็นประเด็นต่างๆ ดังต่อไปนี้
1. บริษัท การบินไทยฯ ไม่เคยลดอายุการใช้งานจริงของเครื่องบินในฝูงบินของบริษัทฯ บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ไม่เคยลดอายุการใช้งานจริงของเครื่องบินแต่อย่างใด ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ใช้งานเครื่องบินอย่างคุ้มค่าและคำนึงถึงความปลอดภัยและความสะดวกสบายของผู้โดยสารเป็นสำคัญ โดยจะปลดประจำการตามมาตรฐานสากลและมาตรฐานที่ถูกต้องทางบัญชี รวมทั้งข้อบังคับของหน่วยงานความปลอดภัยระหว่างประเทศเท่านั้น
2. บริษัท การบินไทยฯ มิได้ดำเนินการขายหุ้น ระดมทุน กู้เงิน ตามแผนฟื้นฟูฯ ปี 2552 - 2554 เพื่อนำเงินไปซื้อเครื่องบินใหม่ บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัท การบินไทยฯ เป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์การระดมทุนต้องมีการกำหนดวัตถุประสงค์อย่างชัดเจนและเมื่อได้เงินจากการระดมทุนมาดำเนินการ จะต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ที่กำหนดไว้อย่างเคร่งครัด
3. บริษัทฯ มิได้ปรับปรุงเครื่องบินแอร์บัส เอ 340 ที่มีแผนปลดระวางไว้ล่วงหน้าแล้ว
บริษัทฯ ขอให้ข้อเท็จจริงว่า กรรมการและผู้บริหารไม่เคยอนุมัติหรือดำเนินการปรับปรุงเก้าอี้ที่นั่งในเครื่องบินแอร์บัส เอ 340 ที่ได้มีแผนปลดประจำการในปี 2555 แต่อย่างใด
4. การจัดตั้งบริษัทลูกหลายบริษัท โดยเฉพาะบริษัท ไทยสมายล์ นกแอร์ และ Wingspan เป็นการดำเนินการตามแผนธุรกิจที่จะนำบริษัทฯ ให้แข่งขันได้ ไม่ใช่เอื้อประโยชน์ให้กับใคร บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ ได้จัดตั้งสายการบินนกแอร์เป็นสายการบินต้นทุนต่ำ ตั้งแต่ปี 2547 เนื่องจากในช่วงนั้นรัฐบาลมีนโยบายเปิดเสรีการบินภายในประเทศ และการเปิดเสรีการบินของประเทศในภูมิภาคเอเชีย มีแนวโน้มในการเปิดกว้างมากขึ้น ส่งผลให้เกิดการแข่งขันในตลาดมีความรุนแรงมากขึ้น และไม่จำกัดอยู่เฉพาะภายในประเทศ แต่ขยายสู่ธุรกิจการบินระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย อีกทั้งแนวโน้มของผู้โดยสารที่หันมานิยมการเดินทางด้วยสายการบินต้นทุนต่ำ มีปริมาณความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ดังนั้นเพื่อเป็นการปกป้องและช่วงชิงโอกาสทางธุรกิจที่เปลี่ยนไปจากเดิม บริษัทฯ จึงได้จัดตั้งสายการบินนกแอร์ เพื่อเป็น Fighting Brand สำหรับธุรกิจการขนส่งผู้โดยสารภายในประเทศ และระหว่างประเทศในภูมิภาคเอเชีย และหากไม่ทำ บริษัทฯ จะหมดโอกาสในการแข่งขันในตลาดการบินต้นทุนต่ำ
ส่วนสายการบินไทยสมายล์นั้น เริ่มจัดตั้งขึ้นในปี 2556 เพื่อเสริมศักยภาพและความแข็งแกร่งด้านเครือข่ายให้กับการบินไทย ด้วยเครื่องบินลำตัวแคบและต้นทุนต่ำ ที่เอื้อให้ลูกค้าประจำของการบินไทยอยู่กับการบินไทยได้ในราคาที่ถูกลง ทั้งนี้ เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ของบริษัทฯ โดยเริ่มจากการเป็นหน่วยธุรกิจก่อน หลังจากนั้นจึงได้แยกออกมาตั้งเป็นบริษัท เพื่อความคล่องตัวในการบริหารงาน และดำเนินการเป็นสายการบินแบบบริการเต็มรูปแบบ (Full Service) เช่นเดียวกับการบินไทย ราคาไม่แพงและสามารถบริหารต้นทุนได้ง่าย โดยใช้ฐานปฏิบัติการบินที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อการเชื่อมโยงสนับสนุนการบินไทย สำหรับบริษัท Wingspan ได้ตั้งขึ้นเมื่อปี 2553 เพื่อแก้ไขปัญหาด้านบุคลากรระดับปฏิบัติการที่ไม่มีทักษะเฉพาะด้านเป็นส่วนใหญ่ และมีอัตราการ เข้า-ออก สูง ทั้งนี้การปฏิบัติในแนวทางนี้เป็นเช่นเดียวกับรัฐวิสาหกิจหลายแห่งดำเนินการมาก่อนการบินไทย
5. บริษัทฯ ให้ความสำคัญในการปรับปรุงระเบียบจัดซื้อจัดจ้างและตรวจสอบการทุจริตตลอดมา แม้ไม่มีกรณีโรลส์-รอยซ์ บริษัทฯ ได้ให้ความสำคัญเรื่องความโปร่งใสในการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทฯ อย่างมากตลอดมา เห็นได้จากการปรับปรุงระเบียบพัสดุมาเป็นระยะๆ โดยล่าสุดในปี 2555 บริษัทฯ ได้ประกาศใช้ระเบียบพัสดุที่ปรับปรุงใหม่ โดยมีสาระที่สำคัญ คือบริษัทฯ จะไม่มีการจัดซื้อจัดหาผ่านคนกลาง รวมทั้งกำหนดให้แต่งตั้งคณะกรรมการจัดซื้อจัดจ้างที่ประกอบด้วยเจ้าหน้าที่จากหลายหน่วยงาน เพื่อให้มีการถ่วงดุลอำนาจกัน ทั้งนี้ กระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทฯ เป็นไปตามมาตรฐานการจัดซื้อจัดจ้างของหน่วยงานรัฐอย่างเคร่งครัด เพื่อให้มีความยุติธรรมและโปร่งใส รวมทั้งมีการจัดเก็บเอกสารครบถ้วน ตรวจสอบย้อนหลังได้ นอกจากนี้บริษัทฯ จะได้ดำเนินการจัดทำสัญญาคุณธรรม (Integrity Pact) สำหรับการจัดหาเครื่องยนต์ และการซ่อมบำรุงกับคู่ค้า เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่มีการให้สินบนกับการจัดซื้อจัดจ้างของการบินไทย นอกจากนั้น ในการจัดทำแผนปฏิรูปบริษัทฯ ตั้งแต่ปี 2557 บริษัทฯ ได้บรรจุเรื่องการปรับปรุงประสิทธิภาพในการจัดหาไว้ในแผนปฏิรูปฯ เพื่อให้มั่นใจว่าจะมีการปรับปรุงอย่างต่อเนื่อง อีกทั้งการจัดซื้อจัดจ้างของบริษัทฯ ได้รับการตรวจสอบจากภาครัฐเป็นระยะ โดยล่าสุด คณะกรรมการตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ ที่แต่งตั้งโดย คสช. ได้มอบหมายให้คณะอนุกรรมการฯ ซึ่งมี พล.อ.ไชยพร รัตแพทย์ เป็นประธานฯ เข้ามาตรวจสอบกระบวนการจัดซื้อจัดจ้างของการบินไทย เมื่อกลางปี 2559 และไม่ปรากฏข้อท้วงติงแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น เมื่อกลางปี 2559 บริษัทฯ ได้แต่งตั้งคณะกรรมการปรับปรุงประสิทธิภาพการจัดซื้อจัดจ้าง โดยมีกรรมการบริษัทฯ 4 ท่าน ร่วมเป็นกรรมการ โดยมี พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ เป็นประธานคณะกรรมการฯ และได้มีการดำเนินการอย่างต่อเนื่อง
6. สตง. เป็นผู้ตรวจสอบบัญชีของบริษัทฯ ตลอดมา และไม่เคยพบการแต่งบัญชีอย่างที่กล่าวอ้าง บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า ที่ประชุมใหญ่สามัญผู้ถือหุ้น ได้มีมติแต่งตั้งให้สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ซึ่งเป็นผู้ตรวจสอบบัญชีให้รัฐวิสาหกิจทุกแห่ง เป็นผู้สอบบัญชีและรับรองบัญชีของบริษัทฯ มาโดยตลอด ซึ่ง สตง.ได้ปฏิบัติงานตรวจสอบมาตรฐานการสอบบัญชี ไม่เคยพบการแต่งบัญชี หรือปิดบังการลงบัญชีสภาพเครื่องบินที่ผิดปกติแต่อย่างใด
7. กรณีการปลดระวางเครื่องบินและการขายเครื่องบินเป็นไปตามมาตรฐานและถือผลประโยชน์ของบริษัทฯ เป็นที่ตั้งเสมอมา บริษัทฯ ขอชี้แจงว่า บริษัทฯ มีนโยบายและแนวทางหลักๆ ในการปลดระวางเครื่องบิน ดังนี้ 1) เครื่องบินที่มีอายุใช้งานนาน ซึ่งจำเป็นต้องปลดระวาง โดยนำเครื่องบินรุ่นใหม่ที่ทันสมัยมาทดแทน แม้จะมีการปรับปรุงผลิตภัณฑ์มาอย่างสม่ำเสมอ แต่ก็ยังได้รับการวิจารณ์จากผู้โดยสารว่ายังไม่เทียบเคียงคู่แข่งได้
2) เครื่องบินที่มีต้นทุนค่าใช้จ่ายสูง ไม่คุ้มค่าต่อการนำมาใช้ เช่น เครื่องบินแอร์บัส เอ 340 ซึ่งในขณะที่ซื้อมาราคาน้ำมันค่อนข้างถูก ยังพอใช้แข่งขันทางธุรกิจบินข้ามทวีปได้ ต่อมาเมื่อราคาน้ำมันแพงมาก สายการบินคู่แข่งที่เลือกใช้เครื่องบินแบบนี้ก็ประสบปัญหาขาดทุนเช่นเดียวกับการบินไทย และมีการปลดระวางเครื่องบินรุ่นดังกล่าว อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาการบินไทยได้พยายามนำเครื่องบินดังกล่าวไปบินในเส้นทางอื่นๆ แต่ก็ไม่สามารถให้มีกำไรได้ จึงมีแผนทยอยการปลดระวางเครื่องบินเป็นระยะๆ และประกาศขาย แต่เนื่องจากเครื่องบินมือสองรุ่นนี้ไม่เป็นที่นิยมในตลาดการซื้อ-ขายเครื่องบิน ทำให้ราคาเครื่องบินที่จะขายมีราคาต่ำกว่ามูลค่าที่ทางบริษัทฯ ควรได้รับ จึงปรับปรุงการขายและหาลูกค้าที่สามารถใช้ประโยชน์ได้ เช่น ขายให้กองทัพอากาศ เป็นต้น การบินไทยเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจจึงมีกระบวนการและระเบียบในการขายสินทรัพย์ที่รัดกุม จนบางครั้งเป็นอุปสรรคที่ทำให้การขายเครื่องบินเป็นไปได้โดยรวดเร็ว
8. การปรับปรุงเครื่องบินโบอิ้ง 747-400 เป็นเครื่องบินขนส่งสินค้า (Cargo Freighter) เครื่องบินดังกล่าวเป็นเครื่องบิน 4 เครื่องยนต์ที่มีอายุพ้นการบริการ โดยปกติแล้วได้นำมาปรับปรุงเพื่อบินขนส่งสินค้า ซึ่งในขณะนั้นราคาน้ำมันไม่แพงพอที่เครื่องบิน 4 เครื่องยนต์จะทำกำไรได้ แต่ในระยะหลังที่ราคาน้ำมันเพิ่มขึ้น เครื่องบินขนส่งสินค้าหันมาใช้เครื่อง/เครื่องยนต์ที่ประหยัดกว่าเครื่องบินรุ่นดังกล่าวมาก บริษัทฯ จึงทำแผนการขาย หรือให้เช่าในราคาที่บริษัทฯ มีกำไร.
ขอบคุณข่าวจาก