สั่งแจ้งความหมิ่น “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร”
ผบ.ตร.สั่งแจ้งความร้องทุกข์ องค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หมิ่นประมาท จัดเสวนา “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” ทำให้เสื่อมเสีย ปชช.ดูหมิ่น เกลียดชัง
14 ก.พ. 60 ความคืบหน้าจากกรณีองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) จัดงานเสวนาเชิงวิชาการในหัวข้อเรื่อง “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ เมื่อวันที่ 26 ม.ค. โดยมีนายมานะ นิมิตรมงคล เลขาธิการองค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น พล.ต.อ.วสิษฐ์ เดชกุญชร อดีตรองอธิบดีกรมตำรวจ และอดีต รมช.มหาดไทย นายสังศิต พิริยะรังสรรค์ คณะบดีวิทยานวัตกรรมสังคม มหาวิทยาลัยรังสิต พ.ต.อ.วรุตม์ ศิริสวัสดิบุตร อดีตรอง ผบก.ภ.จว.ชัยนาท นายพัฒนเดช อาสาสรรพกิจ สื่อสารมวลชนด้านยานยนต์ และ ร.ต.อ. ดร.วิเขียร ตันศิริคงคล ประธานหลักสูตรรัฐศาสตรมหาบัณฑิต ม.บูรพา ภายหลังการจัดงานได้มีกระแสวิพากษ์วิจารณ์การการทำงานของตำรวจเป็นอย่างมาก
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ กองบัญชาการตำรวจนครบาล (บช.น.) พล.ต.ท.ศานิตย์ มหถาวร ผบช.น. เปิดเผยถึงกรณีดังกล่าวว่า ทาง พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร. ได้มีหนังสือมาถึงตนชี้แจงรายละเอียดต่างๆ และมอบหมายให้ไปแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน สน.ลุมพินี กับกลุ่มนักวิชาการที่จัดงานเสวนาดังกล่าว ในข้อหาหมิ่นประมาท โดยการโฆษณา ซึ่งตนก็ได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายไปดำเนินการตั้งแต่วันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา อย่างไรก็ตาม ตนยังไม่ทราบว่า แจ้งความดำเนินคดีกับใครบ้าง ต้องเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบก่อนและดำเนินการไปตามข้อเท็จจริงที่ปรากฏ
รายงานข่าวแจ้งว่า เมื่อวันที่ 7 ก.พ. 60 ผบ.ตร.ได้ทำหนังสือมอบอำนาจให้ พ.ต.อ.วรวิทย์ ญาณจินดา รรท.ผกก.ฝอ.8 บก.อก.บช.น. ไปแจ้งความร้องุทกข์กับ พ.ต.ท.ยุต ทองอยู่ รอง ผกก.(สอบสวน) สน.ลุมพินี ในคดีอาญา ที่ 118/60 ที่มีการกระทำความผิดในความผิดฐานหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา เพื่อดำเนินคดีอาญากับผู้กระทำผิด กรณีการเสวนาขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชั่น (ประเทศไทย) หัวข้อเรื่อง “ตำรวจไทย มีไว้ทำอะไร” เมื่อวันที่ 26 ม.ค. 60 ที่ศูนย์ประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ กรุงเทพฯ ซึ่งเนื้อหาของการเสวนาดังกล่าว ทำให้ประชาชนโดยทั่วไปเข้าใจในทางเสื่อมเสีย และเกิดความรู้สึกดูหมิ่น เกลียดชังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ทำให้ภาพลักษณ์และชื่อเสียงของหน่วยงานเสียหาย เข้าข่ายเป็นการหมิ่นประมาทสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพื่อการนี้ให้ผู้รับมอบอำนาจสามารถมอบอำนาจช่วงได้และดำเนินการใดๆ อันเกี่ยวกับคดีอาญาดังกล่าวจนกว่าคดีจะถึงที่สุด
ขอบคุณข่าวจาก