30 องค์กรเดินหน้ายกระดับต้าน ร่าง กม.คุกคามเสรีภาพ หลัง ปธ.กมธ. สปท.เมินเสียงค้าน
องค์กรวิชาชีพสื่อแสดงความผิดหวังที่คณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศ ด้านการสื่อสารมวลชน (สปท.) ยังยืนยันจะเสนอร่างพระราชบัญญัติการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพ ส่งเสริมจริยธรรมและมาตรฐานวิชาชีพสื่อมวลชน พ.ศ..... โดยไม่คำนึงถึงความห่วงใยที่ร่างกฎหมายฉบับนี้จะนำไปสู่การปิดกั้นการตรวจสอบอำนาจรัฐและการลิดรอนเสรีภาพการแสดงความคิดเห็น
นายเทพชัย หย่อง นายกสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ในฐานะประธานคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูป ซึ่งเป็นตัวแทนขององค์กรสื่อ 30 องค์กรที่ได้ออกแถลงการณ์คัดค้านร่าง พระราชบัญญัติ ดังกล่าวฯ เมื่อวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา กล่าวยืนยันในวันนี้ (30 มกราคม 2560) ว่าร่างกฎหมายฉบับนี้ ไม่ได้มีเป้าหมายในการคุ้มครองสิทธิเสรีภาพและส่งเสริมมาตรฐานจริยธรรมของสื่อดังที่ พล.อ.อ. คณิต สุวรรณเนตร ประธานคณะกรรมาธิการขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศด้านการสื่อสารมวลชนฯ ได้แถลงในวันนี้
“องค์กรวิชาชีพสื่อขอยืนยันอีกครั้งว่า ร่างกฎหมายฉบับนี้ ออกแบบมาเพื่อลิดรอนเสรีภาพของสื่อในการรายงานข่าวสารและตรวจสอบอำนาจรัฐ และเสรีภาพของประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร” นายเทพชัยกล่าว
นายเทพชัย กล่าวอีกว่า การที่จะมีปลัดกระทรวงจาก 4 กระทรวงอยู่ในสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติที่จะจัดตั้งขึ้นภายใต้ร่างกฎหมายฉบับนี้ คือการเอาอำนาจรัฐเข้าไปอยู่ในกลไกที่จะควบคุมและกำกับสื่อ และไม่น่าจะเกี่ยวข้องกับการมาดูแลงบประมาณที่จะให้แก่องค์กรวิชาชีพสื่อตามที่คณะกรรมาธิการฯ กล่าวอ้างแต่อย่างใด
“การมีปลัดกระทรวงอยู่ในสภาแห่งนี้ไม่ใช่การถ่วงดุลอย่างที่อ้างอย่างแน่นอน แต่จะเป็นการทำให้สื่อต้องอยู่ใต้การกำกับของตัวแทนอำนาจรัฐ ปลัดกระทรวงคือ ข้าราชการที่ควรถูกสื่อตรวจสอบแต่กฎหมายฉบับนี้กลับทำให้ปลัดกระทรวงมีอำนาจในการกำกับและลงโทษสื่อ” นายเทพชัยกล่าว
ส่วนกรณีที่ พล.อ.อ.คณิต ยืนยันว่าสื่อมวลชนจำเป็นต้องมีใบอนุญาตประกอบวิชาชีพ และยกตัวอย่างคนขับรถจักรยานยนต์รับจ้างและนักบินที่เป็นอาชีพที่ต้องมีใบอนุญาตนั้น นายเทพชัยชี้แจงว่า สื่อมวลชนเป็นวิชาชีพของการรายงานข่าวสาร แสดงความคิดเห็นและการตรวจสอบอำนาจรัฐและกลุ่มผลประโยชน์แทนสังคม ที่ต้องอาศัยบุคคลากรที่มาจากหลากหลายสาขาวิชา โดยไม่จำเป็นต้องจบการศึกษาในสาขาใดสาขาหนึ่ง จึงไม่ควรอยู่ภายใต้การควบคุมหรือกำกับของผู้มีอำนาจซึ่งมีส่วนได้ส่วนเสียและผลประโยชน์เข้ามาเกี่ยวข้อง
“ที่สำคัญกว่านั้น การรายงานข่าว การแสดงความเห็น และการตรวจสอบ ไม่ควรจะมีใครมากำหนดเป็นมาตรฐานว่าต้องเป็นแนวทางใดแนวทางหนึ่งหรือต้องถูกใจคนที่มีอำนาจเท่านั้นถึงจะถูกต้อง” ประธานคณะทำงานสื่อเพื่อการปฏิรูปกล่าว
นายเทพชัย ชี้แจงอีกว่า ตัวแทนขององค์กรสื่อได้พบปะและหารือกับ พล.อ.อ.คณิตและตัวแทนของคณะกรรมาธิการฯ หลายโอกาส แต่ทุกครั้งก็ยืนยันอย่างชัดเจนว่าไม่เห็นด้วยกับเนื้อของร่างกฎหมายฉบับนี้ โดยเฉพาะประเด็นการมีสภาวิชาชีพสื่อมวลชนแห่งชาติที่มีอำนาจทางกฎหมายในการลงโทษสื่อและการออกและเพิกถอนใบอนุญาตประกอบวิชาชีพสื่อ และการให้ปลัดกระทรวงเป็นกรรมการของสภาวิชาชีพแห่งนี้โดยตำแหน่ง
“ขอยืนยันอีกครั้งว่า องค์กรวิชาชีพสื่อคัดค้านร่าง พระราชบัญญัติฉบับนี้อย่างแข็งขัน ไม่ว่าจะเป็นการพูดคุยกันนอกรอบหรือในระหว่างการชี้แจงอย่างเป็นทางการกับคณะกรรมาธิการฯ และไม่มีใครสมควรเอาไปอ้างว่าเราเห็นด้วยกับเนื้อหาของร่างพระราชบัญญัติ นี้” นายเทพชัยกล่าว
นายเทพชัย กล่าวยืนยันว่า องค์กรวิชาชีพสื่อมวลชน 30 องค์กรจะเดินหน้ายกระดับการคัดค้านร่าง พระราชบัญญัติ นี้ ซึ่งถือว่าเป็นภัยคุกคามที่ร้ายแรงอย่างมากต่อสิทธิเสรีภาพของประชาชนในการรับรู้ข้อมูลข่าวสารและตรวจสอบอำนาจรัฐ โดยจะมีการยื่นจดหมายเปิดผนึกคัดค้านร่างกฎหมายนี้ต่อสมาชิก สปท. ผ่านนายอลงกรณ์ พลบุตร รองประธาน สปท.ในวันพฤหัสบดีที่ 2 ก.พ.นี้ เวลา 10.00 น.ที่อาคารรัฐสภา
ขอบคุณภาพประกอบจาก : www.bangkokbiznews.com/news/detail/638653