คำพิพากษาฉบับเต็ม! อดีต ส.ส.บุรีรัมย์ ซุกหนี้ 21.7 ล.- ขาดอายุความ 1 กระทง
เปิดคำพิพากษาศาลฎีกาฯฉบับเต็ม คดีอดีต ส.ส.บุรีรัมย์ เพื่อไทย ‘หนูแดง วรรณกางซ้าย’ ซุกหนี้ 4 ก้อน 21.7 ล. ลงชื่อกู้ แต่อ้างไม่ใช่ของตนเอง ฟันได้กระทงเดียว อีก 1 กรณีไม่ยื่นตอนเข้ารับตำแหน่ง คดีขาดอายุความ สั่งเว้นวรรค 5 ปี ปรับ 4,000 บาท จำคุก 1 เดือน รอลงโทษ 1 ปี
เมื่อวันที่ 18 ม.ค.2560 ที่ผ่านมา สำนักงานศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้เผยแพร่คำพิพากษาคดีผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง คดี นายหนูแดง วรรณกางซ้าย ส.ส.บุรีรัมย์ (ส.ส.เขต7 จ.บุรีรัมย์ พรรคเพื่อไทย) จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน พร้อมเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีกรณีเข้ารับตำแหน่งและพ้นตำแหน่ง ส.ส. แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จ.บุรีรัมย์ (คดีหมายเลขแดงที่ อม 208 /2559-15 ธ.ค. 2559 )
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำรายละเอียดที่มาที่ไปของหนี้จำนวน 21.7 ล้านบาท ชนวนกระทำผิด ตามปรากฎในคำพิพากษา เรียบเรียงมาเสนอ
@ ที่มาของคดี
ผู้ร้อง (คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ-ป.ป.ช.) ยื่นคำร้องขอให้วินิจฉัยว่า ผู้คัดค้าน(นายหนูแดง วรรณกางซ้าย) จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินพร้อมเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริง ที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งและผลจากตำแหน่งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบแบ่งเขตเลือกตั้งจังหวัด บุรีรัมย์ ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมือง หรือดำรงตำแหน่ง ใดในพรรคการเมืองเป็นเวลา 5 ปี นับแต่วันพ้นตำแหน่งตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 กับให้ลงโทษ ตามราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 91
ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ
ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองสอบถามผู้ร้องและผู้คัดค้านแล้ว เห็นว่า คดีวินิจฉัยได้โดยไม่จำต้องเรียกพยานมาไต่สวน
@มีหนี้ 4 ก้อน-ประนอมยอมความ
วิเคราะห์คำร้อง เอกสารประกอบคำร้อง และคำให้การของผู้คัดค้านแล้ว ข้อเท็จจริงรับฟังได้ว่า ผู้คัดค้านเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร แบบแบ่งเขตเลือกตั้ง จังหวัดบุรีรัมย์ โดยเข้ารับตำแหน่งด้วยการปฏิญาณตนต่อที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎร เมื่อวันที่ 2 สิงหาคม 2554 และพ้นจากตำแหน่งเมื่อวันที่ 9 ธันวาคม 2556 ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องกรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2554 โดยไม่แสดงรายการหนี้กู้ยืมจากนายสุกิจ ชาญนิติ จำนวน 4 สัญญา รวมเป็น 21,700,000 บาท ดังนี้
สัญญาที่ 1 สัญญากู้ยืมเงินฉบับลงวันที่ 10 ตุลาคม 2550 จำนวนเงิน 700,000 บาท ผู้คัดค้านได้ออกเช็คธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) สาขาบุรีรัมย์ ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2550 จำนวนเงิน 700,000 บาท เป็นหลักประกัน
สัญญาที่ 2 สัญญากู้ยืมเงิน ฉบับวันที่ 10 ตุลาคม 2550 จำนวนเงิน 1,000,000 ผู้คัดค้านได้ออกเช็คธนาคารกรุงไทยจำกัด(มหาชน) สาขาบุรีรัมย์ ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2550 จำนวนเงิน 1,000,000 บาท เป็นหลักประกัน
สัญญาที่ 3 สัญญากู้ยืมเงิน ฉบับวันที่ 10 ตุลาคม 2550 จำนวนเงิน 7,000,000 ผู้คัดค้านได้ออกเช็คธนาคารกรุงไทยจำกัด(มหาชน) สาขาบุรีรัมย์ ลงวันที่ 10 ธันวาคม 2550 จำนวนเงิน 7,000,000 บาท เป็นหลักประกัน
สัญญาที่ 4 สัญญากู้ยืมเงิน ฉบับวันที่ 10 พฤศจิกายน 2550 จำนวนเงิน 13,,000,000 ผู้คัดค้านได้ออกเช็คธนาคารกรุงไทยจำกัด(มหาชน) สาขาบุรีรัมย์ ลงวันที่ 10 มกราคม 2551 จำนวนเงิน 13,000,000 บาท เป็นหลักประกัน
ต่อมาเดือนตุลาคม 2556 ศาลจังหวัดนางรองมีคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอม ยอมความให้ผู้คัดค้านชำระหนี้เงินกู้ทั้ง 4 สัญญาดังกล่าวแก่นายสุกิจ ชาญนิติ เจ้าหนี้ในคดีหมายเลขแดงที่ ผบ.1428/2556 ผู้ร้องมีหนังสือให้คัดค้านชี้แจงข้อเท็จจริงกรณีที่ไม่แสดงรายการหนี้สินกู้ยืมเงินดังกล่าว ผู้คัดค้านมีหนังสือชี้แจงแล้ว
@ชั้น ป.ป.ช. ไม่ยอมรับเป็นหนี้ของตนเอง
มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่า ผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง หรือไม่ เห็นว่า ผู้คัดค้านเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4 (3) มีหน้าที่ต้องยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินของตน คู่สมรส และบุตรที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ พร้อมเอกสารประกอบต่อผู้ร้องภายในภายในสามสิบวัน นับแต่วันเข้ารับตำแหน่ง วันพ้นจากตำแหน่ง และวันที่พ้นจากตำแหน่งมาแล้วเป็นเวลาหนึ่งปี ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 32 และมาตรา 33 กรณีเข้ารับตำแหน่ง ผู้คัดค้านยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินโดยไม่แสดงรายการหนี้สินเงินกู้ยืมจากนายสุกิจ ชาญนิติ จำนวน 4 สัญญา รวมเป็นเงิน 21,700,000 บาท และกรณีพ้นจากตำแหน่งผู้คัดค้านไม่แสดงรายการหนี้ตามคำพิพากษาตามสัญญาประนีประนอมยอมความดังกล่าว แม้ผู้คัดค้านจะชี้แจงทำนองว่ามูลหนี้ดังกล่าวไม่ใช่ของตนเอง แต่ผู้คัดค้านลงลายมือชื่อในฐานะผู้กู้และได้มอบอำนาจให้ทนายความทำสัญญาประนีประนอมยอมความในศาลด้วย ซึ่งศาลได้มีคำพิพากษาตามยอม ย่อมแสดงอย่างชัดแจ้งว่าผู้คัดค้านรับว่าตนเป็นลูกหนี้ตามมูลหนี้ดังกล่าว
องค์คณะผู้พิพากษาจึงมีมติเป็นเอกฉันท์ว่าผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง
ผู้คัดค้านจึงต้องห้ามมิให้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปีนับตั้งแต่วันพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง นอกจากนี้ผู้คัดค้านเป็นผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง จึงเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 4
การกระทำของผู้คัดค้านจึงเป็นความผิดฐานเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรเจ้งให้ทราบกรณีพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติการประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ด้วยคดีส่วนอาญาที่ผู้ร้องขอให้ลงโทษผู้คัดค้านในข้อหาเป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งนั้น พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มิได้บัญญัติเรื่องอายุความไว้โดยเฉพาะ จึงต้องนำบัญญัติในภาค 1 แห่งประมวลกฎหมายอาญาใช้บังคับตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 17 ดังนั้น ความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 จึงมีอายุความห้าปีนับแต่วันกระทำความผิด ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 95 (4)
@ โดนกระทงเดียว- อีก 1 กระทงขาดอายุความ 5 ปี
เมื่อผู้คัดค้านจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินแหละหนี้และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่ง เมื่อวันที่ 31 สิงหาคม 2554 ผู้คัดค้านจึงกระทำความผิดในวันดังกล่าว แต่เมื่อมิได้ฟ้องและได้ตัวผู้กระทำความผิดมาศาล ภายในเวลาห้าปีนับตั้งแต่วันกระทำความผิด คดีผู้ร้องในส่วนอาญาที่ขอให้ลงโทษผู้คัดค้านในข้อหาจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีเข้ารับตำแหน่งจึงขาดอายุความ สิทธินำคดีอาญามาฟ้องในข้อหานี้จึงระงับไปตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 39 (6) ประกอบพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 18 วรรคสอง ปัญหาเรื่องอายุความในคดีอาญาเป็นปัญหาข้อกฎหมายอันเกี่ยวด้วยความสงบเรียบร้อยของประชาชน แม้ผู้คัดค้านไม่ได้ยกขึ้นต่อสู้ ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองย่อมมีอำนาจยกขึ้นวินิจฉัยได้เอง ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ประกอบพระราชบัญญัติ ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ. 2542 มาตรา 18 วรรคสอง
พิพากษาว่า นายหนูแดง วรรณกางซ้าย ผู้คัดค้าน จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์และหนี้สินและเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบต่อผู้ร้อง กรณีเข้ารับตำแหน่งและกรณีพ้นจากตำแหน่ง ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันแลปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 33 ห้ามมิให้ผู้คัดค้านดำรงตำแหน่งทางการเมืองหรือดำรงตำแหน่งใดในพรรคการเมืองเป็นเวลาห้าปี นับตั้งแต่วันที่ 9 ธันวาคม 2556 ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 34 วรรคสอง กับมีความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 มาตรา 119 ฐานเป็นเจ้าหน้าที่รัฐจงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้และเอกสารประกอบต่อผู้ร้องด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบกรณีพ้นตำแหน่ง ลงโทษจำคุก 2 เดือน และปรับ 8,000 บาท
ผู้คัดค้านให้การรับสารภาพ เป็นประโยชน์เก่าแก่การพิจารณา มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้กึ่งหนึ่งตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 78 คงจำคุก 1 เดือน และปรับ 4,000บาท ไม่ปรากฏว่าผู้คัดค้านได้รับโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกให้รอการลงโทษไว้มีกำหนด 1 ปี ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 56 หากไม่ชำระค่าปรับให้จัดตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 24, 30 ข้อหาอื่น
เป็นอีกหนึ่งคดีที่ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจงใจแจ้งบัญชีเท็จต่อ ป.ป.ช. ก่อนหน้านี้เคยมีกรณีคล้ายกันมาแล้ว
อ่านประกอบ:
คำพิพากษาศาลฎีกาฯ 14 นักการเมืองท้องถิ่น 9 จังหวัด ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน
ซุกหนี้ 21.7 ล.!ศาลฎีกาฯฟันอดีต ส.ส.บุรีรัมย์ -ผู้ช่วย รมต.ไม่ยื่นบัญชีทรัพย์สิน