ป.ป.ช.แจง‘สุเทพ’รับเงิน-นกหวีดทองช่วงม็อบ ไม่ได้เอาไปใช้ส่วนตัว
ป.ป.ช. แจง ‘สุเทพ’ รับเงิน-นกหวีดทองคำช่วงม็อบ กปปส. ไม่ได้รับในสิทธิส่วนตัว แต่รับในฐานะแกนนำ แต่ส่งให้ฝ่ายบัญชีบริหารจัดการ ด้าน ‘เรืองไกร’ ค้านหัวชนฝา ลั่นขัดประกาศ ป.ป.ช. ห้ามรับทรัพย์สินเกิน 3 พันบาท
ผู้สื่อข่าวสำนักข่าวอิศรา www.isranews.org รายงานว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เปิดเผยผลการดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐาน กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ทีมกฎหมายพรรคเพื่อไทย กล่าวหานายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เมื่อครั้งเป็นแกนนำกลุ่มคณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (กปปส.) กระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 กรณีรับทรัพย์สินเป็นนกหวีดทองคำ และเงินสดจำนวนมากจากบุคคลทั่วไป ขณะที่มีการการชุมนุม กปปส. นั้น
สำนักงาน ป.ป.ช.ได้ดำเนินการแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมพยานหลักฐานแล้ว ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในระหว่างการชุมนุมมีผู้ชุมนุมจำนวนมากประสงค์จะสนับสนุนการต่อสู้ของ กปปส. จึงบริจาคเงิน โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายต่าง ๆ ในการชุมนุม เช่น ค่าอาหาร ค่าน้ำดื่ม ค่ายารักษาโรค และค่าสิ่งของต่าง ๆ ที่จำเป็นต้องใช้ในระหว่างการชุมนุม เพื่อเป็นค่าใช้จ่ายให้สภาทนายความดำเนินการฟ้องคดี เพื่อช่วยเหลือชาวนา เรียกร้องเรียนตามโครงการรับจำนำข้าวของรัฐบาล และเพื่อช่วยเหลือเยียวยาครอบครัวผู้เสียชีวิต และผู้ได้รับบาดเจ็บให้ส่วนกลาง คือกองทุนสำหรับการต่อสู้ของ กปปส. เท่านั้น โดยไม่ได้เป็นผู้เก็บรักษาเงินและไม่ได้เป็นผู้ดูแลบริหารจัดการเงิน เมื่อทำพิธีรับมอบเงินบริจาคแล้วได้ส่งมอบเงินให้กับอาสาสมัครฝ่ายบัญชีและการเงิน เพื่อนำไปเก็บรักษา และดูแลบริหารจัดการตามวัตถุประสงค์ของผู้บริจาคต่อไป โดยมีการลงบัญชีรับจ่ายไว้เป็นหลักฐาน และมีการเปิดบัญชีเงินฝากไว้ชื่อบัญชี ครัวราชดำเนิน ทั้งนี้นายสุเทพ มิได้มีเจตนาหรือมีความประสงค์จะรับเงินบริจาคนั้นไว้เป็นสิทธิของตน
ส่วนกรณีรับนกหวีดทองคำจากเยาวราชนั้น ปรากฏข้อเท็จจริงว่า ในระหว่างการชุมนุมของ กปปส. ได้กำหนดให้ธงชาติ และนกหวีดเป็นสัญลักษณ์ในการต่อสู้ของ กปปส. ต่อมาประชาชนชาวเยาวราชได้มอบนกหวีดทองคำให้กับ กปปส. เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการสนับสนุนการต่อสู้ของ กปปส. กรณีนายสุเทพ รับมอบนกหวีดทองคำจากชาวเยาวราชเป็นการรับไว้ในฐานะที่เป็นแกนนำ กปปส. เท่านั้น มิได้มีเจตนาหรือความประสงค์จะรับนกหวีดทองคำนั้นไว้เป็นสิทธิของตน
ล่าสุด นายเรืองไกร ยื่นข้อมูลหลักฐานเพิ่มเติม ระบุว่า จากข้อเท็จจริงที่ ป.ป.ช. ชี้แจงมานั้น เห็นได้ชัดเจนว่านายสุเทพรับนกหวีดทองคำจากชาวเยาวราชจริง จึงถือได้ว่ากระทำการฝ่าฝืนบทบัญญัติมาตรา 103 ของ พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 ซึ่งเป็นความผิดสำเร็จแล้ว และการอ้างว่านายสุเทพรับไว้ในฐานะแกนนำ กปปส. ก็ไม่อาจรับฟังได้ เพราะไม่เข้าข่ายข้อยกเว้นตามประกาศ ป.ป.ช. เรื่องหลักเกณฑ์การรับทรัพย์สินหรือประโยชน์อื่นใดโดยธรรมจรรยาของเจ้าหน้าที่ของรัฐ พ.ศ.2543 แต่อย่างใด เพราะการรับนกหวีดทองคำนั้นถือว่าเป็นการรับทรัพย์สินจากบุคคลอื่นซึ่งมิใช่ญาติที่มีราคาเกิน 3,000 บาท จึงขอให้ ป.ป.ช.พิจารณาดำเนินการชี้มูลความผิดในกรณีดังกล่าวต่อไป
อ่านประกอบ : ใครรวยขึ้น-จนลง? เปิดทรัพย์สิน“9 แกนนำ กปปส.”หลังจบศึกเป่านกหวีด
หมายเหตุ : ภาพประกอบจาก mthai