ทรัมป์เปิดศึกเมอร์เคิล ระบุเป็นหายนะที่เปิดพรมแดนผู้อพยพ
ทรัมป์เปิดศึกเมอร์เคิล ระบุเป็นการตัดสินใจผิดพลาดสร้างหายนะที่เปิดพรมแดนผู้อพยพ พร้อมกดดันที่จะขึ้นภาษีศุลกากรสหรัฐ 35% กับการนำเข้ารถยนต์ BMW ขณะเดียวกันก็โจมตีนาโต้ล้าสมัย ไม่เข้ากับสถานการณ์โลกปัจจุบัน ขู่สหรัฐจะถอนตัว แต่กล่าวชื่นชมอังกฤษตัดสินใจถอนตัวออกจากสหภาพยุโรป (อียู) เป็นการรักษารากเหง้าของคนอังกฤษ
ส่วน 2 เยอรมันและฝรั่งเศสสวนกลับยุโรปตัดสินอนาคตตัวเองด้วยความรับผิดชอบในสิ่งที่กระทำ โดยไม่จำเป็นต้องฟังคำแนะนำจากประเทศที่อยู่นอกยุโรปให้ต้องทำอะไรขณะที่ฝ่ายเบอร์ลินเดือดกรณีที่ผู้นำประเทศถูกโจมตีอย่างหนัก โดยรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจของเยอรมันออกมาตอบโต้ทรัมป์ว่า สหรัฐจำเป็นต้องผลิตรถยนต์ที่ดีกว่านี้ แทนที่จะมาลงโทษผู้ผลิตจากประเทศอื่น พร้อมกับยืนยัน BMW ยังมีโรงงานขนาดใหญ่ที่สุดใน South Carolina ซึ่งเป็นโรงงานผลิต supply chains ชิ้นส่วนอุปกรณ์ที่ขายในประเทศแถบมหาสมุทรแอตแลนติก1.โดนัลด์ ทรัมป์ ว่าที่ประธานาธิบดีสหรัฐคนใหม่ที่รอเวลาเข้าสาบานตนรับตำแหน่งอย่างเป็นทางการอีกเพียง 4 วัน ให้สัมภาษณ์กับหนังสือพิมพ์ท้องถิ่น Bild ของเยอรมัน และหนังสือพิมพ์ The Times of London ของอังกฤษ
เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา โดยวิจารณ์นโยบายเปิดรับผู้อพยพ 1 ล้านคนของแองเกลา เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมัน อย่างหนักว่าเป็นการสร้างหายนะ และความผิดพลาดมาก เพราะส่วนใหญ่เป็นผู้อพยพที่ผิดกฎหมาย ซึ่งหากไม่มีนโยบายดังกล่าวในยุโรปก็ไม่มีการโหวต Brexit เกิดขึ้นโดยทรัมป์ให้คำมั่นว่าจะสร้างข้อตกลงทางการค้าแบบแฟร์ๆ กับอังกฤษ เพื่อช่วยให้กระบวนการ Brexit เป็นไปอย่างราบรื่น โดยมีนัดพบปะกับเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษ โดยเร็ว หลังเข้ารับตำแหน่งประธานาธิบดีนอกจากนี้ทรัมป์ยังเตือนไปยังสมาชิกอียูทั้ง 28 ประเทศ ให้ออกจากอียูตามอังกฤษ เนื่องจากปัญหาวิกฤติผู้อพยพ เพราะหากไม่มีความผิดพลาดในเรื่องนโยบายผู้อพยพของเมอร์เคิล ก็ไม่มี Brexit ที่ทำให้คนอังกฤษลงประชามติแยกตัวออกจากอียู ซึ่งตนเองชื่นชมว่าเป็นการแสดงถึงรากเหง้าที่เป็นตัวตนของ
คนอังกฤษทรัมป์ยังวิจารณ์ถึงนาโต้ที่มีสมาชิก 28 ประเทศ ว่าเป็นองค์กรที่ล้าหลัง เป็นองค์กรที่ไม่เข้ากับสถานการณ์โลกปัจจุบัน โดยหลายประเทศสมาชิกก็ไม่ได้จ่ายเงินสนับสนุน ซึ่งมีเพียง 5 ประเทศที่จ่ายเงินสมทบโดยหนึ่งในนั้นเป็นสหรัฐจึงถือเป็นการไม่ยุติธรรมสำหรับสหรัฐที่ต้องจ่ายเงินสนับสนุนมากถึง 2% ของจีดีพี2.ขณะที่แองเกลา เมอร์เคิล นายกรัฐมนตรีเยอรมันที่ตกเป็นเป้าโจมตีโดยตรง สวนกลับว่ายุโรปนั้นตัดสินใจในอนาคตของตนเองได้ และสิ่งที่ตัดสินใจไปนั้นก็ต้องรับผิดชอบในการกำหนดชะตากรรมตัวเอง ส่วนฟรังก์ซัว ออลลอง ประธานาธิบดีฝรั่งเศส โต้ทรัมป์อย่างแข็งกร้าวว่า ยุโรปนั้นไม่จำเป็นต้องฟังเสียงจากข้างนอก และไม่จำเป็นต้องมาให้ใครมาให้คำแนะนำว่ายุโรปต้องทำอะไร3.หลังจากที่ทรัมป์ออกมาเปิดศึก โดย Sigmar Gabriel รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีฝ่ายเศรษฐกิจของเยอรมัน ออกมาตอบโต้การที่ทรัมป์ขู่จะเก็บภาษีมากขึ้นต่อผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันถึง 35% ต่อรถยนต์ของ
บีเอ็มดับบลิวที่ผลิตจากเม็กซิโก และมีการนำเข้ามายังสหรัฐจะทำให้อุตสาหกรรมรถยนต์ของสหรัฐย่ำแย่และอ่อนแอลงนอกจากนี้ นายทรัมป์ยังอ้างว่าผู้ผลิตรถยนต์เยอรมันไม่ได้ดำเนินการอย่างเป็นธรรม เนื่องจากมีรถยนต์ของเยอรมันจำนวนมากวิ่งในสหรัฐ แต่กลับมีรถยนต์สหรัฐจำนวนน้อยมากที่วิ่งในเยอรมนีทำให้สหรัฐจำเป็นต้องผลิตรถยนต์ที่ดีกว่านี้BMW Group มีโรงงานในเมือง San Luis Potosi ของเม็กซิโก เพื่อผลิตรถยนต์ BMW 3 ซีรีส์ที่จะเริ่มต้นในปี 2019
โดยเป็นการผลิตรถยนต์ที่เพิ่มจากโรงงานในเยอรมันและในจีน4.ท่ามกลางสายตาทั่วโลกจับจ้องแถลงการณ์ของเทเรซา เมย์ นายกรัฐมนตรีอังกฤษในวันนี้ คาดจะเป็นการเรียกร้องให้คนอังกฤษมีความเป็นเอกภาพในกระบวนการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรป โดยจะประกาศเป็นแนวทาง 12 เป้าหมาย ซึ่งอังกฤษจะไม่เป็นส่วนหนึ่งของอียู ขณะที่สื่อคาดการณ์ว่า ถ้อยแถลงครั้งนี้จะเปิดเผยถึงการแยกตัวออกจากสหภาพยุโรปอย่างเด็ดขาด และจะส่งผลกระทบที่รุนแรงต่ออังกฤษอย่างไรก็ตาม ผลกระทบทางด้านธุรกิจนั้น ยังคงมีเป้าหมายที่จะผลักดันให้กลุ่มธุรกิจของอังกฤษมีความเชื่อมต่อกับสหภาพยุโรปในการเป็นพันธมิตรที่มีความเสมอภาคและเป็นอิสระต่อกันหุ้นยุโรปปรับตัวลงทั้งกระดานลบเกือบ 1% ขณะที่เงินปอนด์ยังมีค่าต่ำสุดในรอบ 31 ปีที่ระดับปริ่มๆ 1.20 ดอลลาร์ โดยที่หุ้นใน 3 ตลาดร่วงลงนำโดย FT 100 ลอนดอปิดลดลง 0.15% DAX เยอรมัน ลดลง 0.64% และ CAC 40 ฝรั่งเศสลดลง 0.82%5.ในระหว่างที่ตลาดรอคอยถ้อยแถลงของผู้นำอังกฤษ ราคาทองคำพุ่งขึ้นยืนเหนือ 1,204 ดอลลาร์ต่อออนซ์ สวนทางบอนด์ยีลด์ 10 ปีของรัฐบาลสหรัฐที่ลดลงต่อเนื่องที่ 2.37% ส่วน Dollar Index ทรงตัว 101.57 ขณะที่หุ้นสหรัฐมีทั้งบวกและลบโดยดาวโจนส์ติดลบเพียง 0.03% ปิดที่ 19,885 S&P 500 ปิดที่ 2,274 บวก 0.18% และ Nasdaq ปิดที่ 5,574 บวก 0.48%
ขอบคุณข่าวจาก