พล.อ.อนันตพร ตั้งเป้านโยบายพลังงาน ปี 2560 สอดรับกับ Thailand 4.0
รมว.พลังงาน เปิดแผนการขับเคลื่อนภาคพลังงานของประเทศ ตามแนวนโยบาย Energy 4.0 ตั้งเป้าสร้างรายได้ให้กับประชาชน หวังประเทศหลุดพ้นจากการเป็นประเทศรายได้ปานกลาง
วันที่ 11 มกราคม พลเอก อนันตพร กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงการดำเนินงานในรอบปี 2559 ว่า ที่ผ่านมากระทรวงพลังงานมุ่งเน้นการทำงานเพื่อเป้าหมายการสร้างความมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืน ให้กับภาคพลังงานของประเทศ เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคมและประชาชนอย่างรอบด้าน โดยได้ดำเนินการสร้างความมั่นคงด้านไฟฟ้า และการพัฒนาความมั่นคงด้านปิโตรเลียม อีกทั้งผลงานด้านความมั่นคงได้ดำเนินการลดภาระค่าใช้จ่ายด้านพลังงานให้กับประชาชน ผลักดันให้เกิดการแข่งขันในกิจการก๊าซเสรี และผลักดัน พ.ร.บ. กองทุนน้ำมันเชื้อเพลิง เพื่อปรับปรุงโครงสร้างในการบริหารกองทุนน้ำมันเชื้อเพลิงให้มีความชัดเจนและมีกฎหมายรองรับ รวมถึงผลงานด้านการสร้างความยั่งยืน มีการส่งเสริมพลังงานทดแทน เพิ่มประสิทธิภาพการอนุรักษ์พลังงาน รวมถึงผลักดันโครงการของประชารัฐ
สำหรับการผลักดันโครงการของประชารัฐ พล.อ.อนันตพร กล่าวว่า จะมุ่งเน้นการเพิ่มมูลค่าผลิตภัณฑ์ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนผ่านโครงการระบบอบแห้งพลังงานแสงอาทิตย์ ยกระดับคุณภาพชีวิตผ่านโครงการไฟฟ้าพลังงานชุมชน การนำของเหลือใช้มาผลิตพลังงาน และเพิ่มประสิทธิภาพการใช้พลังงานเพื่อลดรายจ่ายชุมชน และสร้างรายได้ให้กับเกษตรกรจากพืชพลังงาน สิ่งเหลือใช้ เพื่อผลิตก๊าซชีวภาพและชีวมวล รวมถึงขับเคลื่อนพลังประชารัฐในการพัฒนาคลัสเตอร์อุตสาหกรรมแห่งอนาคตควบคู่การพัฒนาเศรษฐกิจฐานรากภายใต้คณะกรรมการสานพลังประชารัฐ
สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายพลังงานปี 2560 นั้น รมว.พลังงาน กล่าวว่า จะขับเคลื่อนภาคพลังงานของประเทศตามแนวนโยบาย Energy 4.0 ซึ่งมีเป้าหมายคือ การสร้างรายได้ให้กับประชาชนและประเทศ เพื่อให้ประเทศชาติในภาพรวมหลุดพ้นจากการเป็นประเทศรายได้ระดับปานกลาง สอดรับกับนโยบาย Thailand 4.0 ของรัฐบาล ให้เป็นรูปธรรมตามแผนที่วางไว้
ขณะที่นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าวว่า พลังงานของประเทศไทยที่ใช้ทุกวันนี้ แบ่งเป็น 3 ส่วน นั่นก็คือ เชื้อเพลิงภาคขนส่ง พลังงานไฟฟ้า และพลังงานความร้อน สัดส่วนปริมาณ 55% จะเป็นค่าใช้จ่ายพลังงานเชื้อเพลิงภาคขนส่ง ส่วนพลังงานไฟฟ้าและพลังงานความร้อนอยู่ในสัดส่วนปริมาณ 20% ที่ใกล้เคียงกัน
“ในส่วนของเชื้อเพลิงภาคขนส่ง จะเห็นได้ชัดเจนในสถานะปัจจุบันประเทศไทยมีการนำเข้าน้ำมัน 85% จึงต้องหาทางจัดการ การนำเข้าน้ำมัน 85% ให้น้อยที่สุด เพราะฉะนั้นการดำเนินการต้องมียุทธศาสตร์และยกระดับภาคพลังงาน ลดใช้น้ำมัน การขับรถยนต์อย่างมีประสิทธิภาพ” ปลัดกระทรวงพลังงาน กล่าว และว่า ทุกวันนี้เชื้อเพลิงที่ใช้ 64% มาจากแก๊สธรรมชาติ นับวันหมดไปอย่างแน่นอน ดังนั้นสิ่งที่ต้องเตรียมการ คือ เตรียมความพร้อมตั้งแต่วันนี้เพื่อความมั่นคงในระยะยาว