หัวอกทหารพราน...ในวันที่ตกเป็นจำเลยสังคม
ไม่ว่าเหตุการณ์สลดทหารพรานกราดยิงใส่รถกระบะต้องสงสัย จนมีชาวบ้านตาย 4 เจ็บ 4 ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 29 ม.ค.ที่ผ่านมา จะเป็นความผิดพลาดหรือไม่อย่างไร แต่ถึงวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่า "ทหารพราน" ที่ชายแดนใต้ได้กลายเป็น "จำเลย" ของสังคมไปแล้ว
และเหมือนเคราะห์ซ้ำกรรมซัด เพราะถัดจากวันที่เกิดเรื่องร้ายๆ เพียง 2 วัน ก็เกิดเหตุคนร้าย 3 ใช้อาวุธปืนบุกปล้นร้านขายของชำที่บ้านยือลาแป หมู่ 3 ต.สุวารี อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส ปรากฏว่าตำรวจขับรถผ่านมาพอดี จึงเข้าไปสกัดจับ และยิงคนร้ายเสียชีวิต 1 ราย ตรวจสอบภายหลังทราบว่าคือ อาสาสมัครทหารพราน (อส.ทพ.) กาลีมัน เฮาะ สังกัดกองร้อยทหารพรานที่ 4715 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 โดยเพื่อนร่วมปล้นอีกคนถูกจับในวันต่อมาก็เป็นทหารพรานสังกัดเดียวกัน คือ อส.ทพ.กายูดิง มูซอ อายุ 22 ปี
สองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นติดๆ กัน ทำให้ภาพพจน์ของ "ทหารพราน" หรือ "นักรบชุดดำ" ที่ชายแดนใต้ ติดลบหนักขึ้นไปอีก
ล่าสุด มูลนิธิผสานวัฒนธรรม องค์กรพัฒนาเอกชนที่ทำงานด้านสิทธิมนุษยชนและการให้ความช่วยเหลือทางกฎหมายในพื้นที่ ได้ออกแถลงการณ์เรียกร้องให้รัฐบาลทบทวนการจัดตั้งกองกำลังทหารพรานเพื่อแก้ไขปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้แล้ว
ที่ผ่านมา กองทัพบก กระทรวงกลาโหม มีนโยบายจัดตั้งกรมทหารพรานเพิ่มในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ เพื่อให้รับผิดชอบพื้นที่แทน "ทหารหลัก" ที่จะทะยอยถอนกำลังกลับตั้งแต่ปีงบประมาณหน้าเป็นต้นไป ซึ่งเป็นไปตามแผน 10 ปีดับไฟใต้ เพื่อให้ "กองกำลังประจำถิ่น" ดูแลพื้นที่แทน
ก่อนหน้าที่จะมีการอนุมัติเพิ่มกองกำลังทหารพราน ในพื้นที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้และสี่อำเภอของ จ.สงขลา มีกรมทหารพรานประจำการอยู่ทั้งสิ้น 7 กรม ประกอบด้วย
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 41 ตั้งอยู่ที่ อ.รามัน จ.ยะลา
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 42 ตั้งอยู่ที่ อ.สะบ้าย้อย จ.สงขลา
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 43 ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.ปัตตานี
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 44 ตั้งอยู่ที่ อ.สายบุรี จ.ปัตตานี
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 45 ตั้งอยู่ที่ อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 46 ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.นราธิวาส
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 47 ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.ยะลา
สำหรับกรมทหารพรานที่กำลังจัดตั้งขึ้นใหม่และเริ่มส่งเข้าประจำการตั้งแต่ปลายปี 2554 จนถึงปีนี้ตลอดทั้งปีมีอีก 5 กรม ประกอบด้วย
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 11 โดยกองทัพภาคที่ 1
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 22 โดยกองทัพภาคที่ 2
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 33 โดยกองทัพภาคที่ 3
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 48 โดยกองทัพภาคที่ 4
หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 49 โดยกองทัพภาคที่ 4
นอกจากนั้นยังมี "ทหารพรานหญิง" อีก 9 หมวดเป็นหน่วยปฏิบัติการหลักในพื้นที่ควบคู่กับกองพลทหารราบที่ 15 ด้วย
ทั้งหมดนี้จึงปฏิเสธไม่ได้ว่า ทหารพรานจะเป็น "กำลังหลัก" ในพื้นที่จังหวัดชายแดนภาคใต้ต่อไป แต่หากภาพพจน์และความสัมพันธ์กับชาวบ้านยังเป็นอยู่แบบนี้ ก็น่าคิดว่าจะกลายเป็นอุปสรรคสำคัญในการปฏิบัติหน้าที่ในฐานะ "ทหารบ้าน" ซึ่งเป็นจุดเด่นของเหล่า "นักรบชุดดำ" หรือไม่
เปิดอกทหารพราน...พวกเราก็เป็นมนุษย์เหมือนกัน
หลังเกิดเหตุร้ายยิงชาวบ้านตาย 4 เจ็บ 4 ที่ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มีน้อยสื่อนักที่เปิดพื้นที่ให้ "ทหารพราน" ในฐานะ "จำเลยสังคม" ได้บอกเล่าความรู้สึกของพวกเขา ทีมข่าว "ศูนย์ข่าวภาคใต้ สำนักข่าวอิศรา" จึงลงพื้นที่สัมภาษณ์ทหารพรานทั้งหญิงชายที่ปฏิบัติงานอยู่ในพื้นที่ชายแดนใต้ เพื่อให้สังคมไทยได้รับรู้ความคิด มุมมอง และทัศนคติของพวกเขาบ้าง...
ทหารพรานชายจาก ต.ช้างเผือก อ.จะแนะ จ.นราธิวาส เผยความรู้สึกให้ฟังว่า หลายเหตุการณ์ที่ผ่านมาทหารพรานก็ตกเป็นจำเลยของสังคมอยู่แล้ว เมื่อบวกกับกรณีล่าสุดที่ อ.หนองจิก ยิ่งทำให้ภาพที่สังคมมองทหารพรานแย่หนักกว่าเก่า
"อยากให้เข้าใจว่าช่วงเวลาที่เกิดเรื่องเป็นช่วงกลางคืน อาจทำให้การปฏิบัติบางอย่างผิดพลาดได้ แน่นอนว่าความสูญเสียไม่มีใครอยากให้เกิด โดยเฉพาะความสูญเสียชีวิต ในความที่เป็นอาชีพเดียวกัน ผมเข้าใจภาวะจิตใจและการตัดสินใจของเพื่อนร่วมอาชีพ ผมเชื่อว่าพวกเขาคิดว่าเป็นคนร้ายถึงได้ปฏิบัติไปแบบนั้น"
"อยากฝากให้สังคมเข้าใจว่า ทหารก็คือมนุษย์เหมือนกัน มีความรู้สึกผิดชอบชั่วดี อยากให้แยกแยะการกระทำของตัวบุคคลออกจากหน่วยงาน เพราะอาจจะมีเจ้าหน้าที่บางส่วนที่ปฏิบัติผิดพลาดหรือออกนอกลู่นอกทางไปบ้าง เมื่อมีการยอมรับผิด ก็อยากให้สังคมให้อภัย และขอให้มองทหารพรานในมุมที่ดีบ้าง เพราะทหารพรานก็คิดว่าชาวบ้านทุกคนเป็นพี่น้องของทหารเหมือนกัน"
ทหารพรานหญิงผวา...ไม่กล้าไปไหนคนเดียว
ขณะที่ทหารพรานหญิงซึ่งไม่ขอเปิดเผยพื้นที่ปฏิบัติการ เล่าว่า รู้สึกไม่ค่อยดีหลังเกิดเหตุร้ายที่ อ.หนองจิก ทำให้กลัวมากขึ้น จากเมื่อก่อนก็รู้สึกกลัวอยู่แล้วเพราะทหารพรานตกเป็นเป้าหมายตลอด (หมายถึงเป้าโจมตีของกลุ่มก่อความไม่สงบ) แต่ก็คิดว่าเป็นการกระทำที่ตัวบุคคล ไม่มีกระทำแบบเป็นกลุ่ม แต่หลังจากมีเหตุการณ์ที่ปัตตานี ทำให้รู้สึกไม่ดี และไม่กล้าไปไหนมาไหนคนเดียวเลย แม้จะมีธุระก็พยายามเลี่ยงไม่ไป หรือถ้าไปก็จะไปกันหลายๆ คน
"ยอมรับว่ากระบวนการคัดเลือกทหารพรานเข้ามาไม่ค่อยดีนัก บางทีก็เอาคนที่มีแผลอยู่แล้ว บางคนก็ไม่มีการศึกษา ได้จับปืน เป็นเด็กวัยรุ่นอายุ 20 ต้นๆ ทำให้คึกคะนองกับการใช้อาวุธ บางครั้งนายให้ท้ายด้วย ก็เลยยิ่งมีอารมณ์ไปกันใหญ่"
แม่ขอให้ลาออกแต่ยังรัก "นักรบชุดดำ"
ทหารพรานหญิงรายนี้ ระบายความรู้สึกต่อไปว่า "ที่ผ่านมาเราก็รู้สึกกลัว เพราะชาวบ้านมองภาพทหารพรานไม่ดีอยู่แล้ว พอเกิดเหตุที่ปัตตานี อาจถูกเหมารวมว่าทหารพรานไม่ดีทุกคน แต่อยากจะบอกว่าทหารพรานที่ดีก็มี เมื่อเกิดเหตุการณ์แบบนี้ คนคงไม่เชื่อมั่นพวกเราอีกต่อไป พอชาวบ้านไม่เชื่อใจและเหมาว่าเราไม่ดี เราก็จะไม่ปลอดภัย เชื่อว่าทุกคนที่แต่งชุดดำตอนนีต้องตกอยู่ในความไม่ปลอดภัยแน่นอน"
"บอกตรงๆ ว่าแม่เป็นห่วงเรามาก หลังได้เห็นข่าวทหารพรานยิงชาวบ้านล่าสุด ก็โทรศัพท์มาบอกให้ลาออก ให้เลิกทำ เราก็คิดหนัก แต่สุดท้ายตัดสินใจว่าไม่ออกดีกว่า เพราะเราชอบทำงานแบบนี้ ยังรักอาชีพนี้ อีกอย่างบางคนเป็นทหารพราน พอออกไปแล้วถูกยิงก็มี ฉะนั้นเป็นต่อดีกว่า เพราะไม่ได้ปลอดภัยมากขึ้น เรื่องตายอยู่ที่ไหนก็ตายได้ ไม่จำเป็นต้องเป็นทหารพราน เป็นชาวบ้านธรรมดาก็ตายถ้าอยู่ที่นี่"
ใช้ "ความดี-ความรัก" เอาชนะสิ่งเลวร้าย
พ.ท.เอกธวุฒ คงคาเขตร รองผู้บังคับการกรมทหารพรานที่ 41 เจ้าของโครงการ "แสงแห่งความหวัง" พาทีมแพทย์จากส่วนกลางลงไปผ่าต้อกระจกให้ชาวบ้านจนประชาชนรักใคร่ กล่าวว่า ที่ผ่านมาทหารพรานพยายามเอาชนะใจชาวบ้านด้วยการทำเรื่องดีๆ อยู่ในฐานะ "ผู้ให้" ตลอด เช่น พาไปรักษาต้อเนื้อตอกระจก เอาแว่นไปแจกชาวบ้าน อย่างล่าสุดก็จะมีการแจกแว่นให้ชาวบ้านในวันวาเลนไทน์ แต่ยอมรับว่าเมื่อมีปัญหาลักษณะนี้เกิดขึ้น ย่อมทำให้ชาวบ้านมองทหารพรานในแง่ลบ ทั้งๆ ที่พยายามทำดีมาตลอด
"แต่ก็แน่นอนว่าเราไม่สามารถห้ามความรู้สึกชาวบ้านได้ เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นก็เข้าใจว่าทุกคนเศร้าเสียใจ ที่ผ่านมาเราไม่เคยคิดใช้กำลังแก้ปัญหา แต่เน้นงานพัฒนาและสร้างสิ่งดีๆ ให้ชาวบ้าน ผมยังคิดว่าสิ่งดีๆ ที่ทำให้ชาวบ้านจะสามารถเอาชนะสิ่งเลวร้ายที่เกิดขึ้นได้ และคิดว่าชาวบ้านจะแยกแยะออกและเข้าใจทหารพราน ผมมั่นใจว่าความรักจะเอาชนะทุกอย่าง" พ.ท.เอกธวุฒ กล่าว
ทั้งหมดนี้คือสุ้มเสียงและความรู้สึกจากอีกฟาก...ฟากของจำเลยสังคม!
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
อ่านประกอบ :
1 ผ่าโครงสร้างใหม่ทหารพราน (1) แผนถอนทหารหลักพ้นชายแดนใต้
2 ผ่าโครงสร้างใหม่ทหารพราน (2) จับตาแผนตั้ง "กองทัพน้อยที่ 4" สวนทางลดกำลังพล?
3 แสงแห่งความหวัง...เปิดตาจากความมืดมิดที่ชายแดนใต้
http://www.isranews.org/south-news/documentary/item/1765-2009-11-29-23-30-18.html