เกษตรจ่อกม.ประมงเข้าสภา วางกฎเหล็กคนหาปลา-ผู้เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ
กระทรวงเกษตรฯ เตรียมเสนอร่างพ.ร.บ.การประมงเข้าสภา หลังครม.ไฟเขียวอนุมัติเห็นชอบ เล็งตั้งกก.ประมงแห่งชาติคุมเข้มคนหาปลา-เพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ ระบุเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำในประเทศไม่น้อยกว่า 1-1.7 ล้านตัน/ปี
นายธีระ วงศ์สมุทร รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์(รมว.กษ.) เปิดเผยว่า ตามที่กระทรวงเกษตรฯ ได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการประมง พ.ศ.....ที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาแล้วต่อที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ซึ่งครม.มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 31 ม.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งจะมีการปรับปรุงระบบบริหารจัดการทรัพยากรประมงของไทยให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน รวมทั้งการเพาะเลี้ยงและในแหล่งน้ำธรรมชาติ จัดระเบียบการทำประมงให้สมดุลกับศักยภาพการผลิตตามธรรมชาติ ขยายพื้นที่อนุรักษ์เพื่อการประมงทะเลพื้นบ้าน ส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเศรษฐกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แสวงหาลู่ทางการทำประมงในน่านน้ำต่างประเทศที่ไม่ขัดต่อระเบียบขององค์การระหว่างประเทศและประเทศที่นำเข้าโดยการพัฒนากองเรือประมงน้ำลึกและความร่วมมือกับต่างประเทศ
“ขั้นตอนการดำเนินการต่อไปหลังจากที่คณะรัฐมนตรีได้พิจารณาเห็นชอบตามที่กระทรวงเกษตรฯ เรียบร้อยแล้ว เพื่อให้ร่างพระราชบัญญัติฯ ดังกล่าวบังคับใช้โดยเร่งด่วนกระทรวงเกษตรฯ จะเสนอต่อคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎรพิจารณา ก่อนเสนอสภาผู้แทนราษฎรพิจารณาโดยเร็ว” นายธีระ กล่าว
รมว.กษ กล่าวต่อว่า ร่างพ.ร.บ.ฉบับดังกล่าวจะความครอบคลุม การกำหนดเขตการประมง สุขอนามัยสัตว์น้ำ การนำเข้า-ส่งออก การส่งเสริม การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ การกำหนดบทลงโทษ รวมถึงบริหารจัดการด้านการประมง โดยกำหนดให้มีคณะกรรมการนโยบายการประมงแห่งชาติ มีอำนาจหน้าที่กำหนดนโยบายด้านการประมงของประเทศ โดยมีรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เป็นประธาน และมีหน่วยงานของรัฐและเอกชนที่เกี่ยวข้องกับการประมงร่วมเป็นกรรมการ
นอกจากนี้จะมีการปรับปรุงข้อกำหนดข้อบังคับ อาทิ 1. กำหนดให้มีมาตรการในการบริหารจัดการการบำรุงรักษา และการใช้ประโยชน์จากทรัพยากรสัตว์น้ำ 2. กำหนดให้มีหลักเกณฑ์ในการควบคุมกิจกรรมต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการประมง 3.การกำหนดหลักเกณฑ์ในการส่งเสริมการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำเพื่อให้ได้สัตว์น้ำที่มีคุณภาพและมีความปลอดภัยต่อผู้บริโภค ไม่กระทบสิ่งแวดล้อม 4.กำหนดให้มีหลักเกณฑ์ในการควบคุมการนำเข้าและส่งออก 5. กำหนดให้มีคณะกรรมการประมงนอกน่านน้ำไทย และ 6.การกำหนดให้มีเขตประมงในน่านน้ำไทยเป็น 3 เขต ได้แก่ เขตประมงทะเลชายฝั่ง เขตประมงทะเลนอกชายฝั่ง และเขตประมงน้ำจืด ไม่ให้เกิดความขัดแย้งระหว่างผู้ประกอบกิจการประมงรายเล็กและรายใหญ่ รวมทั้งให้มีหลักเกณฑ์ในการควบคุมการทำประมงในเขตการประมงแต่ละเขต
“ประโยชน์ที่ได้จากการปรับปรุงพระราชบัญญัติการประมงฉบับใหม่จะทำให้การประมงของไทยพัฒนาตั้งแต่มาตรฐานการผลิต การรักษาระบบนิเวศน์ประมง การจำหน่ายทั้งในและต่างประเทศ รวมถึงสามารถเพิ่มปริมาณสัตว์น้ำให้เป็นไปตามเป้าหมายที่วางไว้ คือ ปริมาณในน่านน้ำ 1-1.7 ล้านตัน/ปีและปริมาณนอกน่านน้ำ 1-1.5 ล้านตัน/ปี” รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กล่าว