การปรากฏตัวผ่านสื่อของมูจาฮิดีนอิสลามปัตตานี...มาสเตอร์มายด์หรือไม้ประดับ
แม้ว่าความพยายามในการพูดคุยระหว่างรัฐบาลไทยกับกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐในนาม “มารา ปาตานี” จะยังคงดำเนินการอยู่อย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะการหารือถึงการกำหนด “พื้นที่ปลอดภัย” ร่วมกัน
แต่ในช่วงปักษ์แรกของเดือน ธ.ค.ก่อนส่งท้ายปี ยังมีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการออกมาปรากฏตัวผ่านสื่อมวลชนกระแสหลักครั้งแรกของแกนนำขบวนการมูจาฮิดีนอิสลามปัตตานี หรือ GMIP
บุคคลที่มาออกทีวีล้วนเป็นแกนนำสำคัญอย่าง นายเจ๊ะกูแม กูเต๊ะ หรือ ดอรอแม กูเต๊ะ ผู้ก่อตั้งขบวนการมูจาฮิดีนอิสลามปัตตานี (GMIP) ซึ่งเคยมีรางวัลนำจับสูงถึง 5 ล้านบาท และ นายนาซอรี แซะเซ็ง หรือ อาแว แคและ (แฆและ) หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธ ที่เคยมีรางวัลนำจับ 3 ล้านบาท
ขบวนการมูจาฮิดีนอิสลามปัตตานี ถือเป็น 1 ใน 6 ของกลุ่มผู้เห็นต่างจากรัฐที่เข้าร่วมพูดคุยกับรัฐบาลไทยขณะนี้ ใต้องค์กรร่มอย่าง “มารา ปาตานี”
การปรากฏตัวของแกนนำคนสำคัญในขบวนการมูจาฮิดีนอิสลามปัตตานี มีการตั้งข้อสังเกตจากผู้ที่เกี่ยวข้องและติดตามความเคลื่อนไหวในการพูดคุยว่า เหมือนเป็นการพยายามสร้างเครดิตการยอมรับให้กับกลุ่มมารา ปาตานี เพราะมองดูเผินๆ ย่อมหมายถึงการมีสมาชิกจากกลุ่มผู้ก่อความไม่สงบตัวจริงในอดีต ทั้งยังเคยมีอิทธิพลและควบคุมกองกำลังที่เคลื่อนไหวก่อเหตุอยู่ในพื้นที่ได้ หนำซ้ำยังเป็นบุคคลระดับหัวโจกที่มีหมายจับ และเป็นที่ต้องการตัวของทางการไทย ถึงขั้นมีรางวัลนำจับหลายล้านบาท
สาเหตุที่ต้องมีการสร้างเครดิต ก็เพราะการพูดคุยที่ผ่านมาระหว่างตัวแทนรัฐบาลไทยกับกลุ่มมาราปาตานี ยังไม่ค่อยเป็นรูปเป็นร่างเท่าที่ควร รวมทั้งมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์จากหลายกระแสว่า มารา ปาตานี ไม่ใช่ “ตัวจริง” ที่สามารถสั่งการหรือควบคุมกลุ่มติดอาวุธในพื้นที่ได้
การปรากฏตัวของแกนนำขบวนการมูจาฮิดีนอิสลามปัตตตานี และมีการเปิดเผยถึงกองกำลังที่อยู่ในความควบคุมดูแลจากปากของ นายนาซอรี แซะเซ็ง จึงเท่ากับเป็นการการันตีว่า มารา ปาตานี มีกองกำลัง สั่งการได้ จึงเป็น “ตัวจริง” ที่เหมาะสมบนโต๊ะพูดคุยกับรัฐบาลไทย
จากการสืบค้นข้อมูลของ “ทีมข่าวอิศรา” พบว่า จริงๆ แล้วขบวนการมูจาฮิดีนอิสลามปัตตานี หรือ GMIP น่าจะสิ้นฤทธิ์ หมดอิทธิพลไปตั้งแต่ก่อนปี 2547 ด้วยซ้ำ และไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ปล้นปืนครั้งมโหฬารเมื่อ 4 ม.ค.2547 ด้วย
โดยก่อนหน้านั้นสมาชิกระดับแกนนำคุมกองกำลังที่เคยเคลื่อนไหวก่อเหตุอย่าง นายสุไหงมี ติแลตานา, นายมาดารี นิอิงเจ๊ะแฮ ได้ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฆาตกรรม
ขณะที่ นายมาหามะ แมเราะ (คนละคนกับ มาหามะ แมเร๊าะ ที่เพิ่งถูกวิสามัญฯที่ อ.รือเสาะ จ.นราธิวาส เมื่อ 30 ต.ค.59) และ มะนาเซ เจ๊ะเด ก็ถูกเจ้าหน้าที่วิสามัญฯ จากเหตุการณ์ยิงปะทะเมื่อ 28 ส.ค.46 ในพื้นที่เมืองปัตตานี และ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี โดยเหตุการณ์ครั้งนั้น ทำให้นายตำรวจ 3 นาย ยศพันตำรวจเอก พันตำรวจโท และจ่าสิบตำรวจ ต้องสังเวยชีวิตจากคมกระสุนของนายมาหามะ ขณะเข้าปิดล้อมจับกุม
ช่วงกลางเดือน ม.ค.45 ยังพบการปรากฏตัวของสมาชิกระดับแกนนำของขบวนการมูจาฮิดีนอิสลามปัตตานีที่อยู่ในฝั่งมาเลเซียอย่าง นายอิสบือราเฮง ดาเล็ง หรือ ปะดอเฮง ดาเล็ง ในฐานะหนึ่งในตัวแทนกลุ่ม “เบอร์ซาตู” องค์กรร่มภายใต้การนำของ ดร.วันกาเดร์ เจ๊ะมัน ที่ได้รวบรวมกลุ่มเคลื่อนไหวทุกกลุ่ม พบปะเจรจาลับกับตัวแทนรัฐบาลไทย บนเขาเปอตาลิง กรุงกัวลาลัมเปอร์
ในครั้งนั้นฝ่ายไทยมี พล.อ.วิชิต ยาทิพย์ เป็นหัวหน้าคณะ และมี พ.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ รองเสนาธิการกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ร่วมในคณะเจรจา)
สมาชิกระดับแกนนำรายอื่นอย่าง นาเมาโซ เงาะ ถูกจับกุมตัวเมื่อ ปลายปี 45 ส่วน นายอัสมิน โซะสะอิ ลูกน้องคนสนิทของ มาหามะ แมเราะ หลังจากที่ถูกทางการมาเลเซียจับตัวส่งให้ทางการไทย ก็ได้หลบหนีจากการควบคุมตัว มีการเปลี่ยนชื่อเพื่ออำพรางตัว แต่มาถูกยิงเสียชีวิตใน จ.ยะลา เมื่อเดือน ธ.ค.51
สำหรับ นายเจ๊ะกูแม กูเต๊ะ ผู้ก่อตั้งกลุ่ม GMIP และ นายนาซอรี แวะเซ็ง หัวหน้ากองกำลังติดอาวุธนั้น ในช่วงที่แกนนำหลายคนถูกกดดันจับกลุ่มและวิสามัญฯ ไม่เคยพบการปรากฏตัวในพื้นที่ แต่มีรายงานจากหน่วยข่าวความมั่นคงว่า ทั้งสองคนอยู่ฝั่งประเทศมาเลเซีย โดย นายเจ๊ะกูแม อยู่ที่รัฐตรังกานู ส่วน นายนาซอรี อยู่ในรัฐกลันตัน ซึ่งทั้งสองมีสถานะเป็นบุคคลสองสัญชาติ
กล่าวเฉพาะ นายเจ๊ะกูแม กูเต๊ะ ทางกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือ ดีเอสไอ เคยสรุปว่า ไม่ได้มีหมายจับหรือเกี่ยวข้องในคดีปล้นปืนครั้งใหญ่จากค่ายทหารใน อ.เจาะไอร้อง จ.นราธิวาส เมื่อวันที่ 4 ม.ค.47 แต่มีหมายจับในคดีความมั่นคงคดีอื่นของทางตำรวจ
อกนิษฐ์: ขบวนการด้วยกันยังไม่ยอมรับ
“ทีมข่าวอิศรา” ได้มีโอกาสสัมภาษณ์พิเศษ พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ อดีตรองแม่ทัพภาคที่ 4 ซึ่งเคยมีบทบาทพูดคุยเจรจากับแกนนำขบวนการแบ่งแยกดินแดนหลายยุค และเกี่ยวพันกับการปราบปรามกดดันสมาชิกกลุ่มจีเอ็มไอพีในอดีตด้วย โดยปัจจุบันเขาทำหน้าที่สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ และยังเก็บข้อมูลปัญหาความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้อย่างต่อเนื่อง
“กลุ่มจีเอ็มไอพี หรือมูจาฮิดีนอิสลามปัตตานี มี เจ๊ะกูแม กูเต๊ะ เป็นผู้ก่อตั้ง สมาชิกขบวนการนี้ เมื่อก่อตั้งใหม่ๆ ราวปี 2530 กว่าๆ สมาชิกส่วนใหญ่คือพวกประกอบมิจฉาชีพในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เรียกค่าคุ้มครองบ้าง จับตัวเรียกค่าไถ่บ้าง มีคดีติดตัว ลักเล็กขโมยน้อย ปล้นฆ่า แล้วก็หนีไปพักพิงที่มาเลเซีย”
“เจ๊ะกูแมเข้าไปอยู่ก่อน เพราะเขาถือสัญชาติมาเลเซียด้วย โดยไปอยู่ที่รัฐตรังกานู และตั้งขบวนการนี้ขึ้นมา สมาชิกส่วนใหญ่คือกลุ่มมิจฉาชีพที่หลบหนีการจับกุมของทางการไทยเข้าไป เจ๊ะกูแมก็ให้แหล่งพักพิง สมัยนั้น พูโล บีอาร์เอ็น ยังไม่ยอมรับขบวนการนี้ว่าต่อสู้เพื่อแยกดินแดน หรืออิสรภาพของปัตตานี แต่มองว่าเป็นขบวนการมิจฉาชีพ สะท้อนให้เห็นว่าแม้แต่ขบวนการเองก็ไม่ยอมรับ”
แปลกใจโผล่ร่วมวง “มารา ปาตานี”
“ขบวนการนี้ยุติการเคลื่อนไหวเพราะถูกมาเลเซียควบคุม เนื่องจากทราบพฤติกรรมดี จากรายงานปี 2540 ถือว่าเป็นการยุติการเคลื่อนไหวแล้วอย่างถาวร เพราะไปไม่รอด ผมก็ยังแปลกใจว่า หลังจากปล้นปืน 4 ม.ค.47 มีข่าวรายงานว่ากลุ่มจีเอ็มไอพีเข้ามามีส่วนร่วม ขณะนั้นผมเป็นผู้อำนวยการกองข่าว กองทัพภาคที่ 4 อยู่ ก็คิดว่าขบวนการนี้หมดสภาพไปนานแล้ว ทำไมถึงมีรายงานออกมาอย่างนี้ ก็ได้พิสูจน์ว่าเคลื่อนไหวจริงหรือไม่”
“จากนั้นผมได้ประสานความร่วมมือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงมาเลเซีย เป็นผลว่า เจ๊ะกูแม ถูกสันติบาลมาเลเซียจับกุมโดยใช้อำนาจตามกฎหมายความมั่นคงภายใน เจ๊ะกูแมถือสัญชาติมาเลเซีย สันติบาลใช้อำนาจขังเจ๊ะกูแมอยู่ 2 ปี แล้วสั่งให้ยุติความเคลื่อนไหว ถ้าไม่ยุติจะถอนสัญชาติแล้วส่งให้ไทย เจ๊ะกูแมถูกจับกุมปี 2548 รัฐบาลมาเลเซียเป็นคนดำเนินการ”
“ปัจจุบันในการพูดคุยเพื่อสันติสุขฯ ผมยังแปลกใจว่า กลุ่มจีเอ็มไอพี ขึ้นมาอยู่ในมารา ปาตานี ขึ้นมาต่อรองกับรัฐบาลไทยได้อีก ขึ้นมาได้อย่างไร ทั้งๆ ที่หมดสภาพไปแล้ว มีอีกหลายขบวนการที่อยู่ใน มารา ปาตานี ที่หมดสภาพไปแล้ว บางขบวนการมีสมาชิกอยู่ 2 คนบ้างอะไรบ้าง แต่กลับมาอยู่เป็น 1 ใน 6 ของมารา ปาตานี จึงอยากให้ข้อสังเกตไว้ว่า กลุ่มพวกนี้มีอำนาจที่จะสั่งการกองกำลังในพื้นที่ในการปฏิบัติการ หรือผู้ก่อความไม่สงบได้จริงหรือไม่ แล้วเราคุยกับใครกันแน่”
สำหรับ นาซอรี แซะเซ็ง แกนนำ GMIP อีกคนใต้ร่มมารา ปาตานี นั้น พล.อ.อกนิษฐ์ บอกว่า เขาเคยปิดล้อมจับกุม นาซอรี ช่วงราวๆ ปี 46 ก่อนเหตุการณ์ปล้นปืนเสียอีก โดย นายนาซอรี กระโดดน้ำหนี ทำให้รอดการถูกจับไปได้ จากนั้นก็หายตัวไป ไม่เคยปรากฏตัวในพื้นที่อีกเลย
นาซอรี มีภูมิลำเนาอยู่ที่บ้านแคและ ต.บาเระเหนือ อ.บาเจะ จ.นราธิวาส จึงมีชื่อจัดตั้งว่า อาแว แคและ
--------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ภาพในอดีตของแกนนำจีเอ็มไอพี (ขอบคุณภาพจากหน่วยงานความมั่นคง)
2 พล.อ.อกนิษฐ์ หมื่นสวัสดิ์ (ภาพโดย ปกรณ์ พึ่งเนตร)