กฏหมายอย่างเดียวแก้ไม่ได้! ล้วงเบื้องหลังแนวคิดปราบโกงยุค‘บิ๊กตู่’
“…ทำอย่างไรให้ความคิดเหล่านั้นไม่แตกกระจาย จนทำให้สังคมไม่สงบสุข เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม เพราะความคิดที่ว่าต้องนำไปใช้กับตัวเองมากพอก่อน จึงคิดที่จะทำให้คนอื่น ในลักษณะเผื่อแผ่แบ่งปัน แต่ไม่รู้ว่าการกระทำนั้นไปสร้างปัญหาที่มีผลกระทบกับผู้อื่น จนทำให้สังคมและประเทศล้มเหลว อ่อนแอ จึงต้องให้มีการขับเคลื่อนด้วยพลังประชารัฐในทุกมิติ…”
หลายคนอาจทราบกันไปแล้วว่าเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. 2559 ที่ผ่านมา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เป็นประธานในงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) ตามกิจกรรมของรัฐบาล สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และภาคีเครือข่ายต่าง ๆ ตามเป้าหมายสำคัญคือ ‘ปราบทุจริตให้สิ้นแผ่นดินไทย’
โดยในงานวันดังกล่าว ‘บิ๊กตู่’ ได้ร่วมกล่าวปฏิญาณตนพร้อมกับข้าราชการ เจ้าหน้าที่ของรัฐ และภาคีเครือข่ายทั้งเอกชน และรัฐวิสาหกิจ ในการต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นไว้ด้วย
(อ่านประกอบ : เจอใครโกงให้รายงานจะสอบเอาติดคุก! ‘บิ๊กตู่’ลั่น รบ.นี้ไม่มีคอร์รัปชั่น)
อย่างไรก็ดี รัฐบาลทหารชุดนี้ ยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์อยู่เนือง ๆ เกี่ยวกับประเด็นความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินโครงการต่าง ๆ เช่น การก่อสร้างอุทยานราชภักดิ์ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์ โครงการขุดลอกแหล่งน้ำทั่วประเทศที่มีองค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) เป็นผู้รับงาน ที่แม้ว่าทั้งหน่วยงานรัฐ และองค์กรอิสระหลายแห่งจะ ‘การันตี’ ว่า ‘โปร่งใส’ ก็ตาม
(อ่านประกอบ : รูดม่าน! มหากาพย์'ราชภักดิ์' สารพัดหน่วยสอบไร้ทุจริต-2 ปมที่ยังไม่มีใครตอบ?, ขมวดพิรุธ อผศ.ขุดคลองก่อนสรุป 'คนใน'ไม่ผิด! 'อิศรา'คุ้ย-กก.สอบไม่เจอ?)
หรือแม้แต่ประเด็นคนใกล้ชิด ‘บิ๊กตู่’ เอง เช่น พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา น้องชาย อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม ที่ถูกขุดคุ้ยในบัญชีทรัพย์สินว่า นางผ่องพรรณ จันทร์โอชา คู่สมรส ที่มีเงินหมุนเวียนในบัญชีเงินฝากหลายสิบล้านบาท ทั้งที่ไร้ธุรกิจ และไม่มีรายได้ หรือแม้แต่กรณีนายปฐมพล จันทร์โอชา บุตรชาย พล.อ.ปรีชา ที่เปิดบริษัทในกองทัพภาคที่ 3 เข้าไปรับงานจากกองทัพภาคที่ 3 หลายโครงการ รวมวงเงินเกือบร้อยล้านบาท ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างการแสวงหาข้อเท็จจริงของคณะกรรมการ ป.ป.ช.
(อ่านประกอบ : เงินไหลเวียนบัญชี'เมียปรีชา'ปมที่ยังไม่เคลียร์?หลังป.ป.ช.ยันยื่นทรัพย์สินถูกต้อง, เปิดขั้นตอน ป.ป.ช.ไฉนไม่สอบ 'เมียปรีชา'เงินฝากพุ่ง 58 ล.แต่ไร้ธุรกิจ-รายได้, ถ้าไม่มีมูลคือจบ! ป.ป.ช.ตั้งคณะสอบปม หจก.ลูก‘ปรีชา’-สร้างฝาย ‘ผ่องพรรณ’)
ไม่ว่าข้อเท็จจริงเรื่องดังกล่าวจะเป็นเช่นไร ลองมาดูแนวคิดของ พล.อ.ประยุทธ์ ดูบ้างว่า จะแก้ไขปัญหาการทุจริตภายใต้รัฐบาลชุดนี้อย่างไร ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบพบว่า ในการประชุมคณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) ครั้งที่ 4/2559 เมื่อช่วงปลายเดือน ต.ค. 2559 ที่ผ่านมา มีการหารือกันในการจัดงานวันต่อต้านคอร์รัปชั่นสากล (ประเทศไทย) ด้วย
มีตอนหนึ่งที่ประธาน คตช. (พล.อ.ประยุทธ์) เสนอแนวคิดในการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่นอย่างครบวงจร เพื่อเป็นกรอบให้คณะกรรมการ และคณะอนุกรรมการใน คตช. ส่วนราชการ และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตนำไปประยุกต์ใช้ หรือพิจารณาใช้ สรุปได้ดังนี้
หนึ่ง สภาวะแวดล้อม : สถานการณ์ปัจจุบันสภาวะเศรษฐกิจและสังคมมีความก้าวหน้าด้านเทคโนโลยี โดยเฉพาะเทคโนโลยีสารสนเทศ สภาวะเศรษฐกิจตกต่ำ ค่าครองชีพสูงขึ้น ด้วยกลไกตลาดและต้นทุนการผลิตที่สูงขึ้น
สอง ปัจจัยภายใน/ภายนอก : สังคมอยู่บนพื้นฐานที่มีความพอเพียงไม่เท่ากัน มีหลายระดับ สังคมมีการแข่งขันในยุคโลกาภิวัตน์ คุณธรรมจริยธรรมลดน้อยลง เป็นโลกแห่งการแข่งขันเสรีตามหลักประชาธิปไตยตะวันตก การเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจด้วยเทคโนโลยีที่มีต้นทุน
สาม การแก้ปัญหา : ลำดับในการแก้ปัญหาจะต้องเริ่มที่จิตใจของแต่ละบุคคล ครอบครัว โรงเรียน ชุมชน สังคม และประเทศชาติ ต้องใช้กระบวนการมีส่วนร่วม สร้างการรับรู้อย่างกว้างขวาง กระทรวงศึกษาธิการ สถาบันการศึกษา สังคมและชุมชน จะต้องมีส่วนร่วมมากที่สุด แต่สิ่งเหล่านี้เป็นสิ่งที่ทุกคนต้องออกไปเผชิญ ไม่ว่าเด็ก วัยรุ่น ผู้หญิง ผู้สูงอายุ ฯลฯ
บทสรุป จากสภาวะแวดล้อม ปัจจัย และกรอบแนวทางดังกล่าว ต้องเสริมสร้างกระบวนการแก้ไขปัญหาทุจริตคอร์รัปชั่น ดังนี้
1.เริ่มแก้ที่จิตใจด้วยการสร้างค่านิยม คุณธรรม ศีลธรรม จริยธรรม ธรรมาภิบาล ทำอย่างไรให้ง่ายแก่การปลูกฝังหรือปลุกเร้าให้เกิดแรงกระตุ้นที่ไม่มีผลกระทบหรือความเสี่ยงอื่น ๆ ด้วยหลักการและเหตุผล
2.การบังคับใช้กฎหมายอย่างเดียว จะไม่มีหนทางสู่ความสำเร็จ
3.จะมีขบวนการและวิธีการอย่างไรที่จะทำให้คนที่ไม่ดี เป็นคนดี บางคนอาจทำไปด้วยความจำเป็น เพื่อหน้าตาและฐานะสังคม บางคนทำด้วยความจำเป็นเรื่องค่าครองชีพ แต่บางคนทำโดยเจตนา จะต้องหามาตรการเพื่อแก้ปัญหาในแต่ละเรื่อง
4.การใช้พลังประชารัฐผ่านสื่อสังคมออนไลน์ (Social Network) โดยสื่อสังคมออนไลน์กลายมาเป็นสื่อกระแสหลักในสังคมยุคใหม่ ซึ่งไม่สามารถปิดกั้นได้ เพราะเป็นความคิดของแต่ละบุคคลต่างความคิด จึงต้องนำมาพิจารณาทบทวน ทำอย่างไรให้ความคิดเหล่านั้นไม่แตกกระจาย จนทำให้สังคมไม่สงบสุข เกิดความเหลื่อมล้ำ ไม่เป็นธรรม เพราะความคิดที่ว่าต้องนำไปใช้กับตัวเองมากพอก่อน จึงคิดที่จะทำให้คนอื่น ในลักษณะเผื่อแผ่แบ่งปัน แต่ไม่รู้ว่าการกระทำนั้นไปสร้างปัญหาที่มีผลกระทบกับผู้อื่น จนทำให้สังคมและประเทศล้มเหลว อ่อนแอ จึงต้องให้มีการขับเคลื่อนด้วยพลังประชารัฐในทุกมิติ (ดูเอกสารประกอบ)
นี่คือเบื้องหลังแนวคิดของ ‘บิ๊กตู่’ ในการป้องกันและปราบปรามการทุจริตคอร์รัปชั่น หนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ทำให้ประเทศไทยไม่ก้าวหน้าไปไหนเสียที ซึ่งต้องยอมรับข้อเท็จจริงว่า ปัญหาไม่ได้มาจากแค่นักการเมือง แต่ยังมีอีกหลายหน่วยงานทั้งข้าราชการ และอื่น ๆ ที่ตรวจสอบไม่ได้ และไม่มีการเข้าไปตรวจสอบอย่างจริงจังด้วย
ส่วนแนวคิดนี้จะแก้ไขทำให้เกิดความเปลี่ยนแปลงได้จริงหรือไม่ ต้องรอพิสูจน์กันต่อไป !
หมายเหตุ : ภาพประกอบ พล.อ.ประยุทธ์ จาก newsplus