"กิตติรัตน์"ประกาศไม่ขยายจำนำข้าว 1.5หมื่น-กษ.จัดแถวปลูกข้าว
จำนำข้าว 1.5หมื่นสิ้นมนต์ เกษตรเมินร่วมโครงการ "กิตติรัตน์"ประกาศไม่ขยายเวลา ด้าน ก.เกษตร จัดแถวปลูกข้าวใหม่ ใช้ 149ล้านนำร่อง 11จว.
นายธีระ วงศ์สมุทร รมว.เกษตรและสหกรณ์ เปิดเผยว่า โครงการจัดระบบการปลูกข้าว ปี 2555 ถือเป็นโครงการที่ใช้แนวคิดใหม่ โดยจะเริ่มในเขตชลประทาน 11 จังหวัด 16 โครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาหรือโครงการชลประทาน ได้แก่ จ.กำแพงเพชร นครสวรรค์ พิจิตร พิษณุโลก ชัยนาท พระนครศรีอยุธยา ลพบุรี สระบุรี สิงห์บุรี อ่างทอง และสุพรรณบุรี มีพื้นที่ดำเนินการจัดระบบการปลูกข้าว 1.5 ล้านไร่ แบ่งพื้นที่ปลูกถั่วเขียว 7 แสนไร่ พืชหลังนาชนิดอื่นๆ 1.5 แสนไร่ พืชปุ๋ยสด 1.5 แสนไร่ และการปลูกข้าวพร้อมกันในพื้นที่เดียวกันอีก 5 แสนไร่ ใช้งบประมาณทั้งสิ้น 149,289,700 บาท
การจัดระบบปลูกข้าวใหม่ครั้งนี้สืบเนื่องมาจากการที่ประเทศไทยเป็นผู้ส่งออกข้าวรายใหญ่ของโลก เพราะมีชัยภูมิที่เหมาะสม ภูมิอากาศเอื้ออำนวย มีพันธุ์ข้าวที่หลากหลาย สามารถปลูกได้ทั้งช่วงนาปี และนาปรัง อีกทั้งยังมีแหล่งปลูกข้าวที่สำคัญ คือ พื้นที่ในเขตโครงการชลประทาน โดยเฉพาะบริเวณลุ่มเจ้าพระยา ทำให้ชาวนาสามารถทำนาได้ตลอดปี
อย่าไรก็ตาม การปลูกข้าวที่ไม่พร้อมกันส่งผลให้ยุ่งยากต่อการบริหารจัดการน้ำ นอกจากนี้การปลูกข้าวอย่างต่อเนื่องยังเป็นสาเหตุทำให้ดินเสื่อมโทรม เพราะไม่มีช่วงพักดิน หรือปลูกพืชบำรุงดิน กระทบผลผลิตต่อไร่ลดลง ข้าวคุณภาพต่ำขายไม่ได้ราคา และขาดทุนจากการเสียค่าปุ๋ย เกษตรกรเสียสุขภาพ เสียค่าใช้จ่ายจากการซื้อสารเคมีกำจัดศัตรูข้าวมากขึ้น
นายชัยฤทธิ์ ดำรงเกียรติ อธิบดีกรมการข้าว เปิดเผยว่า ระบบใหม่ทั้ง 16 รูปแบบนี้ จะเป็นการส่งสัญญาณถึงเกษตรกรชาวนาให้เก็บเกี่ยวผลผลิตในนาข้าวก่อนฤดูน้ำหลากจะมา ที่ควรให้มรการปลูกข้าวช่วงเดือนเม.ย.-พ.ค. แล้วเก็บเกี่ยวช่วงเดียวกับฤดูฝน คือเดือน ส.ค. แทน เพราะปกติแล้วชาวนาจะเก็บเกี่ยวช่วงเดียวกับฤดูฝน คือเดือน ก.ย. ทั้งนี้ไม่ได้เป็นการเปลี่ยนวิถีของเกษตรกรชาวนาที่เคยทำมาแต่อย่างใด แต่เพื่อเป็นการป้องกันความเสี่ยงจากปัญหาอุทกภัย หรือการขาดแคลนน้ำในบางพื้นที่ รวมถึงการระบาดของศัตรูข้าว ซึ่งระบบดังกล่าวจะเป็นผลดีต่อชาวนา ทำให้ผลผลิตเฉลี่ยต่อไร่เพิ่มขึ้น 20 %
ด้านนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังตรวจเยี่ยมและประชุมคณะกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) ว่า จะไม่ขยายระยะเวลาในโครงการรับจำนำข้าวนาปีที่จะสิ้นสุดในวันที่ 29 ก.พ.นี้ออกไปอีก แม้ว่ายอดการจำนำข้าวจะลดลง เพราะต้องการให้ผลผลิตที่ออกหลังจากวันที่ 1 มี.ค.2555 เป็นการรับจำนำข้าวรอบใหม่ เงื่อนไขใหม่ราคาใหม่ ซึ่งคงต้องรอการพิจารณาของคณะกรรมการนโยบายข้าวแห่งชาติ (กขช.) ก่อน
สำหรับโครงการรับจำนำข้าวเปลือกนาปีฤดูกาล 2554/2555 นั้นจะได้ขึ้นทะเบียนเกษตรกร 3.56 ล้านราย ผ่านการทำประชาคมพร้อมออกหนังสือรับรองเกษตรกร 3.42 ล้านราย มีจำนวนโรงสีและตลาดกลางที่เปิดจุดรับจำนำ 845 แห่งซึ่ง ธ.ก.ส.ได้ทำสัญญาและจ่ายเงินกู้แก่เกษตรกรไปแล้ว 8.97 แสนราย ปริมาณข้าวเปลือก 5.5 ล้านตัน จำนวน 9.81 หมื่นล้านบาท ขณะที่การสีแปรสภาพข้าวเปลือกเป็นข้าวสารส่งมอบคลังสินค้ากลาง ดำเนินไปแล้วจำนวน 2.30 ล้านตัน
ทั้งนี้ เมื่อสิ้นสุดโครงการ ธ.ก.ส. คาดว่าจะสามารถรับจำนำข้าวในราคาตันละ 1.5-2 หมื่นบาท ได้แค่ 8 ล้านตัน จากเป้าหมาย 25 ล้านตัน เป็นเงิน 1.3 แสนล้านบาท จากเดิมที่คาดว่ารัฐบาลน่าจะใช้เงินถึง 4 แสนล้านบาท เนื่องจากเกษตรกรประสบอุทกภัยผลผลิตได้รับความเสียหาย ขณะที่ราคาข้าวเปลือกในตลาดอยู่ในเกณฑ์ดี เกษตรกรจึงขายข้าวเปลือกให้กับพ่อค้าในท้องถิ่นมากกว่านำมาจำนำกับรัฐบาล
"รัฐบาลยังไม่ได้บอกว่า จะมีนโยบายในการปรับลดราคาจำนำข้าวรอบใหม่หรือนาปรังลง เพราะข้อเสนอในการปรับลดราคารับจำนำนั้นเป็นข้อเสนอของผู้ประกอบการข้าวถุงและผู้ส่งออกข้าว อยากถามว่าเขาอยากเห็นราคาข้าวถูกกว่าน้ำเปล่าหรือ" นายกิตติรัตน์ กล่าว
นอกจากนี้ ที่ประชุมคณะกรรมการ ธ.ก.ส.ยังมีมติอนุมัติให้ ธ.ก.ส.เข้ามาช่วยพยุงราคารับจำนำมันสำปะหลังระหว่างเดือน ก.พ.-พ.ค. 2555 จำนวน 10 ล้านตัน และสนับสนุนสินเชื่อ 1,000 ล้านบาท ให้โรงงานแปรรูปสับประรดใช้เป็นทุนหมุนเวียนรับซื้อช่วงที่ราคาตก