กก.ภาคประชาชนเตรียมจับตาการทำงาน คกก.หลักประกันสุขภาพชุดใหม่ ยันที่ผ่านมาไม่ช่วงชิงผลประโยชน์
จากกรณีเกิดความขัดแย้งในการคัดเลือกผู้ทรงคุณวุฒิของคณะกรรมการหลักประกันสุขภาพ ส่งผลให้ไม่เป็นที่ยอมรับจากภาคประชาชน เป็นสาเหตุให้มีการฟ้องร้องต่อศาลปกครอง ทำให้บางฝ่ายเห็นว่าการออกมาเคลื่อนไหวของภาคประชาชน เพราะมีการเปลี่ยนขั้วอำนาจและฝ่ายประชาชนเสียประโยชน์
นายนิมิตร์ เทียนอุดม กรรมการหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า ที่ผ่านมากรรมการภาคประชาชนไม่ได้มีผลประโยชน์ใดๆ จากกองทุน หากมีคงเป็นเพียงเบี้ยประชุม แต่ทั้งนี้ หากหมอที่เป็นเจ้าของโรงพยาบาลหรือหน่วยบริการ ที่ได้รับตำแหน่งกรรมการหลักประกันสุขภาพฯในชุดใหม่นี้ มีอิทธิพลต่อการตัดสินใจในการกำหนดเพิ่มค่ารักษา แม้จะเพิ่มขึ้นเพียง ๑ บาทต่อหัวประชากร จะมีเงินเพิ่มขึ้นถึง ๔๘ ล้านบาท โดยที่ผ่านมากรรมการภาคประชาชน ได้ทำการตรวจสอบหน่วยบริการที่เรียกเก็บเงินไม่ถูกต้องและดำเนินการเรียกเงินคืนแล้ว
"นอกจากนี้ยังสนับสนุนให้มีการผลักดันระบบหลักประกันให้ครอบคลุมทุกคนทุกโรคได้เพิ่มขึ้น เช่น การได้รับยาของผู้ป่วยมะเร็ง ผู้ป่วยเรื้อรัง ผู้ป่วยไตวายเรื้อรัง รวมถึงการเข้าถึงการรักษาโรคที่ไม่เร่งด่วนด้วย พร้อมผลักดันให้คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติมีการกระจายแพทย์และบุคลากรทางการแพทย์ให้เท่าเทียมกันทั่วประเทศเพราะขณะนี้ภาคอีสานมีสัดส่วนแพทย์น้อยที่สุด"
ทั้งนี้ นายนิมิตร์ กล่าวด้วยว่า การที่ พรบ.ฉบับนี้ กำหนดให้มีสัดส่วนของภาคประชาชน ก็เพื่อให้เข้าไปถ่วงดุลย์ ให้เกิดความเป็นธรรมในระบบสิทธิประโยชน์ ซึ่งการส่งเสียงทักท้วงในการเลือกตั้งอนุกรรมการที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้ ไม่ใช่การช่วงชิงอำนาจของภาคประชาชน แต่คือการพยายามสร้างให้ระบบมีความสมดุลย์ ความเป็นธรรม ให้ยังคงดำรงค์อยู่ เพื่อให้ประชาชน ๔๘ ล้านคนยังคงเข้าถึงบริการดูแลการรักษาที่มีคุณภาพและมีโอกาสในการมีคุณภาพมาตรฐานเดียวได้ต่อไป
ด้าน นางสุนทรี เซ่งกิ่ง ตัวแทนภาคประชาชนหนึ่งในกรรมการหลักประกันสุขภาพ กล่าวว่า อยากให้สังคมจับตาดูรายชื่อและคุณสมบัติของผู้ทรงคุณวุฒิและอนุกรรมการ เนื่องจากพบว่าไม่มีผู้เชี่ยวชาญด้านหลักประกันสุขภาพอยู่เลย แต่เต็มไปด้วยตัวแทนของโรงพยาบาลเอกชน และผู้ที่ถูกเสนอชื่อโดยภาคการเมือง แสดงให้เห็นชัดเจนถึงความพยายามที่จะครอบงำและเพิ่มผลประโยชน์ของกลุ่มแพทย์พาณิชย์ในระบบหลักประกัน แม้ตัวแทนภาคประชาชนจะได้ท้วงติงก็ไม่ได้รับการตอบสนองจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุขในฐานะประธานในที่ประชุมแต่อย่างใด