ฉบับเต็ม! ไขคำตอบไฉน ปค.แจกงบหมู่บ้านละ 500 บ.สร้างปรองดอง-ลดขัดแย้ง?
“…ประเมินว่า เกิดความเข้าใจในระดับผู้นำ/แกนนำ เพื่อปรับทัศนคติหารูปแบบแนวทางในการสร้างความปรองดองที่เหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ ลดปัญหาข้อขัดแย้ง เสริมสร้างความปรองดองสมาฉันท์ของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายในหมู่บ้าน ให้มีความรัก ความสามัคคี พร้อมให้ความร่วมมือทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของหมู่บ้าน ประชาชนในหมู่บ้านมีความรัก ความสามัคคี พร้อมเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้านได้รับการแก้ไข และค่อย ๆ หมดไปในที่สุด…”
สาธารณชนอาจทราบกันไปแล้วว่า กรมการปกครอง กระทรวงมหาดไทย เป็น ‘แม่งาน’ ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ในระดับหมู่บ้าน โดยผ่านคณะกรรมการหมู่บ้าน (กม.)
ซึ่งล่าสุดได้อนุมัติงบประมาณจำนวน 36,335,000 บาท แจกจ่ายให้กับคณะกรรมการหมู่บ้าน และคณะกรรมการกลางหมู่บ้านอาสาพัฒนาป้องกันตนเอง (อพป.) แห่งละ 500 บาท รวม 72,670 แห่ง เพื่อใช้ในกิจกรรมสร้างความปรองดองดังกล่าว โดยใช้ระยะเวลาการดำเนินการตั้งแต่เดือน ต.ค. 2559-ส.ค. 2560
(อ่านประกอบ : ให้แห่งละ 500 บ.! ปค.ไฟเขียวงบสร้างความปรองดองระดับหมู่บ้านรวม 36 ล.)
คำถามที่น่าสนใจคือ ใช้งบประมาณแค่หมู่บ้านละ 500 บาท เพียงพอหรือ ไม่น้อยไปหรือ ?
สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ตรวจสอบในหลักการและเหตุผลของโครงการดังกล่าว พบรายละเอียด ดังนี้
รัฐบาลและคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตระหนักถึงความสำคัญของการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ของคนในชาติ เนื่องจากที่ผ่านมาความขัดแย้งทางการเมืองไทย ได้ฝังลึกลงไปในทุกระดับ โดยมีปัจจัยสำคัญอยู่ที่ปัญหาทางความคิด มุมมองที่แตกต่างกันในสังคมประชาธิปไตย ระบบการจัดการอำนาจและทรัพยากรในสังคม สั่งสมเป็นความคิดที่มีความซับซ้อนมากยิ่งขึ้น นอกจากนั้นความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจและสังคม เป็นเงื่อนไขที่เข้ามาตอกย้ำให้เกิดความแตกต่างทางความคิดมากยิ่งขึ้น
สิ่งที่จะต้องเร่งดำเนินการอย่างต่อเนื่อง คือ การสร้างบรรยากาศแห่งการปรองดองให้เกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยจะต้องเริ่มต้นที่หมู่บ้าน ซึ่งถือเป็น ‘จุดแตกหัก’ สำคัญการดำเนินงานแผนงาน/โครงการของทุกภาคส่วน ซึ่งมีคณะกรรมการหมู่บ้านเป็นตัวเชื่อมการขับเคลื่อนการดำเนินงานในหมู่บ้านตามกฏหมายลักษณะปกครองท้องที่ และมติคณะรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 21 ก.ค. 2552
ทั้งนี้คณะกรรมการหมู่บ้านเป็นองค์กรประชาชนที่มีความใกล้ชิดประชาชนมากที่สุด โดยเฉพาะองค์ประกอบของกรรมการฯที่ผู้นำล้วนเป็นผู้มีความสามารถและได้รับการยอมรับนับถือจากประชาชนในพื้นที่ รวมถึงคณะกรรมการ อพป.
ดังนั้นเพื่อส่งเสริมการบูรณาการสร้างความปรองดอง จึงได้จัดทำโครงการดังกล่าวขึ้น โดยให้คณะกรรมการหมู่บ้าน คณะกรรมการ อพป. และแกนนำในพื้นที่ (กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้นำตามธรรมชาติ ผู้นำทางศาสนา หรือปราชญ์ชาวบ้าน และประชาชน) จัดให้มีเสวนาพูดคุย ปรึกษาหารือในบทบาทของคณะกรรมการหมู่บ้าน และคณะกรรมการ อพป. ในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์เพื่อให้ได้รูปแบบแนวทางการทำงาน และดำเนินกิจกรรมสร้างความสมานฉันท์ให้เหมาะสมตามบริบทของพื้นที่
เป้าหมายหลักของโครงการนี้คือ สนับสนุนงบประมาณเพื่อเป็นค่าใช้จ่ายในการจัดเวทีสานเสวนาเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยน ปรึกษาหารือ เพื่อหารูปแบบ/แนวทางการจัดกิจกรรมในการสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ให้แก่ คณะกรรมการหมู่บ้าน และคณะกรรมการ อพป.
โดยมีตัวชี้วัดการดำเนินงานตามโครงการ ได้แก่ หมู่บ้านดำเนินกิจกรรมเพื่อสร้างความปรองดองสมานฉันท์ ประชาชนมีความรัก ความสามัคคี ปรองดองสมานฉันท์ และการขับเคลื่อนภารกิจของรัฐบาล จังหวัด อำเภอ ในหมู่บ้านไปสู่ประชาชนมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
สำหรับการติดตามประเมินผลโครงการนี้ กรมการปกครอง มอบหมายให้ผู้ตรวจราชการกรมการปกครอง และข้าราชการในสังกัดที่รับผิดชอบลงพื้นที่เพื่อติดตามประเมินผล ให้อำเภอมอบหมายชุดปฏิบัติการประจำตำบลลงพื้นที่เป็นพี่เลี้ยงส่งเสริมสนับสนุนและติดตามผลการดำเนินงานของหมู่บ้าน และให้อำเภอรายงานผลการดำเนินการให้จังหวัดทราบ และจังหวัดรวบรวมรายงานกรมการปกครองทราบ
ซึ่งผลที่คาดว่าจะได้รับนั้น กรมการปกครองประเมินว่า เกิดความเข้าใจในระดับผู้นำ/แกนนำ เพื่อปรับทัศนคติหารูปแบบแนวทางในการสร้างความปรองดองที่เหมาะสมตามบริบทของพื้นที่ ลดปัญหาข้อขัดแย้ง เสริมสร้างความปรองดองสมาฉันท์ของประชาชนทุกกลุ่ม ทุกฝ่ายในหมู่บ้าน ให้มีความรัก ความสามัคคี พร้อมให้ความร่วมมือทำงานเพื่อแก้ไขปัญหาของหมู่บ้าน ประชาชนในหมู่บ้านมีความรัก ความสามัคคี พร้อมเป็นพลังสำคัญในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาประเทศ ทำให้ปัญหาความขัดแย้งในหมู่บ้านได้รับการแก้ไข และค่อย ๆ หมดไปในที่สุด (ดูเอกสารประกอบ)
ท้ายสุดโครงการนี้จะสำเร็จเป็นไปดั่งที่รัฐบาล คสช. และกรมการปกครองหวังไว้หรือไม่ ใช้งบประมาณเพียงแค่หมู่บ้านละ 500 บาท จะพอจริงหรือ ?
ต้องติดตามกันต่อไปอย่างใกล้ชิด !
หมายเหตุ : ภาพประกอบการปรองดองจาก contentcenter.prd.go.th