แบรนด์ข้าว "เพชรคอรุม" ของชาวอุตรดิตถ์ พลังชุมชุมที่คิดอย่างครบวงจร
ศูนย์ข้าวชุมชนที่อุตรดิตถ์ได้พิสูจน์วิถีแห่งการพึ่งพาตนเองของเกษตรกรได้อย่างกล้าหาญ เกษตรกรที่นี่มีรายได้จากการจำหน่ายข้าวในราคาที่ดีกว่าทั่วไป อีกทั้งเกิดการเรียนรู้ภายในชุมชน มีการฝึกปฏิบัติกระบวนการผลิตขาวอินทรีย์ เช่น การคัดเมล็ดพันธุ์ การปลูก การดูแลเกษตรกรและผู้บริโภคในพื้นที่ยังมีสุขภาพที่ดีขึน จากการลด เลิก การใช้สารเคมี
อย่าได้แปลกใจที่วันนี้คนไทยกำลังสร้างพลังประวัติศาสตร์ให้นายทุนข้าวได้เห็น ด้วยการออกมาหนุนช่วย "ชาวนา" ทุกทางเท่าที่ทำได้ เพื่อให้ชาวนายังอยู่รอดสู้กลไกตลาดทุนที่บิดเบี้ยวมาหลายสิบปี ภายใต้แนวคิดช่วยชาวนา "สร้างแบรนด์ข้าวบรรจุถุง" ที่ดังกระฉ่อนเมือง
ข้าวคุณภาพดี ผลิตใหม่ๆจากแปลงนา ผลิตผลจากแรงใจของชาวนา กำลังถูกทยอยสั่งจองมีออร์เดอร์ล่วงหน้าผ่านระบบออนไลน์มากมาย และนี่คือกำลังแรงส่งครั้งใหญ่ในเชิงรุก ทั้งในเชิงธุรกิจชุมชน และเชิงสัญลักษณ์ว่า คนเมืองเข้าใจความเจ็บปวดของชาวนาไทยเป็นอย่างดี
ไม่ต่างกับกับที่ศูนย์ข้าวชุมชน บ้านม่วงตลาด หมู่ที่ 2 ตำบลคอรุม อ.พิชัย จ.อุตรดิตถ์ หนึ่งในตำบลศูนย์จัดการเครือข่ายสุขภาวะชุมชน สำนักสนับสนุนสุขภาวะชุมชน สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ซึ่งจัดตั้งขึ้นมาตั้งแต่ปี 2545 เป็นเวลา 14 ปี ที่เกิดจากการรวมกลุ่มกันของเกษตรกรที่เห็นถึงปัญหาราคาข้าวและกลไกตลาดที่ยิ่งทำ ยิ่งขาดทุน เมื่อทุกคนมีเป้าหมายเดียวกัน คือต้องการออกจากวังวนปัญหาราคาข้าว และการใช้สารเคมีในการเพาะปลูก จึงหันมาร่วมกันผลิตข้าวที่ได้คุณภาพ และปลอดสารเคมี พัฒนาระบบการผลิต และสร้างมูลค่าทางการตลาดเพิ่ม
เกิดเป็นศูนยข้าวชุมชนมีกิจกรรมหลักอยู่ 2 กิจกรรมอย่างแรกคือ การผลิตเมล็ดพันธุ์ข้าว (พิษณุโลก 2) ซึงได้ทำบันทึกขอตกลง (MOU)กับ ธ.ก.ส. และ สหกรณ์การเกษตรเพื่อการตลาดลูกค้า ธ.ก.ส. (สกต.) ผลิตข้าวที่ได้รับรองมาตรฐาน GAP (มาตรฐานอาหารปลอดภัย) และอยู่ระหว่างการพัฒนามาตรฐานเป็น ‘ออร์แกนิคไทย’ (มาตรฐานเกษตรอินทรีย์)
อย่างที่สองคือ การผลิตข้าวครบวงจร (แบรนด์เพชรคอรุม) ปลูกข้าวพันธุต่างๆ ได้แก่ "ขาวหอมนิล ขาวไรซ์เบอรรี่ ขาวสินเหล็ก และขาวหอมมะลิแดง" ซึงข้าวต่างๆ เหล่านี้ล้วนแต่เป็นข้าวอินทรีย์ที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง เป็นที่ต้องการของตลาด ผลสำเร็จคือทำให้มีผู้สนใจซื้อจำนวนมาก
รวมถึงมีกลุ่มสมาชิกที่ต้องการเพิ่มปริมาณผลผลิตเพราะผลผลิตได้ราคาดี
นอกจากนี้ศูนย์ข้าวชุมชนยังทำการผลิตปุ๋ยอินทรีย์ โดยเป็นการผลิตเพื่อใช้ในกลุ่ม และเป็นการผลิตเพื่อถายทอดองค์ความรู้ให้กับเครือข่าย ทั้งยังมีการทำการหมัก / หัวเชื้อ(สรสิงนาโน) ซึ่งเป็นวิวัฒนาการใหม่ในการผลิตข้าวครบวงจร เพราะช่วยให้ข้าวนุ่ม น่ารับประทาน เมล็ดข้าวสวยเงางาม
และในส่วนของขั้นตอนสุดท้ายคือการแปรรูป ศูนยข้าวชุมชนยังได้จัดทำกระบวนการดูแล และแปรรูปผลิตภัณฑ์ ตลอดจนทำบรรจุภัณฑ์ ทั้งหมดนี้ นับเป็นการผลิตข้าวแบบครบวงจร มีการจดลิขสิทธิ์เรียบร้อย
"อัษฎางค์ สีหาราช" ผู้ใหญ่บ้านคอรุม หมู่ 2 เป็นผู้จดทะเบียนภายใต้โลโก้ "เพชรคอรุม" ซึ่งนี่ถือเป็นความไม่ธรรมดา สำหรับแบรนด์ข้าว "เพชรคอรุม"ที่สร้างแบรนด์ข้าวชุมชนมานานกว่า 14 ปีจนถึงวันนี้
ผู้ใหญ่ อัษฎางค์ เปิดใจว่า ปี 2559 ผลิตภัณฑ์ข้าวภายใต้แบรนด์เพชรคอรุมถือว่า มีผลสำเร็จเกินคาด สมาชิกกลุ่ม 24 คน พื้นที่ 270 ไร่ มีรายได้รวมกันขายได้ปีละ 150 ตัน (ตันละ 50,000 บาท)
ข้าวแบรนด์เพชรคอรุม บรรจุด้วยแพกเกจสุญญากาศอย่างดี ขายส่งคือกิโลกรัมละ 50 บาท และราคาขายปลีกกิโลกรัมละ 70 บาท ลูกค้ามี 2 กลุ่มหลักๆ คือ กลุ่มที่รับไปขายต่อ และอีกกลุ่มคือลูกค้าออนไลน์ สั่งซื้อทางเฟซบุ๊กแฟนเพจชื่อ “ข้าวอินทรีย์เพชรคอรุม” ซึ่งนับวันจำนวนออร์เดอร์สั่งซื้อทางออนไลน์ยิ่งเพิ่มขึ้น
“ ชีวิตวันนี้ยึดหลักตามรอยพ่อหลวง พึ่งตนเอง ลดการใช้จ่าย และยึดหลักเศรษฐกิจพอเพียง ศึกษาแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง จากการที่ได้ไปเรียนรู้กับปราชญ์ชาวบ้านเมื่อปี 2540 หลายคน ตอนนั้นผมเองก็เจ็บหนักเพราะทำธุรกิจรับเหมาก่อสร้างมาก่อน ฟื้นชีวิตและมีวันนี้ด้วยก็ด้วยแนวคิดของพ่อหลวงจริงๆอยากให้คนไทยศึกษาและยึดหลักที่พระองค์ท่านได้ทรงมอบให้คนไทยไว้” ผู้ใหญ่อัษฎางค์ เล่าด้วยความภาคภูมิใจ
เช่นเดียวกับที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนบ้านคลองกล้วย หมู่ 8 ก็ยังคิดครบจบในที่เดียวเหมือนกัน ทั้งโรงสีข้าวชุมชน ผลิตข้าวบรรจุข้าวให้แก่คนในและนอกพื้นที่ รวมถึงการบริการรถดำนาชุมชนให้เช่า ซึ่งนอกจากจะเป็นการลดรายจ่ายแล้ว ยังสร้างความสามัคคีในชุมชนอีกด้วย รวมทั้งมีการกลุ่มเมล็ดพันธุ์ข้าว และ กลุ่มเกษตรอินทรีย์ชีวภาพที่ครบวงจร
ศูนย์ข้าวชุมชนที่อุตรดิตถ์ได้พิสูจน์วิถีแห่งการพึ่งพาตนเองของเกษตรกรได้อย่างกล้าหาญ เกษตรกรที่นี่มีรายได้จากการจำหน่ายข้าวในราคาที่ดีกว่าทั่วไป อีกทั้งเกิดการเรียนรู้ภายในชุมชน มีการฝึกปฏิบัติกระบวนการผลิตขาวอินทรีย์ เช่น การคัดเมล็ดพันธุ์ การปลูก การดูแลเกษตรกรและผู้บริโภคในพื้นที่ยังมีสุขภาพที่ดีขึน จากการลด เลิก การใช้สารเคมี
"ความเข้มแข็งของชุมชน" และ "การคิดอย่างครบวงจร" คือหัวใจฐานรากความคิดที่เกษตรกรไทยกลุ่ม“เพชรคอรุม” ใช้ และแน่นอนว่าเป็นชุดความคิดสำคัญในชุมชนอีกหลายแห่งที่สามารถสร้างวิสาหกิจชุมชนให้แข็งแรงมีกำไรหล่อเลี้ยงตัวเองได้อย่างยั่งยืน