โออีซีดีเดินหน้าขยายเครือข่าย ‘ครู (ไทย) พันธุ์เอ็กซ์’ รับ Thailand 4.0
โออีซีดีเดินหน้าขยายเครือข่าย ‘ครู (ไทย) พันธุ์เอ็กซ์’ รับ Thailand 4.0 ชี้ผลวิจัย 23 รร.นำร่องในไทย สะท้อนผลเชิงบวก ‘เด็ก-ครู’สนุกเรียนรู้เมื่อปรับให้สอนคิดวิเคราะห์คิดสร้างสรรค์
เมื่อเร็วๆนี้ องค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา หรือ โออีซีดี ซึ่งเป็นผู้ออกแบบเครื่องมือการวัดประเมินผลที่เรียกว่า “พีซ่า” (PISA) ได้จัดเวทีการอบรมการใช้เครื่องมือส่งเสริมและประเมินทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์ในชั้นเรียน ร่วมกับสำนักงานส่งเสริมสังคมแห่งการเรียนรู้และคุณภาพเยาวชน (สสค.) สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) สถาบันส่งเสริมการสอนวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี (สสวท.) ม.ศรีปทุม ม.ธรรมศาสตร์ และมูลนิธิยุวเสถียร เพื่อมุ่งขยายผลและนำไปสู่การพัฒนาเครื่องมือวัดประเมินผลเด็กและเยาวชนไทยให้มีทักษะความคิดสร้างสรรค์และทักษะการคิดวิเคราะห์รองรับการประเมินผล PISA ปี 2021 ที่โออีซีดีมีแผนจะเริ่มประเมินทักษะคิดสร้างสรรค์และคิดวิเคราะห์
พอล คอลาจด์ ผู้อำนวยการสถาบันพัฒนาความคิดสร้างสรรค์แห่งสหราชอาณาจักร ผู้เชี่ยวชาญจากองค์การโออีซีดี กล่าวถึงผลวิเคราะห์ข้อมูลนักเรียนและครูในการใช้เครื่องมือการวัดประเมินทักษะความคิดวิเคราะห์และสร้างสรรค์กับโรงเรียนนำร่องจำนวน 23 แห่งในประเทศไทยในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาพบว่า นักเรียนมีพัฒนาการด้านความคิดสร้างสรรค์สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะเมื่อครูสอดแทรกวิธีการสอนแบบคิดวิเคราะห์คิดสร้างสรรค์จะพบว่า เด็กระดับประถมศึกษามีความสนใจและสนุกกับการเรียนรู้มากขึ้น และห้องเรียนมีบรรยากาศที่เปิดรับการเรียนรู้มากขึ้น (High Functioning Classroom) โดยผู้เรียนสะท้อนว่ามีโอกาสใช้จินตนาการมากขึ้นในชั้นเรียน แม้เครื่องมือดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการพัฒนา
"แต่ในการวิจัยระยะที่ 2 ได้มีการขยายผลสู่โรงเรียนจำนวน 110 แห่งในปี 2560 ครอบคลุมครูและโรงเรียนในประเทศไทยทุกสังกัด เพื่อให้เกิดความหลากหลาย และเป็นประโยชน์ในการพัฒนาเครื่องมือให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น"
ศ.ท็อดด์ ลูบาร์ธ อาจารย์มหาวิทยาลัยปารีส หัวหน้าวิจัยโครงการพัฒนาเครื่องมือฯ โออีซีดี กล่าวถึงความจำเป็นในการสร้างครูพันธุ์ใหม่ให้มีวิวัฒนาการในลักษณะครูกลายพันธุ์ (Mutant) ที่เปลี่ยนให้ครูกลายเป็นผู้อำนวยการเรียนรู้ หรือผู้จัดกระบวนกรแทนการสอนที่เน้นแต่เนื้อหาเดิม (Content-based) ที่มีเป้าหมายในการป้อนเด็กเยาวชนสู่อุตสาหกรรมยุค 2.0 ซึ่งเป็นทักษะที่ตกยุกสมัยแล้ว ฉะนั้นครูพันธุ์เอ็กซ์ (X-Teacher) ต้องสามารถทำให้ห้องเรียนมีประสิทธิภาพสูงขึ้น เพื่อตอบสนองทักษะในยุคอุตสาหกรรม 4.0 ให้ได้ โดยจำแนกรูปแบบการจัดกระบวนการเรียนรู้ใน 4 ลักษณะได้แก่
1) Diverger: เน้นสร้างประสบกาณ์จริงเชิงรูปธรรมผสมผสานกับการสร้างทักษะการสังเกต ไตร่ตรอง เช่น การแลกเปลี่ยนเรียนรู้ การพูดคุย
2) Accommodator : การลงมือปฏิบัติจากประสบการณ์จริงจนเกิดความชำนาญ เช่น วิชาศิลปะซึ่งเปิดโอกาสให้มีการลองผิดถูกจากประสบการณ์ตรง
3) Converger: สรุปยอดแนวคิดและทฤษฎีให้ตกผลึกก่อนนำสู่การลงมือปฏิบัติตามกระบวนการขั้นตอนที่กำหนดไว้ เช่น วิชาวิทยาศาสตร์
และ 4) Assimilator เปรียบเทียบปราฏการณ์ที่เกิดขึ้นกับทฤษฎีที่ศึกษามา เช่น วิชาคณิตศาสตร์ที่ครูจะท้าทายผู้เรียนด้วยคำถาม และชี้แนะด้วยทฤษฎีแต่ยังไม่ลงมือปฏิบัติ โดยผลวิจัยพบว่า ครูไทยยังติดกับการสอนแบบตามทฤษฎี (Converger) เป็นอันดับที่ 1 ตามมาด้วยการสอนตามประสบการณ์ตรง (Accommodator) อันดับที่ 2 การสอนแบบเชื่อมโยงกับทฤษฎี (Assimilator) อันดับที่ 3 และแบบผสมผสานประสบการณ์จริงกับทักษะคิดวิเคราะห์ สังเกต ไตร่ตรอง (Diverger) เป็นอันดับที่ 4
ดร.เบญจลักษณ์ น้ำฟ้า ที่ปรึกษาสพฐ. กล่าวว่า ถือเป็นเรื่องน่ายินดีที่ประเทศไทย โดยสสค.ได้เป็นหนึ่งใน 14 ประเทศนำร่องการพัฒนาเครื่องมือฯดังกล่าว จนเป็นที่มาของการวิจัยร่วมกันระหว่างโออีซีดีและภาคีการศึกษาในประเทศไทย แต่สิ่งสำคัญหลังจบการอบรมครั้งนี้คือ ครูและศึกษานิเทศก์ที่เข้าร่วมอบรมทั้ง 50 คนสามารถนำกระบวนการสอนที่กระตุ้นให้เกิดการคิดวิเคราะห์คิดสร้างสรรค์ไปขยายผล และใช้จริงในห้องเรียนได้ทันที เพียงแต่ปรับกระบวนการสอนเท่านั้น และเชื่อว่าการขยายผลร่วมกับภาคีวิชาการ ทั้งในส่วนม.ศรีปทุม ม.ธรรมศาสตร์ฯ จะช่วยสร้างการเปลี่ยนแปลงในการต่อยอดการวิจัยนวัตกรรมในไทย โดยมีพื้นที่ทำงานจริงในห้องเรียนเป็นห้องทดลองร่วมกัน สพฐ.ยินดีสนับสนุนช่วยเหลือเครือข่ายครูในพื้นที่ในการเตรียมพร้อมรับการเปลี่ยนแปลงในโลกยุค 4.0 ที่จุดเปลี่ยนสำคัญอยู่ที่การคิดต่างคิดสร้างสรรค์เพื่อนำสู่การสร้างนวัตกรรมใหม่ที่ตอบโจทย์โลกยุคดิจิตอล