เหยื่อระเบิดปัตตานีต้องตัดขา-ควักลูกตา แม่ทัพ4 สั่งจัดระเบียบตลาด-ชุมชน
นักเรียนหญิงชั้น ม.6 ของโรงเรียนชื่อดังในจังหวัดปัตตานีที่ถูกสะเก็ดระเบิดอาการสาหัสเมื่อค่ำวันจันทร์ที่ 24 ต.ค.59 ยังคงรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ และต้องตัดขา ทั้งๆ ที่ใกล้วันสอบวัดระดับเพื่อเข้ามหาวิทยาลัย ทำให้ต้องสูญเสียโอกาสไปอย่างน่าเสียดาย
น.ส.นริศรา มากชูชิต นักเรียนหญิงชั้น ม.6 โรงเรียนสาธิตแห่งมหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานี เป็นหนึ่งในผู้บาดเจ็บจากเหตุระเบิดใกล้กับร้านก๋วยเตี๋ยวเบิ้ม หน้าตลาดโต้รุ่ง ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี เมื่อช่วงค่ำของวันจันทร์ที่ 24 ต.ค. โดยน้องนริศราอาการสาหัส แพทย์โรงพยาบาลปัตตานีต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่โรงพยาบาลสงขลานครินทร์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และต้องตัดขา ทำให้ครอบครัวและเพื่อนนักเรียนล้วนอยู่ในอาการโศกเศร้า เพราอีกไม่กี่วันน้องนริศราจะต้องเข้าสอบวัดระดับเพื่อเข้ามหาวิทยาลัยแล้ว
ลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยว – เด็กชาย 7 ขวบยังสาหัส
ส่วนที่โรงพยาบาลปัตตานี พล.ท.ปิยวัฒน์ นาควานิช แม่ทัพภาคที่ 4 และ นายวีรนันท์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี พร้อมเหล่ากาชาด ได้เข้าเยี่ยมผู้บาดเจ็บ ซึ่งจนถึงขณะนี้มีผู้บาดเจ็บนอนพักรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลปัตตานีจำนวน 11 คน อาการสาหัส 2 คน คือ น.ส.มโนชา พงษ์เสาร์ ลูกจ้างร้านก๋วยเตี๋ยว ต้องผ่าตัดขาและควักลูกตา 1 ข้าง เนื่องจากถูกสะเก็ดระเบิด
อีกคนหนึ่งคือ ด.ช.พรหมพิริยะ พรหมนุกูล อายุเพียง 7 ขวบ แพทย์เพิ่งผ่าตัดใหญ่ไปเมื่อคืน ขณะนี้ยังอยู่ในห้องไอซียู โดยตระกูลพรหมพิริยะ ได้รับบาดเจ็บทั้งพ่อ แม่ และลูก 2 คน เบื้องต้นแม่ทัพได้มอบเงินเยียวยาให้กับผู้บาดเจ็บทั้งหมด
แม่ทัพภาค 4 สั่งจัดระเบียบตลาด-ชุมชน
จากนั้น พล.ท.ปิยวัฒน์ ได้เดินทางไปตรวจจุดเกิดเหตุ บริเวณตลาดโต้รุ่ง ริมถนนพิพิธ ในเขตเทศบาลเมืองปัตตานี โดยมีเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเข้าเก็บหลักฐานเพิ่มเติม โดยระเบิดที่คนร้ายใช้เป็นชนิดแสวงเครื่อง ประกอบใส่กล่องเหล็ก และจุดระเบิดโดยการตั้งเวลาจากโทรศัพท์มือถือ
ทั้งนี้ แม่ทัพภาคที่ 4 ไม่ได้ให้สัมภาษณ์ใดๆ กับผู้สื่อข่าว แต่ระหว่างลงตรวจพื้นที่ ได้พูดคุยกับนายกเทศมนตรีเมืองปัตตานีและเจ้าของร้านค้าใกล้กับจุดเกิดระเบิดว่า ให้เพิ่มแสงสว่างบริเวณตลาด และขอความร่วมมือภาคประชาชนให้ช่วยกันสอดส่องและเพิ่มความเข้มในการตรวจสอบรถและบุคคลที่จะเข้าออกพื้นที่ รวมทั้งขอให้มีการจัดระเบียบบ้านเรือนและร้านค้าของประชาชน เช่น กระถางต้นไม้ เพื่อป้องกันการใช้เป็นที่ซุกซ่อนวัตถุระเบิด
รูปแบบระเบิดเหมือนบึ้มหน้ามัสยิดกลางปัตตานี
ขณะที่ พ.อ.ปราโมทย์ พรหมอินทร์ โฆษกกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในภาค 4 ส่วนหน้า (กอ.รมน.ภาค 4 สน.) กล่าวภายหลังลงพื้นที่ร่วมกับแม่ทัพภาคที่ 4 ว่า เป็นการกระทำที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม จึงขอแสดงควมเสียใจไปยังครอบครัวผู้บาดเจ็บและเสียชีวิตด้วย แต่ถึงกระนั้นเจ้าหน้าที่จะไม่ใช้ความรุนแรงตอบโต้ แต่จะบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม พร้อมเน้นดูแลพื้นที่ให้ปลอดภัย ดึงประชาชนเข้ามามีส่วนร่วม เพื่อให้ทุกคนมีความเชื่อมั่น และเตรียมความพร้อมรองรับโครงการสามเหลี่ยมเศรษฐกิจของรัฐบาล “มั่นคง มั่งคั่ง ยั่งยืน”
สำหรับกลุ่มผู้ก่อเหตุน่าจะเป็นกลุ่มเดียวกับที่เคยปฏิบัติการก่อนหน้านี้ โดยพิจารณาจากลักษณะของวัตถุระเบิดที่เจ้าหน้าที่ชุดเก็บกู้และตรวจพิสูจน์วัตถุระเบิด หรือ อีโอดี ตรวจสอบเมื่อเช้า พบว่ามีลักษณะใกล้เคียงหรือเรียกได้ว่าเหมือนกับการก่อเหตุในช่วงที่ผ่านมา โดยเฉพาะการลอบวางระเบิดที่หน้ามัสยิดกลางปัตตานี เมื่อค่ำวันที่ 3 ก.ค.59 ทำให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเสียชีวิต ฉะนั้นเจ้าหน้าที่จึงมีข้อมูลอยู่แล้ว ขอให้ใจเย็นๆ แม่ทัพได้เน้นย้ำให้รวบรวมวัตถุพยานให้แน่นหนาเพื่อติดตามจับกุมผู้กระทำผิดต่อไป
ติง 2 องค์กรเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐ
"กลุ่มผู้ก่อเหตุยังยืนยันเจตนารมณ์เดิม คือปฏิบัติการทุกครั้งเมื่อมีโอกาส และอยากจะขอให้สังคมจับตาความเคลื่อนไหวของกลุ่มเครือข่ายองค์กรแนวร่วมที่่มักจะออกมาต่อต้านคัดค้านการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐเสมอ โดยเมื่อใดที่รัฐบังคับใช้กฎหมายกับผู้ใช้ความรุนแรง จะมีบางองค์กรขออนุญาตเอ่ยนาม คือกลุ่มเปอร์มัส กับมูลนิธิผสานวัฒนธรรม มักออกมาคัดค้านการกระทำของเจ้าหน้าที่ จึงอยากเรียกร้องว่าขอเวลาให้เจ้าหน้าที่ปฏิบัติงาน ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหนก็ตาม เพราะรัฐคงไม่มีความจำเป็นอะไรต้องจับกุมผู้บริสุทธิ์เข้าสู่กระบวนการยุติธรรม ทุกกรณีที่เจ้าหน้าที่ปฏิบัติการล้วนมีหลักฐานในการจับกุม" โฆษก กอ.รมน.ภาค 4 ส่วนหน้า กล่าว
พ.อ.ปราโมทย์ บอกด้วยว่า การแก้ปัญหาจังหวัดชายแดนภาคใต้เหมือนก่อประสาททราย เจ้าหน้าที่และประชาชนอยากช่วยกันแก้ปัญหา แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์ขึ้น จึงมีความท้อแท้และหวาดกลัว อย่างไรก็ดี ต้องก้าวข้ามสิ่งนี้ไปด้วยกัน ที่ผ่านมาภาครัฐพยายามสร้างสภาวะแวดล้อม ดูแลประชาชนให้มีคุณภาพชีวิตที่ดี เป็นส่วนหนึ่งของการสร้างความพร้อมของการพูดคุยเพื่อสันติสุขในระดับพื้นที่ และเปิดโอกาสให้องค์กรภาคประชาสังคม ภาควิชาการให้ช่วยขับเคลื่อน
“แต่การเคลื่อนไหวใดๆ ก็ตาม ต้องอยู่ภายใต้รัฐธรรมนูญและไม่เข้าข่ายละเมิดกฎหมาย ถ้ามีการเคลื่อนไหวละเมิดกฎหมาย ก็ต้องบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าการเคลื่อนไหวนั้นจะใช้ความรุนแรงหรือไม่ก็ตาม” พ.อ.ปราโมทย์ ระบุ
ภาคประชาสังคมแถลงประณามผู้ก่อเหตุ
เหตุระเบิดในพื้นที่ชุมชนและย่านเศรษฐกิจสำคัญซึ่งมีประชาชนพลุกพล่าน ส่งผลกระทบต่อผู้บริสุทธิ์ โดยเฉพาะผู้หญิงและเด็ก ทำให้องค์กรภาคประชาสังคมหลายองค์กรออกมาแถลงการณ์ประณาม
คณะทำงานวาระผู้หญิงชายแดนใต้ และองค์กรภาคประชาสังคมในพื้นที่รวม 28 องค์กร รวมถึงองค์กรเครือข่ายชาวพุทธ ได้ประณามการก่อเหตุที่ไม่คำนึงถึงประชาชนผู้บริสุทธิ์ และเรียกร้องให้ยุติการกระทำ พร้อมส่งสัญญาณไปยังโต๊ะพูดคุยเพื่อสันติสุขจังหวัดชายแดนภาคใต้ ซึ่งนัดพูดคุยกันในวันนี้ ให้เร่งตกลงเรื่อง “พื้นที่สาธารณะปลอดภัย” ร่วมกันให้ได้โดยเร็ว
ขณะที่มูลนิธิผสานวัฒนธรรม ซึ่งทำงานด้านกฎหมายและสิทธิมนุษยชนในจังหวัดชายแดนภาคใต้ ออกแถลงการณ์ประณามการใช้ระเบิดในพื้นที่สาธารณะ ซึ่งถือเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนและกฎหมายระหว่างประเทศ พร้อมเรียกร้องให้กลุ่มติดอาวุธทุกฝ่ายยุติการใช้ความรุนแรงเข้าประหัตประหารกัน
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 แม่ทัพภาคที่ 4 ขณะตรวจตลาดโต้รุ่งปัตตานี พื้นที่เกิดเหตุระเบิด
2 พ.อ.ปราโมทย์ แถลงประณามคนร้ายที่หน้าร้านก๋วยเตี๋ยวจุดเกิดระเบิด