เปิดผลสอบปมรุกป่า อ.ละอุ่น 1,200 ไร่ ‘บิ๊ก ขรก.’สั่งเปลี่ยนแนวเขต เอื้อพวกพ้นผิด
เปิดผลสอบปมรุกที่สาธารณะ - ป่าสงวนฯ อ.ละอุ่น จ.ระนอง 1,200 ไร่ บิ๊ก ขรก. สั่งเปลี่ยนแนวเขตแผนที่ อุ้มผู้เกี่ยวข้องพ้นผิด กรณีสร้างถนนคอนกรีตเข้าสวน นักการเมือง บันทึกปี 52 ระบุ ตำรวจ พลเรือน นายทุนเอี่ยวที่ดินแปลงงาม
กรณีปัญหาการบุกรุกที่สาธารณประโยชน์ อ.ละอุ่น จ.ระนอง พื้นที่ 1,200 ไร่ โดยนักการเมืองท้องถิ่นเข้าไปครอบครอง ต่อมาได้ขอให้หน่วยงานของรัฐ ตัดถนนคอนกรีตเข้าไปในพื้นที่ระยะทางเกือบ 2 กิโลเมตร ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวอยู่ในพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ 2507 และอยู่ระหว่างการตรวจสอบของ ชุดเฉพาะกิจแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ตามคำสั่งของ พล.ต.อุดมวิทย์ อโนวัลย์ ผู้บัญชาการมณฑทหารบกที่ 44 (ผบ.มทบ.44/ผบ.ควบคุม มทบ.44) ซึ่งในการประชุมเมื่อวันที่ 20 ต.ค.2559 มีข้อสรุป 3 ข้อ
1.ให้อำเภอละอุ่นทำหนังสือให้ ทางจังหวัดระนอง แต่งตั้งคณะกรรมการในระดับจังหวัด เพื่อแก้แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินโดยให้ยึดข้อมูลของ ชุด ฉก.มทบ.44 เป็นหลัก ให้แล้วเสร็จภายในสัปดาห์นี้
2.ผู้ที่บุกรุกเข้าทำประโยชน์ในพื้นที่ สาธารณประโยชน์ นำเอกสารสิทธิ์มาพิสูจน์สิทธิ์หรือชี้แจงต่อคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริง และ เมื่อกระบวนการต่างๆ เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว ให้ทำการยึดพื้นที่คืน
3. ผู้เกี่ยวข้องระมัดระวังการให้ข้อมูลข่าวสารกับสื่อมวลชน
ตามข่าวก่อนหน้านี้ (อ่านประกอบ : นักการเมืองหลังฉาก!รุกป่าสงวนฯ อ.ละอุ่น 1,200 ไร่-ดันตัดถนนเข้าสวนปาล์ม)
กรณีดังกล่าวมี 2 ประเด็นที่เกี่ยวเนื่องกัน 2 ประเด็น คือ
1.ประเด็นของการบุกรุกที่ดินสาธารณประโยชน์ อ.ละอุ่น จ.ระนอง พื้นที่ 1,200 ไร่ ซึ่งเป็นพื้นที่ป่าสงวนแห่งชาติ ผลสอบสวนของคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเมื่อปี 2552 ระบุ ผู้บุกรุกเป็นข้าราชการตำรวจ ข้าราชการพลเรือน และนายทุน
2.ประเด็นของการตัดถนนคอนกรีตเสริมเหล็กระยะทาง 1.5 กิโลเมตรเข้าไปในพื้นที่เอื้อประโยชน์ให้แก่ผู้ครอบครองที่ดิน (ผู้บุกรุก) ซึ่งเป็นนักการเมืองท้องถิ่น
สำนักข่าวอิศรา สรุปผลสอบสวนข้อเท็จจริงของ ชุดเฉพาะกิจฯ มาเสนอดังนี้
1.ตามที่ ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 บางพระใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง ได้รับการร้องเรียนถึง ศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดระนอง, สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ จ.ระนอง (ป.ป.ช. จ.ระนอง) และหน่วยทหารในพื้นที่ ว่าในพื้นที่ที่ตนรับผิดชอบได้ มีกลุ่มผู้มีอิทธิพล สร้างถนนคอนกรีตเสริมเหล็ก(ค.ส.ล.) บุกรุกพื้นที่สาธารณประโยชน์ทุ่งเลียงสัตว์ ม. 3 ต.บางพระใต้ อ.ละอุ่น เนื้อที่ประมาณ 1,200 ไร่เศษ เบื้องต้นได้มีการตรวจสอบความถูกต้องและความน่าเชื่อถือในเรื่องที่ร้องเรียน สรุปรายละเอียดตามเอกสารดังนี้
1.1 สำเนาทะเบียนที่ดินสาธารณประโยชน์ ตั้งอยู่ที่ ม. 4 (ในอดีต ปัจจุบันเป็นหมู่ที่ 3 ) ต.บางพระใต้ กิ่ง อ.ละอุ่น มีอาณาเขต เนื้อที่ 1,200 ไร่ ทิศเหนือและทิศใต้มีหลักไม้แก่นเป็นเขตความยาว 40 เส้น ทิศตะวันตกและทิศตะวันออก มีหลักไม้แก่นเป็นเขตความยาว 30 เส้น ประกาศหวงห้ามโดยกระทรวงมหาดไทย เพื่อใช้เป็นทุ่งเลี้ยงสัตว์ เมื่อ ปี 2469 ต่อมาขึ้นทะเบียนที่ดินเป็นที่สาธารณประโยชน์ เมื่อ 10 ก.ค. 2482 และได้คัดลอกทะเบียนอีกครั้ง ลงนามโดยนายอำเภอ เมื่อ 12 มี.ค. 2512 ว่าในพื้นที่ดังกล่าวตั้งอยู่บน พื้นที่ ม.3 ต.บางพระใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง
3.เมื่อ ส.ค. 2559 มทบ.44 เรียกประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง เพื่อดำเนินการติดตามการบุกรุกพื้นที่ป่า ในพื้นที่ ต.บางพระไต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง
ผลการประชุม
-.ให้อำเภอละอุ่นออกคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการชุดเล็ก โดยมีนายอำเภอละอุ่นเป็นประธาน คณะกรรมการประกอบด้วย ที่ดิน จ.ระนอง ,ที่ดิน อำเภอกระบุรี ,หน่วยรักษาป่าที่ รน.1, สถานีป่าชายเลนที่ 11.4, เทศบาล ต.ละอุ่น ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 , ร.25 พัน 2
- ที่ดิน จ.ระนอง เร่งรัดดำเนินการด้านเอกสาร ภายหลังการรังวัดเสร็จเรียบร้อย เพื่อกำหนดขอบเขต หนังสือสำคัญสำหรับที่หลวง (นสล.)ให้ชัดเจน
1.2 ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันรังวัด ครั้งที่ 1 บนถนนเข้าซอยบางคงทอง – บางเสียด พบว่า แนวถนน นั้น ติดเขตพื้นที่ป่าสงวน ตาม พรบ.ป่าไม้ 2507 และป่าไม้ พ.ร.บ.2484 จริง
1.2.1 ส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันรังวัด เป็นครั้งที่ 2 หลังจากรังวัดครั้งที่ 1 ผ่านมา 2 อาทิตย์ เพื่อพยายามสรุปใหม่ว่า พื้นที่ถนนดังกล่าวไม่ติดเขตป่าสงวน และพยายามบิดเบือน ตามที่เคยกล่าวอ้างใน ครั้งที่ 1 เพื่อไม่ให้ถนนที่ก่อสร้างไม่ติดอยู่ในป่าสงวนแห่งชาติ 2507 มีเพียงแต่พื้นที่ที่มีการบุกรุกปลูกยางพารา จำนวน 6 แปลง ด้านบน ที่ติดแนวเขตป่าสงวน ตาม พรบ. 2507 โดยการบิดเบือนเปลี่ยนแปลงเส้นกราฟของป่าสงวนแห่งชาติ 2507 ซึ่งกำหนดขึ้นมาใหม่ ไม่ให้ทับกับถนนที่ก่อสร้างขึ้น แต่ถ้าหากเป็นเส้นขอบเขตป่าสงวนเดิม พื้นที่ถนน ก็จะเข้าอยู่ในเขตป่าสงวนบางส่วน
จุดสีแดง เป็นพิกัดแนวถนนคอนกรีตเสริมเหล็กที่ เทศบาลละอุ่น นำงบประมาณของหลวงมาสร้างถนนเข้าสวนของตนเองที่บุกรุกทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์
เส้นสีเหลือง เป็นเส้นบิดเบือน ถูกสั่งให้ทำโดย ‘ข้าราชการระดับสูง’ (ในจังหวัด) ท่านหนึ่งในขณะนั้น ได้สั่งในองค์ประชุมให้ ทสจ.ระนอง (ทรัพยากรฯจ.ระนอง) ไปดำเนินการปรับเปลี่ยนเส้น เพื่อให้ทุกคนในส่วนที่เกี่ยวข้องกับ การขอรับงบประมาณของเทศบาลละอุ่น พ้นผิด
เส้นสีครีม เป็นเส้นป่าสงวนแห่งชาติ 2507 จริง ที่ประกาศท้ายกฎกระทรวง ที่ใช้ในการจับผู้กระทำผิด และยังไม่ประกาศยกเลิก
1.2.2 เพื่อทราบพื้นที่และอาณาเขต และการบุกรุก ผู้ใหญ่บ้าน ม.3 ต.บางพระใต้ อ.ละอุ่น จ.ระนอง พร้อมด้วยนายแคล้ว นิ่มลำเลียง เป็นผู้นำชี้แนวเขต เนื่องจากในอดีต นายแคล้วฯ ได้เคยร่วมเดินรังวัดและปักหลักหมุด ในพื้นที่ร่วมกับส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง มา 2 ครั้งแล้ว ในห้วงปี พ.ศ. 2516 จากการนำสำรวจพบหลักฐานดังนี้
- ทิศใต้ ริมแนวขอบ พื้นที่ ป่าชายเลน พบหลักหมุดคอนนกรีด รูปตัวที จำนวน 1 หลัก มีข้อความว่า เขตที่สาธารณะ ล้มอยู่ในบริเวณดังกล่าว
- ทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ระยะทาง 2 กม. จากหลัก ในข้อ 1.2.1 พบหลักหมุด อยู่บนเชิงเขา ลักษณะเป็นหมุดคอนนกรีดเสริมเหล็ก ฝังลงบนพื้นดิน ที่ตัวหนังสือว่าเขตที่ สาธารณะ
2.สำนักงานที่ดินจังหวัดระนอง พบหลักฐานว่า มีการรังวัดสร้างรูปแผนที่ มาตราส่วน 1: 8000 เพื่อจะออก นสล. เนื้อที่ 766-1-16 9/10 ไร่ เมื่อ ปี พ.ศ. 2516 แต่ไม่มีค่าพิกัดแสดงตำแหน่งที่ตั้งในสาระบบของแผนที่ แต่สาระสำคัญของแผนที่รูปลอยดังกล่าวคือ มีสัญลักษณ์แสดงว่า ด้านทิศเหนือสุด มีการปักหมุดหลักเขตแบบแท่งสามเหลี่ยมลูกบาศก์ คู่กับแท่งทรงกระบอก หมายเลข 3052 ทิศตะวันออกติดหมุดหลักเขตคือ ห้วยบางคงทอง ทอดตัวเหนือแนว ทิศเหนือ – ใต้ และด้านทิศเหนือหมุดหลักเขตคือ ห้วยบางพม่าข้าม ทอดตัวแนว ทิศตะวันตก – ตะวันออก จดหมุดหลักเขตดังกล่าว ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 64 เมตร ต่อมา ผวจ.ร.น. มีคำสั่งแก้ไขเนื้อที่ เป็น 766-1-16 9/10 ไร่ เมื่อ 7 ก.พ. 2526
ทั้งนี้ บริเวณข้างเคียงไม่มีที่ดินแปลงใดออกออกเอกสารสิทธิแต่อย่างใด มีเพียงแต่ถนน ที่สร้างเข้าไปในพื้นที่ มีระยะทาง ประมาณ 1,500 เมตร ที่บางส่วนของแนวถนน ติดอยู่ในแนวเขตพื้นที่ป่าสงวน 2507 และพบว่ามีการบุกรุกเข้าทำประโยชน์ของนายทุน ปลูกยางพารา เต็มพื้นที่และบนเขา ซึ่งพื้นที่ดังกล่าวได้มีการพิสูจน์แล้วว่านอกแนวเขตพื้นที่ ป่าสงวน 2507 และเขตป่าชายเลน บริเวณโดยรอบไม่มีเอกสารสิทธิใด ให้ถือว่า พื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นป่าตาม พรบ. 2484
25 ส.ค. 2559 มทบ.44 จัดให้มีการประชุม เพื่อติดตามผลการดำเนินการ ตามมติการประชุมครั้งที่ 1 ณ ห้องประชุมที่ว่าการอำเภอละอุ่น จ.ระนอง ได้ มอบหมายให้ ชุดเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาที่ดิน มทบ.44 ลงพื้นที่เพื่อหาข้อมูล ละหาข้อสรุป ในการประชุมครั้งต่อไป
เมื่อ 9 ก.ย. 2559 มทบ.44 ได้มอบหมายให้ชุดเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน ได้ดำเนินการลงสำรวจพื้นที่ ตามคำบอกเล่าของนายแคล้ว ว่าบริเวณทางด้านแนวลำห้วย เดินขึ้นไปทางทิศเหนือจากหลักที่ 1 ยังมี หลักหมุดอีกสองหลัก จากการสำรวจพบว่าพื้นที่ ที่ลุงแคล้วได้ชี้จุดว่ามีหลักหมุดอยู่บริเวณดังกล่าว จำนวนสองหลักที่เหลือนั้น มีระยะห่างกัน จากหลักที่ 1 ไปหลักที่ 2 ห่างกัน 20 เส้น หลักที่ 2 ไปหลักที่ 3 ห่างกัน 20 เส้น โดยประมาณ วัดจากแนวเส้นตรงบนพิกัด GPS ทั้งนี้ไม่พบหลักหมุดแต่อย่างใด ซึ่ง จากกการสำรวจพื้นที่ พบว่าพื้นที่สาธารณะประโยชน์ นั้นครอบคลุมเขตป่าถาวรบริเวณเขาบางเลี้ยง และมีการบุกรุกและที่กำลังจะบุกรุก ทำสวนยางและสวนปาล์มน้ำมันจำนวนหลายราย
เมื่อ 28 ก.ย. 2559 มทบ. 44 ชุดเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน ได้ดำเนินการลงสำรวจพื้นที่ บริเวณลำห้วยจนถึงริมน้ำตก ภายในซอยพม่าข้าม ตามการสันนิษฐาน และการจับประเด็นการบอกเล่าของนายแคล้ว ว่าหลักหมุด นั้น น่าจะอยู่บริเวณน้ำตก จากการสำรวจก็ไม่พบหลักหมุดแต่อย่างใด พบเพียงแต่ต้นไม้ขนาดใหญ่ ประมาณ 30 คน โอบอายุของต้นไม้โดยประมาณ 90 ปี ซึ่งรากของต้นไม้ดังกล่าวเป็นต้นไทรแต่ลำต้นเป็นต้นเหรียง ทั้งนี้ สอดคล้องกับคำบอกเล่าของนายแคล้วฯ ว่า หลักหมุด ที่นายแคล้วฯ ได้นำไปปักไว้เมื่อ 70 ปีก่อน อยู่ติดกับต้นเหรียง ทั้งนี้คาดว่า เนื่องจากหลัดหมุดที่ปักบริเวณดังกล่าวอยู่ในป่าลึก ประกอบกับระยะเวลานั้นได้ผ่านมาหลายสิบปี จึงทำให้ภูมิประเทศบริเวณดังกล่าวมีการทับถมของดินและการกัดเซาะของน้ำ จึงเป็นสาเหตุทำให้หาหลักหมุดดังกล่าวไม่พบ
6 -7 ต.ค. 2559 มทบ.44 ชุดเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดิน ได้ดำเนินการลงสำรวจพื้นที่ บริเวณลำห้วยและน้ำตกพร้อมทั้งกดพิกัด GPS เพื่อดูเส้นทางและวัดระยะตามระยะ เส้น ในแนบท้ายของทะเบียนควบคุมพื้นที่สาธารณะเพื่อนำพิกัดดังกล่าวไปวัดและขีดเส้นบนแผนที่และภาพถ่ายทางอากาศ เพื่อหาเนื้อที่ ที่ชัดเจนและจะดำเนินการจัดประชุมส่วนราชการที่เกี่ยวข้อง ให้ยึดเนื้อที่ตามที่เคยมีการลงทะเบียนควบคุมพื้นที่สาธารณะประโยชน์ไว้เมื่อในอดีต เพื่อไว้ซึ้งผืนป่าและต้นน้ำเอาไว้ให้ลูกหลานชาว อ.ละอุ่นได้ใช้ประโยชน์ต่อไป
เมื่อ 13 ต.ค. 2559 ชุดเฉพาะกิจ แก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ ได้เปิดยุทธการ “ข้ามลำน้ำ ทะยานฟ้า ป่าละอุ่น” เพื่อกำหนดพิกัดตามบัญชีขึ้นทะเบียน และตามหลักฐานหลักหมุดที่พบในพื้นที่จริง โดยแบ่งกำลังพลออกเป็น 2 ชุด คือ ชุดข้ามลำน้ำ และ ชุดทะยานฟ้า เขาสู่พื้นที่ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ 2 ทิศทาง เข้ากำหนดตำแหน่ง ตามดาวเทียม ทำสัญลักษณ์ เพื่อเตรียมการนำรังวัดจากสำนักงานที่ดิน จังหวัดระนอง
ขอบเขตทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ ถูกกำหนดในคอมพิวเตอร์ ก่อนลงพื้นที่ กำหนดในพื้นที่จริง
กระทั่ง 20 ต.ค.59 กองบัญชาการควบคุม มณฑลทหารบกที่ 44 ได้จัดประชุมเพื่อชี้แจงถูกพื้นที่ทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ โดยชุดเฉพาะกิจฯ พ.ท.ดุสิต เกษรแก้ว ชี้แจงถึงการดำเนินการ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ
ส่วนของการมีอยู่จริงของทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ และ การทุจริต ฉ้อฉล อย่างเป็นกระบวนการ เพื่อจัดหางบประมาณมาสร้างถนนเข้าสวนตนเอง ที่บุกรุกทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ และพยายามทำทุกอย่างที่จะไม่ให้มีทุ่งสงวนเลี้ยงสัตว์ขึ้น
จากผลสอบสวนข้อเท็จจริงของชุดเฉพาะกิจฯ ข้างต้น มีข้อมูลที่น่าสนใจคือ ความพยายามเปลี่ยนแนวเส้นเขต เพื่อให้ผู้เกี่ยวข้องกับ การขอรับงบประมาณของเทศบาลละอุ่นในการก่อสร้างถนนคอนกรีต พ้นผิด (กรณีถ้ามีพบว่ากระทำผิด) และ ความพยายามจะออก นสล. เพียง 766 ไร่เศษ จาก 1,200 ไร่
ต้องติดตามในเรื่องนี้กันต่อไป