รู้ล่วงหน้า-ซื้อหุ้นแม็คโครก่อนปิดตลาด! ผลสอบ ก.ล.ต.กรณี ‘ปิยะวัฒน์’
“…เมื่อพิจารณาย้อนหลังไปประมาณ 10 เดือนก่อนช่วงเกิดเหตุ นายปิยะวัฒน์ไม่เคยมีการซื้อขายหุ้นแม็คโครมาก่อน แต่กลับสั่งซื้อหุ้นแม็คโครจำนวน 5,000 หุ้น เป็นเงิน 3,250,000 บาท รวมทั้งพฤติกรรมในการสั่งซื้อหุ้นก็มีลักษณะมีความต้องการซื้อให้ได้ โดยสอบถามราคาที่จะสั่งซื้อสูงกว่าราคาในขณะนั้นมาก จึงเป็นข้อพิรุธ และน่าเชื่อว่านายปิยะวัฒน์ ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในในการซื้อหุ้นแม็คโครดังกล่าว…”
หลายคนคงทราบไปแล้วว่า นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าบริหารเครือซีพีออลล์ นายอธึก อัศวานันท์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกฎหมายกลุ่มบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด น.ส.อารียา อัศวานันท์ บุตรสาวของนายอธึก นายพิทยา เจียรวิสิฐกุล กรรมการ และรองประธานเจ้าหน้าที่บริหารเครือซีพีออลล์ และนายสมศักดิ์ เจียรวิสิฐกุล น้องชายนายพิทยา ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปรียบเทียบปรับรวมวงเงินกว่า 33 ล้านบาท เนื่องจากพบว่าใช้ข้อมูลวงใน (อินไซเดอร์) ซื้อหุ้นแม็คโครไปแล้ว
(อ่านประกอบ : โอนเงินเข้าบัญชี‘น้อง’ซื้อหุ้นแม็คโคร! ผลสอบ ก.ล.ต.กรณี ‘พิทยา เจียรวิสิฐกุล’, โอนเช็คให้‘ลูก’ซื้อหุ้นแม็คโคร! ผลสอบ ก.ล.ต.กรณี ‘อธึก อัศวานันท์’,เปิดผลสอบ ก.ล.ต.ปม‘ก่อศักดิ์’ อินไซเดอร์-เทขายหุ้นอื่น 50 ล.ซื้อหุ้นแม็คโครก่อนเจรจา1วัน)
มาดูกรณีนายปิยะวัฒน์ ฐิตะสัทธาวรกุล กรรมการ และกรรมการผู้จัดการเครือซีพีออลล์ กันบ้าง
รายงานการตรวจสอบของ ก.ล.ต. ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการ พ.ศ.2540 ยื่นขอกับสำนักงาน ก.ล.ต. พบการกระทำของนายปิยะวัฒน์ สรุปได้ ดังนี้
ในช่วงเกิดเหตุนายปิยะวัฒน์ดำรงตำแหน่งเป็นกรรมการ และกรรมการผู้จัดการเครือซีพีออลล์ จึงพิจารณาได้ว่าเป็นบุคคลวงใน
เมื่อวันที่ 17 เม.ย. 2556 นายปิยะวัฒน์ ได้รับแจ้งจากบุคคลรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) ในทันทีเมื่อกลับเข้าทำงานที่บริษัทในเวลาประมาณ 14.00 น. เพื่อให้นายปิยะวัฒน์ไปเข้าร่วมประชุมคณะกรรมการบริษัทในวันที่ 22 เม.ย. 2556
พฤติกรรมการซื้อขาย พบข้อพิรุธว่า ย้อนหลังไปประมาณ 10 เดือนก่อนช่วงเกิดเหตุ บัญชีซื้อขายหุ้นของนายปิยะวัฒน์ ไม่เคยมีการซื้อขายหุ้นแม็คโครมาก่อน กระทั่งวันที่ 17 เม.ย. 2556 เวลาประมาณ 16.32 น. ก่อนปิดตลาด นายปิยะวัฒน์ได้สั่งซื้อหุ้นแม็คโคร จำนวน 5,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 650 บาท คิดเป็นมูลค่า 3,250,000 บาท โดยคำสั่งซื้อของนานยปิยะวัฒน์ แสดงความต้องการที่จะซื้อหุ้นแม็คโครอย่างเร่งด่วนโดยไม่สนใจระดับราคาซื้อ
จากการพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นประกอบกัน น่าเชื่อว่า นายปิยะวัฒน์ใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นแม็คโคร แม้จะมีการให้ถ้อยคำขัดแย้งกันในประเด็นการล่วงรู้ข้อมูลภายใน ที่บุคคลรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) ยืนยันว่า ไม่ได้บอกให้บุคคลอีกรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) ทราบว่าในวันที่ 22 เม.ย. 2556 จะมีการประชุมกรรมการบริษัทในเรื่องใด ทำให้ไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้ไปแจ้งแก่กรรมการบริษัท ซึ่งขัดแย้งกับคำให้การของบุคคลอีกรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) ที่ยืนยันว่า บุคคลรายนี้ได้แจ้งให้ตนทราบด้วยว่าจะมีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีที่เครือซีพีออลล์จะเข้าซื้อหุ้นและกิจการของแม็คโคร
เมื่อพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่นายปิยะวัฒน์ มีตำแหน่งเป็นกรรมการ และกรรมการผู้จัดการของเครือซีพีออลล์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูง ก็ย่อมอยู่ในวิสัยที่นายปิยะวัฒน์จะได้รับทราบข้อมูลเรื่องที่เครือซีพีออลล์กำลังอยู่ระหว่างเจรจาซื้อกิจการของแม็คโคร ซึ่งเป็นธุรกรรมที่มีมูลค่าสูงถึง 188,880 ล้านบาท รวมถึงทราบเรื่องที่บริษัทกำลังจะจัดประชุมคณะกรรมการบริษัทเพื่อขอให้อนุมัติธุรกรรมดังกล่าวอยู่แล้ว
ประกอบกับพฤติการณ์การซื้อหุ้นแม็คโครของนายปิยะวัฒน์ ในวันที่ 17 เม.ย. 2556 เวลาประมาณ 16.32 น. ที่สั่งซื้อหุ้นในวันเดียวกับที่บุคคลรายหนึ่งแจ้งนายปิยะวัฒน์เมื่อเวลาประมาณ 14.00 น. ว่าจะมีการประชุมคณะกรรมการบริษัทเครือซีพีออลล์ ในวันที่ 22 เม.ย. 2556 ทั้ง ๆ ที่เมื่อพิจารณาย้อนหลังไปประมาณ 10 เดือนก่อนช่วงเกิดเหตุ นายปิยะวัฒน์ไม่เคยมีการซื้อขายหุ้นแม็คโครมาก่อน แต่กลับสั่งซื้อหุ้นแม็คโครจำนวน 5,000 หุ้น เป็นเงิน 3,250,000 บาท รวมทั้งพฤติกรรมในการสั่งซื้อหุ้นก็มีลักษณะมีความต้องการซื้อให้ได้ โดยสอบถามราคาที่จะสั่งซื้อสูงกว่าราคาในขณะนั้นมาก จึงเป็นข้อพิรุธ และน่าเชื่อว่านายปิยะวัฒน์ ได้ล่วงรู้ข้อมูลภายในในการซื้อหุ้นแม็คโครดังกล่าว ก่อนข้อเท็จจริงจะเปิดเผยต่อประชาชน
อย่างไรก็ดีนายปิยะวัฒน์ ได้ชี้แจงว่า การแจ้งกำหนดนัดหมายประชุมต่อนายปิยะวัฒน์ และกรรมการเครือซีพีออลล์รายอื่น ๆ ในวันที่ 18 เม.ย. 2556 เพื่อเรียกประชุมคณะกรรมการเร่งด่วนในวันที่ 22 เม.ย. 2556 ไม่ได้มีการแจ้งข้อมูลหรือส่งเอกสารใด ๆ ต่อนายปิยะวัฒน์ อันจะทำให้ทราบหรือควรทราบได้ว่าเครือซีพีออลล์จะมีการอนุมัติซื้อหุ้นแม็คโคร
ฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน พิจารณาแล้วเห็นว่า มีพยานหลักฐานน่าเชื่อได้ว่า ในวันที่ 17 เม.ย. 2556 บุคคลรายหนึ่งได้โทรศัพท์ไปแจ้งให้กรรมการบริษัทเครือซีพีออลล์ทุกท่านทราบว่า มีกำหนดการประชุมคณะกรรมการบริษัทในวาระด่วนพิเศษในวันที่ 22 เม.ย. 2556 เวลา 18.00 น. โดยมีกรรมการส่วนหนึ่งของเครือซีพีออลล์ให้ถ้อยคำยืนยันว่า บุคคลรายหนึ่งได้แจ้งให้ทราบว่าจะมีการประชุมเพื่อพิจารณากรณีที่เครือซีพีออลล์จะเข้าซื้อหุ้นและกิจการของแม็คโคร และมีกรรมการอีกส่วนหนึ่งที่บุคคลรายนี้ไม่ได้แจ้งให้ทราบโดยตรงแต่เป็นการแจ้งผ่านบุคคลอีกรายหนึ่ง
นอกจากนี้คณะกรรมการด้านตรวจสอบและคดีได้พิจารณาแล้ว เห็นว่า นายปิยะวัฒน์ มีตำแหน่งเป็นกรรมการ และกรรมการผู้จัดการของเครือซีพีออลล์ ซึ่งเป็นผู้บริหารระดับสูงที่มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการสำคัญของบริษัท ย่อมอยู่ในวิสัยที่นายปิยะวัฒน์จะได้รับทราบข้อมูลเรื่องที่เครือซีพีออลล์กำลังอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อซื้อกิจการแม็คโคร อีกทั้งหากพิจารณาจากข้อเท็จจริงที่ว่า ในวันที่ 17 เม.ย. 2556 บุคคลรายหนึ่งได้แจ้งผ่านนายปิยะวัฒน์ เพื่อให้เข้าประชุมกรรมการบริษัทในวันที่ 22 เม.ย. 2556 พฤติการณ์ก็น่าเชื่อว่า เป็นวิสัยปกติที่บุคคลรายนี้จะต้องรีบแจ้งเรื่องดังกล่าวซึ่งถือเป็นเรื่องสำคัญให้ได้ทราบทันทีที่กลับเข้ามาทำงานยังบริษัท ซึ่งคือเวลาประมาณ 14.00 น. ของวันที่ 17 เม.ย. 2556 ข้อโต้แย้งประเด็นนี้ของนายปิยะวัฒน์จึงไม่อาจรับฟังได้
นายปิยะวัฒน์ ชี้แจงอีกว่า การซื้อหุ้นแม็คโคร จำนวน 5,000 หุ้น ในวันที่ 17 เม.ย. 2556 เป็นกรณีที่นายปิยะวัฒน์ตัดสินใจลงทุนเก็งกำไร กระทำไปโดยสุจริตตามพฤติกรรมการลงทุนอันเป็นปกติ โดยอาศํยข้อมูลบทวิเคราะห์ราคาหุ้นจากหนังสือพิมพ์ และคำแนะนำจากนายหน้าซื้อขายหลักทรัพย์ ทั้งนี้ก่อนวันที่ 17 เม.ย. 2556 กระทั่งในขณะเวลาที่สั่งซื้อหุ้นแม็คโครจากโบรกเกอร์ผ่านทางโทรศัพท์ในช่วงบ่ายของวันที่ 17 เม.ย. 2556 นายปิยะวัฒน์ไม่ทราบข้อเท็จจริงในธุรกรรมที่เครือซีพีออลล์จะมีการอนุมัติซื้อหุ้นแม็คโคร เนื่องจากช่วงเวลาที่สนทนากับโบรกเกอร์เป็นช่วงก่อนหน้า 16.30 น. เพียงเล็กน้อย ซึ่งตลาดหลักทรัพย์ใกล้ปิดทำการ จึงตัดสินใจซื้อหุ้นทันที เนื่องจากเกรงว่าจะซื้อหุ้นไม่ทันหากปิดทำการ จึงไม่ได้รีบร้อนสั่งซื้อหุ้นแม็คโครในทันที แต่ได้พูดคุยและสอบถามข้อมูลและความเห็นจากโบรกเกอร์เกี่ยวกับราคาหุ้นแม็คโครเป็นเวลาพอสมควรก่อนที่จะตัดสินใจซื้อ เพราะหากรู้ข้อมูลไม่ต้องสอบถามก็ได้ สามารถสั่งซื้อหุ้นแม็คโครได้ทันที และหากอาศัยข้อมูลภายใน ย่อมจะสั่งซื้อหุ้นแม็คโครในจำนวนสูงสุดเท่าที่มีวงเงินและเครดิตพอที่จะสามารถซื้อได้ ซึ่งขณะนั้นมีหลักทรัพย์อื่นพร้อมขายอยู่กับบุคคลรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) ไม่ต่ำกว่า 36 ล้านบาท และยังได้รับวงเงินเครดิตอีก 40 ล้านบาท ทำให้สามารถสั่งซื้อหุ้นแม็คโครในวันดังกล่าวได้เป็นจำนวน 50,000-100,000 หุ้นในทันที
ฝ่ายตรวจสอบตลาดทุน พิจารณาแล้วเห็นว่า ประเด็นการอ้างว่าซื้อหุ้นแม็คโคร 5,000 หุ้นเพื่อเก็งกำไรนั้น จากข้อมูลการซื้อขายหุ้นในบัญชีของนายปิยะวัฒน์ พบว่า มีวงเงินซื้อขายประมาณ 70 ล้านบาท โดยก่อนช่วงต้องสงสัย นายปิยะวัฒน์ มีการซื้อขายหุ้นอย่างสม่ำเสมอมาโดยตลอด หุ้นที่พบว่า มีการซื้อขายเป็นประจำ เช่น ซื้อหุ้นแห่งหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) โดยมีมูลค่าการซื้อขายเป็นหลักล้านบาทต่อวัน
ย้อนหลังไปประมาณ 10 เดือนก่อนช่วงต้องสงสัย ไม่พบว่า นายปิยะวัฒน์ เคยมีการซื้อหรือขายหุ้นแม็คโครมาก่อน จนกระทั่งในช่วงบ่าย (ใกล้ปิดตลาด) ของวันที่ 17 เม.ย. 2556 นายปิยะวัฒน์ จึงซื้อหุ้นแม็คโคร 5,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 650 บาท คิดเป็นมูลค่า 3,250,000 บาท และจากการตรวจสอบ พบว่า นายปิยะวัฒน์ ใช้เงินส่วนตัวที่คงเหลืออยู่ในบัญชีไปชำระค่าซื้อหุ้นแม็คโครรายการดังกล่าว และพบว่าคำสั่งซื้อของนายปิยะวัฒน์แสดงถึงความต้องการที่จะซื้อหุ้นแม็คโครอย่างเร่งด่วน โดยไม่สนใจในระดับราคาซื้อ ข้ออ้างในประเด็นนี้จึงไม่อาจรับฟังได้
อ่านประกอบ :
กก.ข้อมูลข่าวสารฯสั่ง ก.ล.ต.ให้ข้อมูล ‘อิศรา’ปมปรับ‘บิ๊กซีพี’อินไซเดอร์หุ้น
เปิดกระบวนการ ก.ล.ต.ใช้เวลาสอบ 2 ปีเศษก่อนเชือด‘บิ๊กซีพี’อินไซเดอร์หุ้น
ก.ล.ต.ปรับปธ.ซีพีออลล์-รอง ปธ.ทรูฯ-พวก 4 ราย 33 ล.ใช้ข้อมูลวงในซื้อหุ้นแม็คโคร
ไขปริศนาผลสอบ"บิ๊กซีพี"อินไซเดอร์ช้านาน2ปึ-ใครสั่งทวนหลายตลบ?
กก.ข้อมูลข่าวสารฯสั่ง ก.ล.ต.ให้ข้อมูล ‘อิศรา’ปมปรับ‘บิ๊กซีพี’อินไซเดอร์หุ้น
เผยพฤติการณ์ผู้บริหารซีพี! ก.ล.ต.สั่งปรับ 33 ล.อินไซเดอร์ซื้อหุ้นแม็คโคร
อ้างข้อมูลลับ! ก.ล.ต.ไม่ให้ผลสอบผู้บริหารซีพีอินไซเดอร์ซื้อหุ้นแม็คโคร