ข้อสั่งการนายกฯ เกี่ยวกับการเตรียมการระหว่างพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ
วันที่ 18 ตุลาคม 2559 เวลา 12.50 น. ณ บริเวณห้องโถง ตึกบัญชาการ 1 ทำเนียบรัฐบาล พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีแถลงข้อสั่งการในที่ประชุมคณะรัฐมนตรีเกี่ยวกับการเตรียมการระหว่างพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ ดังนี้
1. ขอบคุณข้าราชการตำรวจ ทหาร พลเรือน และเจ้าหน้าของรัฐทุกฝ่ายที่ปฏิบัติหน้าที่ถวายพระเกียรติยศได้เรียบร้อย และช่วยอำนวยความสะดวกแก่ประชาชนอย่างดี ขอให้ดำเนินการดูแลประชาชนต่อไปในเรื่องความสะดวก ความปลอดภัย การเดินทาง สุขภาพอนามัย อาหารการกิน และที่พัก
2. ในกรณีที่หน่วยงานใดประสบปัญหาเรื่องใด หรือมีเรื่องควรรายงานรัฐบาล หรือแจ้งข่าวใด ๆ ให้ติดต่อศูนย์บัญชาการติดตามสถานการณ์ (ศตส.) ซึ่งตั้งอยู่ในทำเนียบรัฐบาล โทรศัพท์ 1111
3. ขอความร่วมมือให้สื่อโทรทัศน์และวิทยุใช้เวลาในช่วงเวลา 30 วัน จนถึงวันที่ 13 พฤศจิกายน เน้นการเสนอรายการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในแง่มุมต่าง ๆ โดยอาจให้ประชาชนมีส่วนร่วม ด้วยการให้สัมภาษณ์ความรู้สึก และประสบการณ์ที่ประทับใจ การถ่ายทอดโทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจถ่ายทอดพร้อมกันให้ทำเฉพาะในช่วงเสด็จพระราชดำเนิน พ้นจากช่วงเวลาเหล่านี้แล้ว อาจพิจารณาเสนอรายการปกติได้ แต่ควรเน้นการให้ความรู้ การพัฒนามากกว่าการบันเทิง
เมื่อพ้นกำหนดช่วงเวลา 30 วันแล้ว ขอให้สถานีโทรทัศน์ค่อย ๆ พิจารณาจัดรายการตามความเหมาะสมเป็นลำดับไป โดยคำนึงถึงความรู้สึกของประชาชนเป็นสำคัญ
4. ขอให้เจ้าหน้าที่วางแผนด้านการจราจรให้เรียบร้อย โดยเฉพาะวันเสด็จพระราชดำเนิน และวันเวลาภายหลังจากที่สำนักพระราชวังเปิดให้ประชาชนเข้าถวายบังคมพระบรมศพได้
5. ให้กระทรวงวัฒนธรรม เตรียมการเกี่ยวกับการสร้างพระเมรุโดยขอพระราชวินิจฉัยจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ให้ส่วนราชการอื่น ๆ เตรียมความพร้อมในส่วนที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กระทรวงมหาดไทย ทั้งนี้ ให้สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีเตรียมการแต่งตั้งคณะกรรมการฝ่ายต่าง ๆ ให้เรียบร้อยด้วย
6. ให้ผู้เกี่ยวข้องชี้แจงแก่ประชาชนเกี่ยวกับการใช้ถ้อยคำออกพระนาม การใช้ถ้อยคำภาษาที่เหมาะสม การแต่งกาย การปฏิบัติในเวลาเข้าถวายบังคมพระบรมศพ ตลอดจนวิธีแสดงความจำนงขอมีส่วนร่วมเป็นเจ้าภาพบำเพ็ญกุศลถวาย
7. รัฐบาลไม่เคยมีคำสั่งให้ถอดพระบรมฉายาลักษณ์ออกจากสถานที่ใด มีแต่ขอให้รักษาทุกอย่างไว้อย่างเดิม แต่การใช้ถ้อยคำบางอย่างใต้พระบรมฉายาลักษณ์ที่เคยใช้มาแต่เดิมอาจไม่เหมาะสม เช่น คำว่าทรงพระเจริญ หรือทีฆายุโก โหตุ มหาราชา ก็อาจเปลี่ยนเฉพาะถ้อยคำหรือข้อความ และหากจะต้องเปลี่ยนพระบรมฉายาลักษณ์หรือติดผ้าดำขาวแสดงความไว้อาลัย ให้ทำต่อเนื่องกับการนำพระบรมฉายาลักษณ์เดิมออกและการติดตั้งพระบรมฉายาลักษณ์ใหม่ อย่าให้มีช่องว่างเป็นอันขาด ให้ส่วนราชการทุกแห่งปฏิบัติตามนี้โดยเคร่งครัด
8. การจัดงานรื่นเริงบันเทิงต่าง ๆ ในช่วงเวลา 30 วันแรกนับแต่วันที่ 14 ตุลาคมให้พิจารณาตามความเหมาะสม โดยงดเฉพาะส่วนที่เป็นมหรสพหรือความบันเทิง เช่น การแสดงดนตรี การร้องรำทำเพลง แต่ยังสามารถจัดงานประชุม งานมงคลสมรส กฐิน งานลอยกระทง งานบำเพ็ญกุศลหรือศาสนกิจตามประเพณีได้ การเลี้ยงหรือชุมนุมสังสรรค์ที่ทำในอาคาร และเป็นเรื่องเฉพาะกลุ่มตามที่จัดเป็นปกติหรือได้เตรียมการไว้แล้วเช่น การต้อนรับนักท่องเที่ยว หรือผู้เข้าร่วมประชุม ก็ให้จัดได้ตามความเหมาะสม โดยถือเอาความเหมาะสมและความรู้สึกของประชาชนเป็นหลัก
9. ขอให้ผู้เกี่ยวข้องกวดขันระมัดระวังการเผยแพร่ภาพหรือข้อความที่เข้าข่ายหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือกระทบต่อความมั่นคงของชาติ หรือยุยงให้เกิดความแตกแยก อันเป็นการสะเทือนจิตใจชาวไทยในยามนี้อย่างยิ่ง และขอความร่วมมือจากประชาชนอย่าได้แพร่ภาพหรือข้อความดังกล่าวต่อไปเป็นอันขาด เพราะนอกจากจะเป็นการเหยียบย่ำจิตใจคนไทยแล้ว ยังผิดกฎหมายอีกด้วย
10. เรื่องการสืบราชสันตติวงศ์นั้น เป็นเรื่องที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญ กฎมณเฑียรบาลและจารีตประเพณี ขออย่าได้มีความลังเลสงสัยใด ๆ ขณะนี้มีความชัดเจนแล้วว่า เมื่อพระราชพิธีบำเพ็ญพระราชกุศลผ่านพ้นช่วงเวลา 7 วัน 15 วัน ไปแล้วระยะหนึ่ง น่าจะได้เวลาอันสมควรที่จะดำเนินการตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 23 ต่อไป นั่นคือการแจ้งไปยังสภานิติบัญญัติแห่งชาติเพื่อมีมติตามรัฐธรรมนูญ ระหว่างนี้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ได้ปฏิบัติหน้าที่ไปพลางก่อนในส่วนเท่าที่จำเป็น ส่วนการประกาศใช้รัฐธรรมนูญฉบับใหม่นั้น สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวพระองค์ใหม่จะทรงลงพระปรมาภิไธยภายในกรอบเวลาตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดโดยจะไม่กระทบต่อปฏิทินการทำงานเป็นอันขาด