โอนเช็คให้‘ลูก’ซื้อหุ้นแม็คโคร! ผลสอบ ก.ล.ต.กรณี ‘อธึก อัศวานันท์’
“…น่าเชื่อว่านายอธึกใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นแม็คโครโดยใช้บัญชี น.ส.อารียา แม้จะไม่ได้สั่งซื้อขายหุ้นแม็คโครเอง แต่ก็พบข้อพิรุธในด้านความสัมพันธ์กับบัญชีที่ใช้ซื้อขายหุ้นของ น.ส.อารียา ในช่วงเวลาดังกล่าว…”
หลายคนอาจจะทราบกรณีของ นายก่อศักดิ์ ไชยรัศมีศักดิ์ รองประธานกรรมการ และประธานเจ้าหน้าเจ้าหน้าที่บริหารเครือซีพีออลล์ หนึ่งในผู้บริหารระดับสูงในเครือ ‘ซีพีออลล์’ ที่ถูกสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) เปรียบเทียบปรับรวมวงเงินกว่า 33 ล้านบาท กรณีใช้ข้อมูลวงใน (อินไซเดอร์) ซื้อหุ้นแม็คโคร เมื่อช่วงปลายปี 2558
(อ่านประกอบ : เปิดผลสอบ ก.ล.ต.ปม‘ก่อศักดิ์’ อินไซเดอร์-เทขายหุ้นอื่น 50 ล.ซื้อหุ้นแม็คโครก่อนเจรจา1วัน)
มาดูกรณีของนายอธึก อัศวานันท์ หัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกฎหมายกลุ่มบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และ น.ส.อารียา อัศวานันท์ บุตรสาวของนายอธึก กันบ้าง
รายงานการตรวจสอบของ ก.ล.ต. ที่สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org ใช้สิทธิตาม พ.ร.บ.ข้อมูลข่าวสารของราชการยื่นขอกับสำนักงาน ก.ล.ต.พบการกระทำของนายอธึก และ น.ส.อารียา สรุปได้ ดังนี้
ในช่วงเกิดเหตุนายอธึก ดำรงตำแหน่งเป็นหัวหน้าคณะเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกฎหมายกลุ่มบริษัท เครือเจริญโภคภัณฑ์ จำกัด และได้รับมอบหมายให้เข้าร่วมในการเจรจาซื้อขายหุ้นแม็คโคร ต่อจากบริษัท เอสเอชวี เนเธอร์แลนด์ บี.วี. (SHV) ผู้ถือหุ้นใหญ่แม็คโคร (ขณะนั้น) ที่ฮ่องกง เมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2556
โดยนายอธึกให้ถ้อยคำรับว่า ขณะที่อยู่ฮ่องกง ได้รับการติดต่อในช่วงเช้าของวันที่ 11 เม.ย. 2556 ให้เข้าร่วมรับประทานอาหาร และร่วมประชุมด้วย
พฤติกรรมการซื้อขาย ไม่พบว่า นายอธึกซื้อขายหุ้นแม็คโครในบัญชีของตนเอง แต่พบข้อพิรุธการลงทุนในบัญชีซื้อขายหุ้นของ น.ส.อารียา ซึ่งเป็นลูกสาวของนายอธึก
พบว่า ช่วงก่อนเกิดเหตุบัญชีของ น.ส.อารียา มีการซื้อขายหุ้นน้อยครั้งมาก และไม่เคยมีการซื้อขายหุ้นแม็คโครมาก่อน จนกระทั่งเมื่อวันที่ 11 เม.ย. 2556 ซึ่งเป็นวันเดียวกับที่นายอธึกเข้าร่วมประชุมเจรจาเพื่อซื้อหุ้นแม็คโครที่ฮ่องกง น.ส.อารียา ได้สั่งซื้อหุ้นแม็คโคร จำนวน 1,000 หุ้น แต่ไม่สามารถจับคู่ซื้อขายได้
ต่อมาในวันที่ 12 เม.ย. 2556 ขณะที่อยู่ในประเทศไทย น.ส.อารียา ได้ซื้อหุ้นแม็คโครรวมจำนวน 2,000 หุ้น (ช่วงเช้าซื้อได้ 1,000 หุ้น ที่ราคาหุ้น 586 บาท และช่วงปิดตลาดบ่ายซื้อได้ 1,000 หุ้น ที่ราคา ATC หุ้นละ 566 บาท) และในวันที่ 18 เม.ย. 2556 ขณะที่ น.ส.อารียา พักผ่อนอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ได้สั่งให้บุคคลรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) สั่งซื้อหุ้นแม็คโครเพิ่มอีกจำนวน 4,000 หุ้น ที่ราคาหุ้นละ 658 บาท
ก.ล.ต. พบข้อพิรุธว่า น.ส.อารียา มีความรู้ความเข้าใจในวิธีการสั่งซื้อหุ้นและวิธีการชำระเงินค่าซื้อหุ้นค่อนข้างน้อย กรณีสั่งให้ซื้อหุ้นแม็คโคร พบว่า น.ส.อารียา แสดงถึงความต้องการที่อยากจะได้หุ้นแม็คโครอย่างเร่งด่วน เช่น เมื่อวันที่ 12 เม.ย. 2556 เวลา 16.31 น. น.ส.อารียา สั่งให้บุคคลรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) ซื้อหุ้นแม็คโครให้ได้ โดยระบุว่า ให้ใช้ราคาปัจจุบัน ซึ่งในช่วงเวลานั้น หากประสงค์จะได้หุ้นจริง จะต้องส่งคำสั่งซื้อแบบ ATC จึงแสดงให้เห็นความต้องการได้หุ้นแม็คโครที่ราคาเดียวกับราคาปิดตลาดโดยไม่เกี่ยวเรื่องราคา
ทางเงิน พบข้อพิรุธว่า ก่อนจะถึงกำหนดวันชำระเงินค่าซื้อหุ้น ได้มีการนำฝากเช็คจำนวน 2 ฉบับ สั่งจ่ายเงินเท่ากับจำนวนเงินที่ น.ส.อารียา ต้องชำระเป็นค่าซื้อหุ้นแม็คโคร จำนวน 1,155,177.75 บาท และ 2,639,260.27 บาท ตามลำดับ เข้าบัญชี ATS Bank Account ซึ่งเป็นบัญชีเงินฝากที่ น.ส.อารียา ใช้สำหรับตัดชำระค่าซื้อหุ้นด้วยระบบ ATS
โดยเช็คสั่งสองฉบับถูกสั่งจ่ายมาจากบัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวัน ชื่อบัญชี ‘นายอธึก อัศวานันท์’ (บิดาของ น.ส.อารียา) และมีบุคคลรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) เป็นผู้ลงนามสั่งจ่ายเช็ค
จากคำรับของนายอธึก พบว่า บัญชีเงินฝากประเภทกระแสรายวันซึ่งเป็นที่มาของเช็คทั้งสองฉบับ เป็นบัญชีที่นายอธึกใช้สำหรับโอนเงินเดือนและค่าตอบแทนต่าง ๆ เข้ามายังบัญชี นอกจากนี้นายอธึก ยังใช้บัญชีนี้สำหรับเบิกถอนเงินเพื่อใช้จ่ายอีกด้วย และผู้มีอำนาจลงนามสั่งจ่ายเช็คออกจากบัญชี ได้แก่ นายอธึก กับบุคคลอีกรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ)
จากการพิจารณาข้อเท็จจริงดังกล่าวข้างต้นประกอบกัน น่าเชื่อว่านายอธึกใช้ข้อมูลภายในซื้อหุ้นแม็คโครโดยใช้บัญชี น.ส.อารียา แม้จะไม่ได้สั่งซื้อขายหุ้นแม็คโครเอง แต่ก็พบข้อพิรุธในด้านความสัมพันธ์กับบัญชีที่ใช้ซื้อขายหุ้นของ น.ส.อารียา ในช่วงเวลาดังกล่าว
ทั้งนี้แม้ไม่ปรากฏพยานหลักฐานการติดต่อกันระหว่างนายอธึก กับ น.ส.อารียา ผู้เป็นลูกสาว แต่ปรากฏพิรุธจากคำพูดของ น.ส. อารียา และข้อพิรุธทางการเงินว่า มีการจ่ายเงินจากบัญชีนายอธึกเข้าบัญชี น.ส.อารียา แม้ น.ส.อารียา จะอ้างว่าเป็นการยืมเงิน ก็ไม่อาจรับฟังได้ เพราะในช่วงเกิดเหตุ น.ส.อารียา มีเงินคงเหลือในบัญชีประมาณ 5 ล้านบาทเศษ เพียงพอที่จะนำไปชำระค่าซื้อหุ้นแม็คโครได้โดยไม่ต้องยืมเงินจากบุคคลอื่น
นอกจากนี้ก่อนที่ น.ส.อารียา จะสั่งซื้อหุ้นแม็คโคร น.ส.อารียา มีเงินหลักประกันคงเหลืออยู่เป็นจำนวน 1.5 ล้านบาท ซึ่งในวันที่ 12 เม.ย. 2556 หลังจากได้สั่งซื้อหุ้นแม็คโครจำนวน 2,000 หุ้น เป็นเงิน 1,155,177.75 บาทแล้ว น.ส.อารียา ได้แจ้งให้บุคคลรายหนึ่ง (ก.ล.ต. ปกปิดชื่อ) ให้หักเงินหลักประกันไปชำระค่าซื้อหุ้นจำนวนดังกล่าวได้เลย กรณีจึงไม่มีเหตุให้ น.ส.อารียาต้องไปยืมเงินเพื่อนำไปชำระค่าซื้อหุ้นอีก
และเมื่อพิจารณากรณีที่ น.ส.อารียา โอนเงินเป็นจำนวน 3,794,438.02 บาท ไปยังบัญชีเงินฝากของนายอธึก เป็นจำนวนเท่ากับเงินค่าซื้อหุ้น ซึ่งมีเศษสตางค์ด้วย โดยอ้างว่าเป็นการคืนเงินยืม จึงเป็นข้อพิรุธและผิดวิสัยในการยืมเงินและคืนเงินกันด้วยการโอนเงินกลับคืนเป็นเศษสตางค์ จึงไม่น่าเชื่อว่าจะเป็นการกู้ยืมเงินระหว่างกันจริง จึงพิจารณาได้ว่าเป็นการทำรายการเพื่อกลบเกลื่อนการซื้อหุ้นของนายอธึกมากกว่า
นอกจากนี้คณะกรรมการด้านตรวจสอบและคดี ได้พิจารณาในการประชุมแล้วเห็นพ้องกับความเห็นของอัยการที่ปรึกษาว่า ข้ออ้างในการยืมเงินดังกล่าว น่าจะเป็นกรณีที่นายอธึกซึ่งเป็นนักกฏหมายที่มีชื่อเสียงและอยู่ในแวดวงธุรกิจมายาวนาน ได้เตรียมการวางแผนไว้แล้วล่วงหน้าสำหรับใช้เป็นข้ออ้างเพื่อหลบเลี่ยงการตรวจสอบการกระทำความผิดจากทางการ จึงไม่อาจรับฟังได้
อ่านประกอบ :
กก.ข้อมูลข่าวสารฯสั่ง ก.ล.ต.ให้ข้อมูล ‘อิศรา’ปมปรับ‘บิ๊กซีพี’อินไซเดอร์หุ้น
เปิดกระบวนการ ก.ล.ต.ใช้เวลาสอบ 2 ปีเศษก่อนเชือด‘บิ๊กซีพี’อินไซเดอร์หุ้น
ก.ล.ต.ปรับปธ.ซีพีออลล์-รอง ปธ.ทรูฯ-พวก 4 ราย 33 ล.ใช้ข้อมูลวงในซื้อหุ้นแม็คโคร
ไขปริศนาผลสอบ"บิ๊กซีพี"อินไซเดอร์ช้านาน2ปึ-ใครสั่งทวนหลายตลบ?
กก.ข้อมูลข่าวสารฯสั่ง ก.ล.ต.ให้ข้อมูล ‘อิศรา’ปมปรับ‘บิ๊กซีพี’อินไซเดอร์หุ้น
เผยพฤติการณ์ผู้บริหารซีพี! ก.ล.ต.สั่งปรับ 33 ล.อินไซเดอร์ซื้อหุ้นแม็คโคร
อ้างข้อมูลลับ! ก.ล.ต.ไม่ให้ผลสอบผู้บริหารซีพีอินไซเดอร์ซื้อหุ้นแม็คโคร