หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี เล่าเรื่อง "ฎีกาแม้ว"
เมื่อเสด็จพระราชดำเนินให้ชาวเขาเฝ้านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับฎีกาเสมอ แต่ที่แปลกที่สุดเห็นจะเป็นฎีกาจากสาวแม้วชื่อ อีหั้ว
เดนิส เกรย์ ผู้สื่อข่าวของสำนักข่าวเอพีที่คร่ำหวอดอยู่ในไทยและภูมิภาคมากว่า 40 ปี เคยเขียนเล่าถึงประสบการณ์ที่เคยได้รับพระราชทานสัมภาษณ์จากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ และเคยตามเสด็จในระหว่างที่พระองค์ท่านออกเสด็จเยี่ยมราษฎร ไว้หลายครั้ง ล่าสุดวันที่ 14 ต.ค. 2559 เขาได้นำประสบการณ์ดังกล่าวมาเขียนเป็นข่าวเผยแพร่ไปทั่วโลกอีกครั้ง ตามที่สำนักข่าวอิศรานำมาเสนอ (อ่านประกอบ:เดนิส เกรย์ : พระองค์เป็นกษัตริย์ผู้โดดเด่นในประวัติศาสตร์ไทยยุคใหม่ )
เดนิส เกรย์ เล่าตอนหนึ่ง ที่พระองค์ท่านประทานสัมภาษณ์เรื่องชายชาวเขาคนหนึ่งซึ่งเมียหนีตามชายชู้ไป ทั้งที่เขายอมจ่ายเงินซื้อหมูสองตัวให้เธอไปแล้ว และพระองค์ได้ทรงตัดสินว่า ฝ่ายสามีควรได้รับเงินชดใช้ ซึ่งเท่ากับให้ปล่อยให้ผู้หญิงเป็นอิสระ พระองค์เล่าแบบมีพระอารมณ์ขันว่า “แต่ปัญหาคือฉันเป็นคนจ่ายเงิน ดังนั้นผู้หญิงคนนั้นต้องเป็นของฉัน”
เรื่องราวนี้หม่อมเจ้าภีศเดช รัชนี ผู้อำนวยการโครงการหลวง เล่าไว้เช่นกัน ในหนังสือ "พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกับโครงการหลวง" ถึงตอน ฎีกาแม้ว
.....เมื่อเสด็จพระราชดำเนินให้ชาวเขาเฝ้านั้น พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงรับฎีกาเสมอ แต่ที่แปลกที่สุดเห็นจะเป็นฎีกาจากสาวแม้วชื่อ อีหั้ว (อีเข้าใจว่าเป็นส่วนหนึ่งของชื่อ) เริ่มต้นอีหั้วบ่นกับสมเด็จพระบรมราชินีนาถ สมเด็จฯ ทรงผ่านคดีไปศาลสูงสุดคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว อีหั้วมีลูกแล้วหนึ่งคน แต่สามีไปอยู่กับหญิงอื่น แล้วไม่ให้ข้าว คือไม่เลี้ยงดู นางอยากจะเลิกกับสามี "เฮาจะได้ไปเอาผัวใหม่" แต่สามีไม่ยอมให้เลิก ศาลเรียกสามีมาสืบคดี ได้ความว่าสามีซื้ออีหั้วโดยผ่อนส่งเอาไว้ คือ จ่ายหมูแล้วครึ่งตัว ขาดไก่ราวสองตัวและเงินแถบ (เหรียญเงินจากพม่า) อีกเล็กน้อย ถ้าหย่าไปก็เสียหมูเปล่า เคยเจรจาจะเอาหมูคืน พ่อเจ้าสาวก็เสียดายหมู ไม่ยอมรับลูกสาวแลกเปลี่ยน
อันศาลธรรมดาๆ นั้น ย่อมมีอำนาจที่จะปรับไหมได้ แต่ศาลพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวกลับพระราชทานเงินทดแทนแก่จำเลย คือสามีอีหั้ว ซึ่งแปลกมาก
.....ต่อไปเมื่อผู้เขียนไปเยี่ยมหมู่บ้านแม้ว เขาถามผู้เขียนว่า "พระเจ้าๆ พระเจ้าอยู่หัวเอาเมียแม้วเหรอ"
เรื่องนี้สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ก็รับสั่งยืนยันเมื่อเร็วๆ นี้ว่าระบาดเข้าไปถึงแม้วในลาว ดังนั้น ผู้เขียนก็จำต้องถวายรายงาน มีรับสั่งว่าที่ทรงซื้ออีหั้วไว้นั้น "ฉันให้ท่านภี" ตั้งแต่นั้นมาเมื่อผู้เขียนไปหมู่บ้านของอีหั้ว คือขุนวาง ผู้เขียนก็จะคลี่ถุงนอนปูที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน ผู้เขียนจะเอากับข้าวมอบให้แม้วทำ แล้วก็ตั้งวงรับประทานด้วยกัน อีหั้วซึ่งอยู่คนละบ้านจะต้องเอาอาหารอร่อยๆ เช่น อีเก้งต้ม เป็นต้น มาให้ในฐานะภรรยาที่ดี
เรื่องนี้ไม่ลงเอยอย่างหวานฉ่ำเหมือนกับเรื่องอ่านเล่น เพราะเมื่อผู้ เขียนไม่ไปขุนวางนานหน่อย อีหั้วก็ไป "เอาผัวใหม่" โดยไม่ได้คืนหมูให้ผู้เขียน ซึ่งเป็นเรื่องเศร้ามาก....
ที่มาภาพประกอบ:http://www.ohm.go.th