ชายแดนใต้สลด พสกนิกรร่ำไห้ขณะร้องเพลงชาติ – ร่วมจุดเทียนถวายความอาลัย
บรรยากาศที่สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ตลอดวันศุกร์ที่ 14 ต.ค.59 หน่วยงานราชการทั้งส่วนภูมิภาคและท้องถิ่น ได้เปิดให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าร่วมลงนามถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ
ที่ห้องประชุมเทศบาลนครยะลา นายพงษ์ศักดิ์ ยิ่งชนม์เจริญ นายกเทศมนตรีนครยะลา พร้อมด้วยคณะผู้บริหารเทศบาล สมาชิกสภาเทศบาล พนักงาน เจ้าหน้าที่ และประชาชนจากชุมชนต่างๆ ได้ร่วมกันลงนามถวายความอาลัยแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ โดยบรรยากาศทั่วไปเป็นไปด้วยโศกเศร้า นิ่ง สงบ
ที่จังหวัดปัตตานี สถานที่ราชการและห้างร้านของเอกชน ได้แสดงการถวายความอาลัยด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ ที่เป็นสีดำ รวมทั้งได้ลดธงครึ่งเสาตามประกาศของคณะรัฐมนตรี ขณะที่มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ วิทยาเขตปัตตานีได้ ได้จัดพิธีน้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
นายวีรนันทน์ เพ็งจันทร์ ผู้ว่าราชการจังหวัดปัตตานี ได้เรียกนายอำเภอทั้ง 12 อำเภอ และหัวหน้าส่วนราชการร่วมประชุมด่วน เพื่อสร้างความเข้าใจในหลักปฏิบัติที่ถูกต้อง รวมถึงข้อปฏิบัติที่มิบังควรบางอย่างจากความต้องการแสดงออกถึงความเสียใจ เพราะขั้นตอนการปฏิบัติต้องไม่ขัดกับข้อห้ามของสำนักพระราชวัง
นายสิทธิชัย ศักดา ผู้ว่าราชการจังหวัดนราธิวาส นำหัวหน้าส่วนราชการ ตำรวจ ทหาร และพสกนิกรจำนวนมาก ร่วมถวายความอาลัย ถวายน้ำสรงพระบรมศพ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เบื้องหน้าพระบรมฉายาลักษณ์ ซึ่งประดิษฐาน ณ หอประชุมเฉลิมพระเกียรติ 7 รอบพระชนมพรรษา ศาลากลางจังหวัดนราธิวาส บรรยากาศเป็นไปด้วยความโศกเศร้า
นายสิทธิชัย กล่าวว่า การแสดงออกถึงความจงรักภักดีและสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ คือการที่ทุกคนร่วมกันสืบสานงานตามพระราชปณิธาน การปฏิบัติตามพระบรมราโชวาท และพระราชดำรัสที่ทรงพระราชทานไว้ อาทิ การดำเนินชีวิตตามหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง
ขณะที่พี่น้องชาวพุทธจำนวนมากได้ร่วมกันทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศล
นายรักชาติ สุวรรณ แกนนำเครือข่ายชาวพุทธเพื่อสันติภาพ จังหวัดยะลา กล่าวว่า ทุกคนรู้สึกโศกเศร้าเสียใจ ในพื้นที่ทุกคนร้องไห้ขณะร้องเพลงชาติ
นางจินดา มณีทอง ชาวจังหวัดยะลา กล่าวว่า ได้ทำบุญตักบาตรถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระองค์ท่าน ตั้งใจจะทำบุญตักบาตรทุกวันเป็นเวลา 30 วัน เพื่อแสดงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ
สำนักจุฬาราชมนตรีได้ออกแถลงการณ์ถวายสักการะ พร้อมเชิญชวนพี่น้องชาวไทยมุสลิมทุกคน ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณ และน้อมถวายอาลัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ เอกองค์อัครศาสนูปถัมภก ที่ทรงมีต่อศาสนาอิสลามและพสกนิกรชาวไทยมุสลิมอย่างหาที่สุดมิได้ ตลอด 70 ปีแห่งการครองสิริราชสมบัติ ด้วยการเจริญรอยตามพระยุคลบาท สืบสานพระราชปณิธานที่นำมาซึ่งความสมบูรณ์พูนสุขและความเจริญรุ่งเรืองของราชอาณาจักรไทย
นายเจะอิสมะแอ เจะฆูมูดอ ครูโรงเรียนสอนศาสนาอิสลามในพื้นที่ กล่าวว่า คนอิสลามเสียใจมาก ถือเป็นความสูญเสียครั้งสำคัญ คนอิสลามมีความจงรักภักดีต่อพระองค์ แม้ด้วยข้อห้ามทางศาสนาจะไม่สามารถร่วมพิธีกรรมใดๆ ได้ แต่คนอิสลามมีวิธีแสดงออกอย่างสุดใจ
ค่ำวันเดียวกัน ที่จังหวัดนราธิวาส บริเวณหน้าพลับพลาที่ประทับริมเขื่อนท่าพระยาสาย มีพสกนิกรชาวนราธิวาสกว่า 300 คนพร้อมใจกันไปร่วมจุดเทียนถวายความอาลัย น้อมเกล้าน้อมกระหม่อมส่งเสด็จสู่สวรรคาลัย
พลับพลาแห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ และพระบรมวงศานุวงศ์ ในวโรกาสที่เสด็จพระราชดำเนินเพื่อทอดพระเนตรการแข่งขันเรือกอและ เรือยาว และเรือยอกอง ในช่วงงานของดีเมืองนราฯ
ทั้งนี้ ที่บริเวณพลับพลาฯ เป็นที่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวในพระบรมโกศ ทำให้ประชาชนหลายคนก้มลงกราบแนบพื้นด้วยน้ำตานองหน้า ขณะที่อีกบางส่วนแม้จุดเทียนถวายความอาลัยเสร็จเรียบร้อยก็ยังไม่ยอมเดินทางกลับ แต่ไปรวมกลุ่มบริเวณฝั่งตรงข้ามถนน และจ้องมองพระบรมฉายาลักษณ์ด้วยใบหน้าเศร้าสร้อย
นางนุ้ย วงษ์น้อย กล่าวว่า เคยมีโอกาสรับเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวฯ เมื่อครั้งเสด็จพระราชดำเนินแปรพระราชฐานยังพระตำหนักทักษิณราชนิเวศน์ และได้วางผ้าเช็ดหน้าให้ในหลวงทรงเหยียบบนผืนผ้าขณะเสด็จพระราชดำเนินผ่าน ถือเป็นมงคลสูงสุดในชีวิต มาถึงวันนี้รู้สึกใจหายที่ไม่มีพระองค์แล้ว
-------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 และ 5 กิจกรรมจุดเทียนถวายความอาลัยที่จังหวัดนราธิวาส
2 และ 3 ข้าราชการและประชาชนร่วมกันลงนามถวายความอาลัย
4 ธงชาติริมทะเลที่จังหวัดนราธิวาส ลดธงครึ่งเสา