เผยโฉม! คำสั่ง หน.คณะปฏิรูปฯ ปี 2519 เทียบเคียงกรณี ‘ชลรัศมี’
ฉบับเต็ม!เปิดคำสั่ง หน.คณะปฏิรูปฯ ปี 2519 ห้าม ขรก.เป็น กก. บริษัท ยอมให้เอกชนอาศัยชื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยทางตรง-ทางอ้อม เทียบเคียงกรณี ‘ชลรัศมี’ เจ้าของ 2 บ. หลังโฆษก ทบ.ยันไม่มี ปย.ทับซ้อน
จากกรณีบริษัท งาทวีสุข จำกัด และบริษัท สื่อสายรุ้ง จำกัด ที่มี พ.ต.หญิง ชลรัศมี งาทวีสุข ผู้ประกาศข่าวสถานีโทรทัศน์กองทัพบกช่อง 5 เป็นกรรมการและผู้ถือหุ้น เข้าไปรับงานประชาสัมพันธ์ และงานโฆษณาต่าง ๆ จากภาครัฐ ขณะที่ระเบียบกระทรวงกลาโหมเมื่อปี 2551 และคำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เมื่อปี 2519 ระบุสาระสำคัญว่า ห้ามข้าราชการทหารมีผลประโยชน์ทับซ้อน โดยเฉพาะคำสั่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่ 38/2519 ห้ามข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร เป็นกรรมการบริษัท ซึ่งทำให้บุคคลทั่วไปยอมรับให้บริษัทห้างร้านของเอกชนเหล่านั้นอาศัยชื่อของตนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ทางตรงหรือทางอ้อม
ทว่า พ.อ.วินธัย สุวารี โฆษกคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) และโฆษกกองทัพบก ชี้แจง ว่า คำสั่งของคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน เป็นการห้ามไม่ให้บรรดาเอกชนเอาชื่อข้าราชการทหารไปใส่เป็นกรรมการบริษัทแล้วนำไปอวดเบ่ง หรือแสวงหาผลประโยชน์ ซึ่งในส่วนของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี ที่มี บริษัท สื่อสายรุ้ง จำกัด และบริษัท งาทวีสุข จำกัด นั้น ไม่เข้าข่ายขัดคำสั่งดังกล่าว เพราะธุรกิจของ พ.ต.หญิง ชลรัศมี ได้เปิดดำเนินงานมานานแล้ว และไม่ใช่แค่รับงานในยุครัฐบาลชุดนี้ แต่รัฐบาลชุดก่อน ๆ ก็รับงานด้วยเช่นกัน (อ่านประกอบ : ตกเป็นเหยื่อทางการเมือง! ทบ.แจง ‘ชลรัศมี’ รับงานรัฐ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน)
เพื่อให้เห็นสาระสำคัญในคำสั่งของ คณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินที่ 38/2519 กรณีห้ามข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร เป็นกรรมการบริษัท สำนักข่าวอิศรา www.isranews.org นำคำสั่งฉบับดังกล่าวมาเสนอ
“คำสั่งหัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน ที่ 38/2519 เรื่อง การปฏิบัติตนของข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร
เนื่องจากคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดินได้พิจารณาเห็นว่าปัจจุบันนี้ประเทศชาติกำลังเผชิญกับภัยที่คุกคามต่อความมั่นคงปลอดภัยโดยการกระทำที่เป็นการบ่อนทำลายสถาบันศาสนาสถาบันพระมหากษัตริย์และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขในสถานการณ์เช่นนี้การปฏิบัติตนของข้าราชการฝ่ายพลเรือ ตำรวจ ทหาร ซึ่งเป็นผู้มีอำนาจในการปฎิบัติหน้าที่เกี่ยวข้องกับประชาชนย่อมมีส่วนสำคัญที่จะทำให้ประชาชนมีความเชื่อถือศรัทธา และให้ความร่วมมือแก่รัฐบาลในการปกครอง และบริหารประเทศให้มีความสงบสุขและรอดพ้นจากภัยคุกคามดังกล่าว
ดังนั้น จึงให้ข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร ปฏิบัติตนดังต่อไปนี้
ข้อห้ามการปฏิบัติตนของข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร
1. ห้ามรับเลี้ยงจากพ่อค้าที่กระทำธุรกิจกับหน่วยราชการของตนหรือจากผู้ที่มาติดต่อขออนุญาต หรือขอรับบริการจากทางราชการ หรือจากผู้ที่อาจได้รับประโยชน์จากการปฏิบัติหน้าที่ของตน
2. ห้ามแต่งเครื่องแบบหรือเครื่องแต่งกายที่แสดงให้เห็นได้ว่า เป็นข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร เข้าไปในไนท์คลับสถานอาบอบนวด สถานอบายมุข หรือสถานเริงรมย์ต่าง ๆ ยกเว้นเพื่อปฏิบัติหน้าที่ราชการ
3. ห้ามรับเชิญไปเป็นประธานหรือเจ้าภาพในพิธีเปิดบริษัทห้างร้านทางการค้าของเอกชน
4. ห้ามออกบัตรเชิญ หรือเจ้าภาพในพิธีเปิดบริษัทห้างร้านทางการค้าของเอกชน
5. ห้ามเป็นกรรมการผู้จัดการ หรือผู้จัดการ หรือดำรงตำแหน่งที่มีหน้าที่อื่นในบริษัทห้างร้านของเอกชน ซึ่งทำให้บุคคลทั่วไปเข้าใจว่าเป็นการยอมให้บริษัทห้างร้านของเอกชนเหล่านั้นอาศัยชื่อของตนเพื่อแสวงหาผลประโยชน์โดยทางตรงหรือทางอ้อม
ในกรณีที่ดำรงตำแหน่งดังกล่าวอยู่แล้วในวันที่มีคำสั่งนี้ ให้ถอนตัวออกจากตำแหน่งดังกล่าวภายในสามสิบวันนับแต่วันที่มีคำสั่ง
ข้อพึงปฏิบัติของข้าราชการฝ่ายพลเรือน ตำรวจ ทหาร
6. ไม่ควรประพฤติตนเป็นคนฟุ่มเฟือย การจัดงานเลี้ยงหรืองานสังคมควรจัดเท่าที่จำเป็นและควรเชิญเฉพาะญาติกับผู้ใกล้ชิดเท่านั้น และควรดำรงชีพอย่างประหยัด เช่นทำสวนครัวเลี้ยงสัตว์ และใช้ของที่ผลิตในประเทศ เป็นต้น
7. ไม่พึงรับเงินของขวัญ หรือสิ่งตอบแทนราคาแพงจากผู้ใต้บังคับบัญชาหรือบุคคลที่มิใช่ญาติสนิท
8. ข้าราชการฝ่ายพลเรือ ตำรวจ ทหารชั้นผู้ใหญ่ ควรปฏิบัติตนให้เป็นตัวอย่างที่ดีแก่ข้าราชการและประชาชนทั่วไป
การปฏิบัติการตามคำสั่งนี้ ให้ปลัดกระทรวง ปลัดทบวง อธิบดี รวมทั้งผู้บังคับบัญชาที่ดำรงตำแหน่งเทียบเท่าตำแหน่งดังกล่าว และผู้บังคับบัญชาฝ่ายทหารเป็นผู้รับผิดชอบ กับให้ผู้บังคับบัญชาตามลำดับชั้นคอยสอดส่องดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา และตักเตือนแนะนำผู้ใต้บังคับบัญชาอยู่เสมอ การจงใจฝ่าฝืนข้อห้ามข้อ 1. - 5. เป็นการผิดวินัยอย่างร้ายแรง และให้พิจารณาลงโทษอย่างเคร่งครัด
สั่ง ณ วันที่ 21 ต.ค. 2519 พลเรือเอก สงัด ชลออยู่ หัวหน้าคณะปฏิรูปการปกครองแผ่นดิน”
นอกจากนี้ ยังมี ระเบียบกระทรวงกลาโหมว่าด้วยประมวลจริยธรรม พ.ศ. 2551 ออกเมื่อวันที่ 27 ต.ค. 2551 นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ห้ามข้าราชการกระทรวงกลาโหมมี ผลประโยชน์ทับซ้อน (ข้อ 5.5)
เมื่อเทียบเคียงกับกรณี ‘ชลรัศมี’ ก็ขอได้โปรดใช้วิจารณญาณกันเอาเอง!
อ่านประกอบ:
ชัดๆ! เปิดระเบียบ ก.กลาโหม ห้าม ขรก.ทหาร มี'ผลประโยชน์ทับซ้อน'