'บิ๊กตู่'ลั่นไม่ท้อขอโทษ ปชช.-สื่อ เหตุโมโหง่าย
“บิ๊กตู่” ปัดละเมิดสิทธิมนุษยชน ยันหลักการอาเซียนห้ามใครใช้ดินแดนเคลื่อนไหวการเมือง ขอโทษสื่อ-สังคม-ประชาชน ที่หงุดหงิดโมโหง่าย พร้อมปรับตัว ลั่นไม่ท้อแท้ ไม่อยากให้ประเทศไทยเป็นทศวรรษที่ว่างเปล่า เหมือน 10 ปีที่ผ่านมา มัวแต่ทะเลาะกัน
เมื่อวันที่ 7 ต.ค. พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) กล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ตอนหนึ่งว่า การบังคับใช้กฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นกฎหมายปกติ และกฎหมายพิเศษ ตนไม่ได้บังคับ หรืออยากจะมีอำนาจในการใช้กฎหมายไปทำร้ายคนหรือไปละเมิดสิทธิมนุษยชน ตนก็รับฟังหลักการของโลก แต่ต้องมาปรับให้มันสอดคล้องกับประเทศของเราด้วย วันนี้อยากให้ประชาชนทุกคนคำนึงถึงบ้านเมืองว่าเราอยู่ในสถานการณ์ใด ความขัดแย้งยังมีอยู่หรือไม่ มีผู้มีเจตนาไม่บริสุทธ์อยู่หรือไม่ ขณะเดียวกันก็มีคนที่หวังดีอยากให้บ้านเมืองสงบสุข อยากให้มีการปฏิรูป อยากให้ตนทำงานมีจำนวนอีกเท่าไร ตนขอบคุณทั้งคู่ที่สงบสุขกันไปได้เยอะแล้ว ซึ่งขอบคุษทั้ง 2 ฝ่าย และขออย่าให้เกิดขึ้นอีกเลย
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า รัฐบาล และ คสช. ไม่ต้องการให้เกิดปัญหาความวุ่นวานขึ้นอีก เพราะจะฟื้นฟูและปฏิรูปประเทศไม่ได้ หากมีการเคลื่อนไหวของชาวต่างประเทศคนใดในประเทศไทย ในการที่จะไปสร้างความเดือดร้อนให้กับประเทศอื่นๆ มันเป็นหลักการของอาเซียนว่าเราจะไม่ให้ดินแดนของประเทศใดประเทศหนึ่งในอาเซียนเป็นที่เคลื่อนไหวของการต่อต้านประเทศในประเทศของเรา นี่คือหลักการสำคัญขอให้เข้าใจ ไม่ใช่การละเมิดสิทธิมนุษยชน หรือกลัวว่าเขาจะมาพูดอะไรให้เสียหาย วันนี้มันเสียหายไม่พอหรืออย่างไร คนของเราก็พูดกันเพียงพอแล้ว เอาคนอื่นมาพูดอีกแล้วก็ว่าประเทศอื่นเขาจะยิ่งไปกันใหญ่ ความหน้าเชื่อถือของเราก็หมดไป ตนก็ต้องยอมรับความเสี่ยงอันนี้เอง
“ในฐานะนายกฯ ผมก็ต้องขอโทษสื่อ สังคม และประชาชนทุกคนด้วย กับการแสดงออกของผมที่ไม่เหมาะสมในบางเวลา อาจจะหงุดหงิดอยู่บ้าง ต่อไปจะพยายามระมัดระวัง ซึ่งสังคมอาจจะไม่ชอบผม ก็ไม่อยากจะแก้ตัว แต่ขอชี้แจงว่าไม่มีเจตนาอะไรเลยที่จะปิดบัง เพราะหัวใจผมมีแต่ทำงานทุกวัน เพราะฉะนั้นเมื่อมีเรื่องราวอะไรเข้ามา ผมก็ต้องให้หน่วยงานเขาตรวจสอบ ที่นี้พอเร่งรัดมากๆ ให้ผมตอบ ผมตอบไม่ได้ เพราะมันยังไม่ได้ตรวจสอบ ไม่มีข้อเท็จจริง แล้วท่านก็จะถามผมตลอดเวลา ถามแทบจะรายชั่วโมง ยังไงท่านก็ไม่ผิด ผมผิดอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นก็ขอให้ความเป็นธรรมกับผู้ที่ถูกกล่าวหาด้วย ทั้งในสื่อโซเชียลเมื่อวิเคราะห์ความจริงออกมาแล้ว ตรวจสอบแล้วมันไม่พบก็กรุณาชี้แจงให้เขาด้วย อย่าไปเรียกร้องให้ความเป็นธรรมกับคนที่ทำความผิดมากนักเลย ถ้าไม่ผิดมันก็ไม่มีเรื่องหรอก ทุกอย่างต้องเป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม กฎหมายของกระบวนการยุติธรรมจะเป็นผู้ที่ทำให้เกิดความเป็นธรรม คำว่าเป็นธรรมไม่ใช่บอกว่าผมเป็นนายกรัฐมนตรี ผมมีอำนาจมากกว่าแล้ว ผมไม่ผิดมันคงไม่ใช่ ไปตรวจสอบมา อันไหนตรวจสอบได้ก็ตรวจสอบไป พิจารณากันด้วยพยานหลักฐาน วันนี้เราชอบใช้ความรู้สึกมาก่อน ใครเขียนก่อนเชื่อก่อน ใครพูดก่อนเชื่อก่อน"นายกฯ กล่าว
พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอีกว่า สุดท้ายนี้หลายคนบอกว่า มีทั้งอยากให้ตนท้อแท้ กับบางคนก็ไม่อยากให้ท้อแท้ ตนไม่เคยคิดท้อแท้หรือยอมแพ้อะไรทั้งสิ้น อุปสรรคต่างๆในการทำงาน ไม่ใช่คนแพ้คนชนะ ไม่ยอมแพ้อุปสรรคเพราะชีวิตตนมาอย่างนั้น วันนี้อยากให้ทุกคนเข้าใจตรงกันกับตนว่าเราอยู่กันตรงไหน เรากำลังทำอะไรอยู่ และเรากำลังทำอะไรเพื่อวันข้างหน้า ทุกคนจะได้ประโยชน์อะไรวันนี้ และวันหน้าอย่างไร ประเทศชาติจะมั่นคง มั่งคั่ง และยั่งยืนได้อย่างไร สิ่งที่รัฐบาลและ คสช. ทำ ทั้งเขียนกฎระเบียบ คำสั่ง ที่ผ่านมาทั้งพิเศษหรือไม่พิเศษก็ตาม เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวเท่านั้นเพื่อไม่ให้ประเทศไทย ตกอยู่ในภาวะที่เรียกว่าทศวรรษที่หายไป – ว่างเปล่า เหมือนประเทศไทยที่ไม่มีตัวตน 10 ปีที่ผ่านมา เพราะมันทะเลาะและขัดแย้งมากมาย การพัฒนาเดินหน้าไม่ได้แก้ปัญหาอะไรไม่ได้เลย นั้นเขาเรียกว่า ทศวรรษที่หายไป ไร้ค่า เกิดจากการพัฒนาอ่อนแอ ขัดแย้ง ตนก็ไม่ยอมที่จะให้ทุกอย่างกลับไปเป็นอย่างเดิม แต่ตนทำคนเดียวไม่ได้ขึ้นอยู่กับประชาชนว่าจะร่วมทำกับตนไหม ถ้าไม่ร่วมทำกับตนก็รอรัฐบาลหน้าต่อไปก็แล้วกัน ตนบังคับท่านไม่ได้อยู่แล้ว ตนไม่อยากให้ทุกอย่างมันกลับมาทำร้ายประเทศไทยอีกต่อไป
ขอบคุณข่าวจาก