ไทม์ไลน์‘สมศักดิ์’นักการเมืองรายที่ 4 ถูกยึดทรัพย์
ไล่เรียงทำเนียบนักการเมืองถูกศาลฎีกาฯสั่งยึดทรัพย์ ‘รักเกียรติ-ทักษิณ-ณฐกมล’ ลูกสาว พล.อ. คนสนิท พล.อ.ชวลิต ‘สมศักดิ์’ นักการเมืองรายที่ 4 ส่อมีรายที่ 5?
29 ก.ย.2559 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ได้มีคำพิพากษาเสียงข้างมาก ว่า นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล อดีต รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ พรรคชาติไทยพัฒนา มีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติกรณีถือครองบ้านเลขที่ 5/5 ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง มูลค่า 16 ล้านบาท และให้ยึดบ้านหลังนี้ตกเป็นสมบัติของแผ่นดิน
หลังก่อนหน้านี้ ศาลฎีกาฯนัดฟังคำสั่งครั้งแรกในวันที่ 20 ต.ค.2558 กำหนดนัดไต่สวน 4 ครั้งคือ วันที่ 13 ก.ค.59 ,27 ก.ค.59 ,10 ส.ค.59 และ 24 ส.ค.59 (อ่านประกอบ:ยึดบ้าน 16 ล้าน! ศาลฎีกาฯ พิพากษา 'สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล'รวยผิดปกติ)
สำนักข่าวอิศรา เรียบเรียงความเป็นมาในคดีนี้ดังนี้
28 พ.ค. 2558 ป.ป.ช.ชี้มูล นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ว่ามีพฤติการณ์ร่ำรวยผิดปกติกรณี
1.ถือครองบ้านเลขที่ 5/5 ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ในช่วงที่นายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และมีการก่อสร้างต่อเนื่องในขณะที่นายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยมาปลูกสร้างแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2554
ใช้เงินในการปลูกสร้างประมาณ 16 ล้านบาทเศษ
คณะกรรมการ ป.ป.ช. เห็นว่า
1.นายสมศักดิ์ ได้เริ่มปลูกสร้างบ้านเลขที่ 5/5 ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541 ในช่วงที่นายสมศักดิ์ ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ และมีการก่อสร้างต่อเนื่องในขณะที่นายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ โดยมาปลูกสร้างแล้วเสร็จ เมื่อปี พ.ศ. 2554 ใช้เงินในการปลูกสร้างประมาณ 16 ล้านบาทเศษ
แต่ไม่สามารถชี้แจง “ที่มา”ของทรัพย์สินได้
ประเด็นต่อสู้
1.คณะกรรมการ ป.ป.ช. มีมติชี้มูลตนด้วยข้อกล่าวหาร่ำรวยผิดปกติ ตั้งประเด็นว่าได้ใช้อำนาจในขณะดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ทำให้ได้บ้านเลขที่ 5/5 มูลค่า 16 ล้านบาทขึ้นมา
2.บ้านสร้างเสร็จก่อนเป็นรมว.ศึกษา เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2542
3.หลังจาก ดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ได้ต่อเติมเพียง 1.4 ล้านบาท ทำไมไม่ชี้มูลว่าหลังดำรงตำแหน่งร่ำรวย 1.4 ล้านบาท
@ สนช.ปล่อย-รอดถอดถอน
ก่อนหน้านี้ ป.ป.ช.ส่งเรื่องให้ สมาชิกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ ถอดถอนนายสมศักดิ์ กระทั่งวันที่ 13 พ.ย.58 ที่ประชุมมีมติ ถอดถอน 109 ไม่ถอดถอน 82 ไม่ลงคะแนน 3 คน บัตรเสีย 1 ใบ จากทั้งสิ้น 195 คน แต่เนื่องจากคะเเนนไม่ถึง 3 ใน 5 นายสมศักดิ์จึงไม่ถูกถอดถอน
ประเด็นต่อสู้ของนายสมศักดิ์ในวันนั้นก็คือ
1.บ้านสร้างเสร็จก่อนเป็นรมว.ศึกษา เมื่อวันที่ 9 ก.ค. 2542
2.หลังจาก ดำรงตำแหน่ง รมว.ศึกษาธิการ ได้ต่อเติมเพียง 1.4 ล้านบาท ทำไมไม่ชี้มูลว่าหลังดำรงตำแหน่งร่ำรวย 1.4 ล้านบาท
“ถ้าหากว่าเมตตา ปล่อยผมไปเถอะ อย่าให้ผมต้องตายคาเวทีทางการเมืองเลย ผมยังรักที่จะมารังสรรค์ความงดงามของระบบประชาธิปไตย ของการเมืองให้ดีขึ้น ลูกผม ครอบครัว เชื่อมั่นในตัวท่านทุกคน เชื่อมั่นสภาแห่งนี้ สภาที่เป็นที่พึ่งให้กับสังคมไทยได้ และที่สำคัญ ผม ภรรยา ลูก เชื่อมั่นว่า สนช. ขณะนี้ สามารถที่จะจรรโลง ผดุงไว้ซึ่งความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับสังคมไทย กราบขอบพระคุณสมาชิกทุกท่านที่ให้โอกาสผม กราบเรียนด้วยความเคารพ ผมและครอบครัว ขอน้อมรับกับคำวินิจฉัยของท่านสมาชิกทุกท่านที่จะตัดสินอนาคตชะตากรรมของผมและครอบครัว” นายสมศักดิ์ กล่าว
@ป.ป.ช.ฟันซุกทรัพย์สิน
ก่อนหน้านี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช. ได้มีมติในการประชุมครั้งที่ 259-6/2554 เมื่อวันที่ 20 มกราคม 2554 ว่านายสมศักดิ์ จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินด้วยข้อความอันเป็นเท็จหรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ในกรณีไม่แสดงเงินฝากของตนและหรือของคู่สมรสที่ฝากไว้ในบัญชีเงินฝากต่าง ๆ และไม่แสดงบ้านพักอาศัยเลขที่ 5/5 ตำบลไผ่จำศีล อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง คณะกรรมการ ป.ป.ช. จึงได้เสนอเรื่องให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองวินิจฉัย ซึ่งศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้มีคำพิพากษาว่านายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและเอกสารประกอบด้วยข้อความอันเป็นเท็จและปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ ตามคดีหมายเลขดำที อม. 4/2554 คดีหมายเลขแดงที่ อม. 3/2555
ต่อมา วันที่ 4 พฤษภาคม 2555 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองได้พิพากษาด้วยมีมติเอกฉันท์ 9 ต่อ 0 เห็นว่านายสมศักดิ์ ปริศนานันทกุล จงใจยื่นบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สิน และเอกสารประกอบต่อคณะกรรมการ ป.ป.ช. ด้วยข้อความอันเป็นเท็จ หรือปกปิดข้อเท็จจริงที่ควรแจ้งให้ทราบ กรณีไม่แจ้งรายการเงินฝากและบ้านอาศัย และห้ามดำรงตำแหน่งทางการเมืองเป็นเวลา 5 ปี และให้มีความผิดตามกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 มาตรา 119 จำคุก 6 เดือน ปรับ 1 หมื่นบาท แต่โทษจำคุกให้รอการลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี
การตัดสินของศาลฎีกาฯคดีนี้เป็นการตัดสินตามอัตราโทษที่หนักที่สุดของความผิดในข้อหานี้ ไม่เคยมีนักการเมืองคนใดโดนตัดสินสูงสุดมาก่อนหน้านี้
ถ้าพลิกทำเนียบ ผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองที่ถูกศาลฎีกาฯมีคำพิพากษายึดทรัพย์ก่อนหน้านี้
1. นายรักเกียรติ สุขธนะ (อดีต)รัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข คณะกรรมการ ป.ป.ช. ลงมติว่าปกปิดบัญชีแสดงรายการทรัพย์สินและหนี้สินและร่ำรวยผิดปกติ เมื่อวันที่ 12 กันยายน 2545 ต่อมาศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษายึดทรัพย์ 233,880,000 บาท ตกเป็นของแผ่นดินเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2546 และวันที่ 28 ตุลาคม 2546 ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษาจำคุกเป็นเวลา 15 ปี ในข้อหาทุจริตจัดซื้อยาและเวชภัณฑ์ของกระทรวงสาธารณสุขโดยการเรียกรับเงิน 5 ล้านบาทจากเจ้าของบริษัท ไทยนครพัฒนา จำกัด
2. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองมีคำพิพากษายึดทรัพย์ 46,373,687,454.70 บาท เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ 2553 จากกรณีขายหุ้นชินคอร์ป และ ผลประโยชน์ทับซ้อนหลายกรณีในช่วงดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี
อย่างไรก็ตาม กรณี พ.ต.ท.ทักษิณ นั้น เป็นการยึดทรัพย์ ภายหลังรัฐประหารวันที่ 19 กันยายน 2549 โดยมีการจัดตั้งหน่วยงานขึ้นมาตรวจสอบทรัพย์สิน (คตส.) พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นการเฉพาะ กระบวนการไต่สวนดำเนินการตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ. 2542 และส่งเรื่องให้อัยการสูงสุดและศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองตัดสินชี้ขาด
3.น.ส.ณฐกมล (นฤมล) นนทะโชติ ลูกสาว พล.อ.สัมฤทธิ์ นนทะโชติ คนสนิท พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองพิพากษายึดทรัพย์ จำนวน 68 ล้านบาทเมื่อ 4 ธ.ค.57
นายสมศักดิ์จึงเป็นรายที่ 4 และอาจมีรายที่ 5
อ่านประกอบ:
ยึดบ้าน 16 ล้าน! ศาลฎีกาฯ พิพากษา 'สมศักดิ์ ปริศนานันทกุล'รวยผิดปกติ
นักการเมืองซุกบัญชีฯทะลัก!ศาลฎีกาโชว์คิว 58 คน-ตัดสิน‘สมศักดิ์’รวยผิดปกติ 29 ก.ย.