ยื่นสตง.ตรวจสอบงบ120ล้านจ้างศึกษาทางริมเจ้าพระยาวุ่นไม่จบ
นายยศพล บุญสม ตัวแทนกลุ่มสมัชชาแม่น้ำ ซึ่งเป็นผู้คัดค้านการดำเนินโครงการพัฒนาพื้นที่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เปิดเผยว่า ตัวแทนกลุ่มสมัชชาแม่น้ำได้ยื่นจดหมายถึงสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน(สตง.)ให้ทำการตรวจสอบการว่าจ้างมหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหาร ลาดกระบัง(สจล.)และมหาวิทยาลัยขอนแก่นทำการศึกษาผังแม่บทและออกแบบรายละเอียดโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา โดยจัดทำผังแม่บทเพื่อพัฒนาพื้นที่ระยะ 52กิโลเมตร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา และทำการออกแบบก่อสร้างโดยละเอียดในระยะ 14กิโลเมตร ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ตั้งแต่บริเวณสะพานพระราม7 ถึงสะพานสมเด็จพระปิ่นเกล้า ซึ่งกทม.ได้ทำการว่าจ้างมหาวิทยาลัยดังกล่าวเป็นผู้ศึกษา งบประมาณการว่าจ้าง 120 ล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ผลการศึกษาเบื้องต้นที่ปรากฏต่อสาธารณะชน จากการรับฟังความคิดเห็นประชาชนครั้งสุดท้ายเมื่อวันที่ 9 ก.ย. 59 ที่ผ่านมานั้น แสดงให้เห็นว่า ผลการศึกษาโครงการของสถาบันการศึกษาดังกล่าว เป็นผลงานที่ไม่ได้คุณภาพที่เหมาะสม มีข้อผิดพลาดในหลายส่วน ทั้งเรื่องการลอกเลียนแบบงานสถาปนิกต่างชาติ การออกแบบจากโปรแกรมสำเร็จรูปแทนที่จะใช้ความรู้ความสามารถทางวิชาชีพ การขาดการศึกษาผังแม่บทตามที่ทีอาร์กำหนดให้ศึกษาในระยะ 52กิโลเมตร การขาดการมีส่วนร่วมที่รอบด้านจากประชาชน ที่สำคัญรูปแบบการศึกษาที่ปรากฎนั้นสร้างผลกระทบต่างๆมากมายต่อแม่น้ำอย่างมาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่างบประมาณที่กทม.ใช้ว่าจ้างการศึกษาโครงการ จำนวน 120 ล้านบาทนั้น ได้งานที่มีคุณภาพตามหลักวิชาการและตามข้อกำหนดของทีโออาร์หรือไม่
นายยศพลกล่าวต่อว่า นอกจากนี้ ตามพ.ร.บ.สถาปนิกมีข้อกำหนดตามกฎหมาย ห้ามผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพสถาปนิกทำการออกแบบการก่อสร้าง ซึ่งสจล.ถือเป็นผู้ที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพควบคุมอย่างชัดเจน การออกแบบก่อสร้างอย่างละเอียดในระยะ 14กิโลเมตร จึงอาจเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องหรือไม่ ดังนั้น การที่กทม.กำหนดทีโออาร์และว่าจ้างสถาบันการศึกษาให้ดำเนินการนั้น อาจเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง ทางกลุ่มสมัชชาแม่น้ำเรียกร้องให้สตง.ทำการตรวจสอบการจัดจ้าง ที่ปรึกษาโครงการพัฒนาริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ว่ามีการใช้จ่ายงบประมาณไปในด้านใดบ้าง แสดงให้เห็นถึงความคุ้มค่าของเงินภาษีจำนวน120 ล้านบาทที่ต้องเสียไป และการดำเนินกรศึกษามีความโปร่งใสในการใช้งบประมาณหรือไม่ เพื่อให้สังคมเข้าใจถึงการดำเนินโครงการของภาครัฐ ที่ใช้จ่ายจากงบประมาณจากภาษีของประชาชน การใช้จ่ายใดๆจึงต้องเกิดความเหมาะสมมากที่สุด
ขอบคุณข่าวจาก