เล็งหาผู้ร่วมทุนพัฒนาศูนย์ซ่อมอู่ตะเภา
บอร์ดบินไทยสั่งเปลี่ยนเก้าอี้โบอิ้ง 777 จำนวน 6 ลำ เพิ่มความสะดวกสบาย หลังผู้โดยสารบ่นอุบ ไฟเขียวจ้างที่ปรึกษาเตรียมหาผู้ร่วมลงทุนพัฒนาศูนย์ซ่อมเครื่องบินที่อู่ตะเภา คาดปี 60 เริ่มเจรจาได้ เร่งผลักดันให้เกิดขึ้นโดยเร็ว หวังช่วยเพิ่มรายได้
นายอารีพงศ์ ภู่ชอุ่ม ประธานกรรมการบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) หรือบอร์ดการบินไทย เปิดเผยผลการประชุมบอร์ดการบินไทย เมื่อวันที่ 15 ก.ย.ว่า ที่ประชุมมีมติให้ดำเนินการปรับเปลี่ยนเก้าอี้ภายในห้องผู้โดยสารทุกระดับชั้นของเครื่องบินโบอิ้ง 777 - 200 ER จำนวน 6 ลำ ซึ่งมีอายุการใช้งาน 10 ปี เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้แก่ผู้โดยสาร เพราะก่อนหน้านี้ได้รับเสียงบ่นจากผู้ใช้บริการค่อนข้างมาก อย่างไรก็ตามการบินไทยจะเร่งดำเนินการเปลี่ยนเก้าอี้ให้แล้วเสร็จเร็วที่สุด แต่เนื่องจากเวลานี้มีหลายสายการบินสั่งซื้อเก้าอี้เป็นจำนวนมาก จึงต้องรอคิว คาดว่าปี 61 น่าจะดำเนินการเสร็จเรียบร้อย
นายอารีพงศ์ กล่าวต่อว่า นอกจากนี้ที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการร่วมลงทุน (จอยต์เวนเจอร์) การพัฒนาศูนย์ซ่อมอากาศยานที่สนามบินอู่ตะเภา โดยมีมติว่าจ้างที่ปรึกษา เพื่อทำแผนพัฒนาศูนย์ดังกล่าวว่าจะต้องมีการร่วมลงทุนในเรื่องใดบ้าง ซึ่งจะต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จภายใน 2-3 เดือนนี้ เพื่อให้ปี 60 สามารถเริ่มกระบวนการเจรจาเรื่องการร่วมลงทุนได้ โดยอยากให้เป็นการร่วมลงทุนทางด้านโครงสร้างของเครื่องบินเป็นอันดับแรก ทั้งนี้อยากให้สนามบินอู่ตะเภาเป็นศูนย์กลางศูนย์ซ่อมอากาศยานในภูมิภาคโดยเร็วที่สุด เพราะจะช่วยทำให้การบินไทยมีสัดส่วนรายได้เพิ่มขึ้น และความมั่นคงของรายได้ก็จะมากขึ้นด้วย จากเดิมที่ผลประกอบการจะขึ้นๆ ลงๆ อย่างไรก็ตามมุ่งหวังว่ารายได้ที่จะมาจากการเปิดศูนย์ซ่อมอากาศยานนั้นคิดเป็นสัดส่วน 25% ของรายได้ในภาพรวมบริษัทในอนาคต
นายอารีพงศ์ กล่าวด้วยว่า ใน 2-3 ปีข้างหน้านี้ การแข่งขันเรื่องการบินจะเพิ่มสูงขึ้นเรื่อยๆ จะมีเครื่องบินเพิ่มขึ้นเป็นพันลำ ทั้งลำตัวใหญ่ และลำตัวแคบ เราจึงอยากให้ศูนย์ซ่อมฯ เกิดขึ้น และเติบโต มีช่างที่มีศักยภาพ โดยเราต้องทำตรงนี้ให้ดีที่สุด เพราะนี่คืออนาคตของการบินไทย อย่างไรก็ตามประเทศไทยเป็นศูนย์กลางเรื่องโลจิสติกส์อยู่แล้ว จึงเป็นโอกาสดีที่ประเทศต่างๆ จะได้ไม่ต้องบินไปซ่อมไกล ช่วยประหยัดค่าเดินทางได้มาก ซึ่งเป็นเหตุผลสำคัญที่ช่วยดึงดูดให้หลายประเทศเลือกมาใช้บริการศูนย์ซ่อมของอู่ตะเภา
ขอบคุณข่าวจาก