ต่อจิ๊กซอว์ตำรวจ-ประวัติผู้ต้องหาบึ้ม7จว. โยงทีมระเบิดชายแดนใต้!
ผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้วสำหรับคดีลอบวางระเบิดและวางเพลิงเกือบ 20 จุดใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน ระหว่างวันที่ 10-12 ส.ค.59
ทิศทางของคดีแม้จะยังไม่สรุปชัดเจนนักว่าชนวนเหตุของการสร้างสถานการณ์ความรุนแรงพร้อมกันหลายจุด หลายจังหวัดมาจากเรื่องใด เพราะมีการตั้งสมมติฐานไว้ทั้งปมขัดแย้งทางการเมือง, กลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ขยายพื้นที่ปฏิบัติการ รวมไปถึงประเด็นผสมโรงจากผู้เสียประโยชน์กลุ่มต่างๆ
แต่หากพิจารณาจากตัวผู้ต้องหาที่ตำรวจได้ขออนุมัติหมายจับต่อศาลแล้ว ก็พอจะเห็นแนวโน้มของคดีและข้อสันนิษฐานของตำรวจได้พอสมควร
จนถึงขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจออกภาพสเก็ตช์คนร้ายมาแล้ว 7 ภาพ ศาลทหารอนุมัติหมายจับพร้อมระบุชื่อผู้ต้องหาแล้ว 5 คน ประกอบด้วย
1.นายอาหามะ เลงฮะ เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ จ.ภูเก็ต
2.นายรุสลัน ใบมะ เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
3.นายอัสมีน กาเต็มมาดี เกี่ยวข้องกับเหตุระเบิดที่ อ.หัวหิน จ.ประจวบคีรีขันธ์
4.นายฮากีม ดอเลาะ เกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิดเพลิงเผาห้างโลตัสนครศรีธรรมราช
5.นายอับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ เกี่ยวข้องกับเหตุวางระเบิดเพลิงเผาห้างลีมาร์ท จ.ตรัง
ทั้งนี้ ไม่นับ นายศักรินทร์ คฤหัสถ์ ชาวจังหวัดเชียงใหม่ ที่ถูกคุมตัวเป็นคนแรกหลังเกิดเหตุโดยใช้กฎหมายพิเศษ และได้รับการปล่อยตัวในเวลาต่อมา จากนั้นตำรวจไปขอหมายจับใหม่จากศาลทหาร แต่ไม่ได้รับอนุมัติ ขณะนี้ชื่อของนายศักรินทร์ เริ่มเลือนหายไปจากคดี
เปิดประวัติ 5 ผู้ต้องหาจากชายแดนใต้
สรุป ณ วันพุธที่ 7 ก.ย.59 เกือบครบเดือนหลังเหตุระเบิด ผู้ต้องหาที่ถูกระบุตัวและออกหมายจับ ล้วนเป็นคนจากพื้นที่ชายแดนใต้ ซึ่งหากไล่ดูประวัติของแต่ละคนจะพบความเชื่อมโยงที่น่าสนใจ
นายอาหามะ เลงฮะ อายุ 35 ปี เป็นชาว ต.เกาะสะท้อน อ.ตากใบ จ.นราธิวาส เคยศึกษาที่โรงเรียนอิสลามบูรพา อ.เมืองนราธิวาส มีประวัติเป็นผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแนวร่วมฯ เคยถูกออกหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉิน (หมาย ฉฉ.536/51) เมื่อปี 2551 จากคำให้การซัดทอดของบุคคลอื่น
ข้อมูลจากฝ่ายความมั่นคงในนราธิวาสระบุว่า นายอาหามะไปทำงานที่โรงงานแห่งหนึ่งในมาเลเซีย ระยะหลังถูกออกหมายเรียกเข้าให้ปากคำตามหมาย พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ แต่ไม่ยอมเข้าพบพนักงานสอบสวน ต่อมามีข้อมูลว่าเขาพยายามประสานกับฝ่ายทหารเพื่อเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน ซึ่งจะส่งผลให้สามารถปลดหมาย พ.ร.ก.ได้ แต่มาโดนออกหมายจับในคดีระเบิดที่ภูเก็ตเสียก่อน กระบวนการเข้าโครงการพาคนกลับบ้านจึงชะงักไป
เป็นที่น่าสังเกตว่าหลักฐานที่เจ้าหน้าที่อ้างเพื่อใช้มัดตัวนายอาหามะ เป็นภาพจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด และดีเอ็นเอบนวัตถุระเบิด แต่ฝ่ายครอบครัวนายอาหามะยืนยันว่าบุคคลในภาพไม่ใช่นายอาหามะ ขณะที่การประสานเพื่อเข้าโครงการพาคนกลับบ้าน แสดงว่าต้องมีการพูดคุยกับเจ้าหน้าที่บ้างแล้ว โดยเฉพาะฝ่ายทหาร แต่สุดท้ายเขากลับโดนออกหมายจับในคดีลอบวางระเบิดที่ภูเก็ต
นายรุสลัน ใบมะ อายุ 36 ปี เป็นชาว อ.เทพา จ.สงขลา ตามแฟ้มประวัติของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า เขาเป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรง ระดับปฏิบัติการ
คดีที่นายรุสลันเคยเข้าไปเกี่ยวข้อง ทั้งที่ถูกออกหมายจับและไม่ถูกออกหมาย แต่มีข้อมูลในทางการสืบสวน ก็เช่น เหตุระเบิดคาร์บอมบ์ที่โรงแรมลีการ์เด้นส์ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา เมื่อวันที่ 31 มี.ค.55 โดยรถที่ใช้ทำคาร์บอมบ์ เป็นรถที่ถูกปล้นชิงจากปลัดองค์การบริหารส่วนตำบล (อบต.) ศรีสาคร อ.ศรีสาคร จ.นราธิวาส และรถคันนี้ก่อนถูกนำไปทำคาร์บอมบ์ คนร้ายเคยใช้ก่อเหตุรุนแรงหลายครั้ง คาดว่านายรุสลันอาจมีส่วนเกี่ยวข้อง
ส่วนครั้งนี้ นายรุสลัน ถูกออกหมายจับเพราะปรากฏภาพในกล้องโทรทัศน์วงจรปิดที่ อ.หัวหิน พร้อมเพื่อนรวม 3 คน เดินไปเดินมาคล้ายหาจุดวางระเบิด ก่อนจะเกิดระเบิดขึ้นเมื่อกลางดึกของวันที่ 11 ส.ค.ต่อเนื่องถึงช่วงเช้าของวันที่ 12 ส.ค.
นายอัสมีน กาเต็มมาดี อายุ 29 ปี มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.อาเนาะรู อ.เมืองปัตตานี จบการศึกษาระดับ ปวส.จากวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในปัตตานี และยังเรียนสายศาสนาด้วย
นายอัสมีน มีชื่อถูกออกหมายจับในคดีลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่ลานจอดรถห้างเซ็นทรัล เฟสติวัล อ.เกาะสมุย จ.สุราษฎร์ธานี เมื่อวันที่ 10 เม.ย.58 และอยู่ระหว่างการหลบหนี แต่แล้วก็มาปรากฏชื่อเป็นผู้ร่วมก่อเหตุระเบิดที่ อ.หัวหิน โดยน่าเชื่อว่าใช้หลักฐานชุดเดียวกับนายรุสลัน
นายฮากีม ดอเลาะ อายุ 32 ปี ภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ปะกาฮะรัง อ.เมืองปัตตานี ตามประวัติในแฟ้มข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า เขาเป็นเพื่อนสนิทของ นายอัสมีน เรียนจบ ปวส.สถาบันเดียวกัน และเรียนสายศาสนาด้วย
นายฮากีม เคยตกเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีลอบวางระเบิดร้านข้าวต้มน้องเฟิร์น ในเขต อ.เมืองปัตตานี เมื่อปี 50 ต่อมาถูกออกหมายจับในคดีคาร์บอมบ์ที่สมุยเมื่อปีที่แล้ว โดยเป็นผู้ต้องหาชุดเดียวกับนายอัสมีน และล่าสุดเขาถูกออกหมายจับในคดีลอบวางระเบิดเพลิงเผาห้างโลตัส นครศรีธรรมราช
นายอับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ อายุ 36 ปี เป็นชาว ต.คลองใหม่ อ.ยะรัง จ.ปัตตานี ข้อมูลจากแฟ้มประวัติของฝ่ายความมั่นคงระบุว่า เป็นสมาชิกกลุ่มผู้ก่อเหตุรุนแรงระดับแนวร่วมฯ เคยสร้างสถานการณ์ก่อกวน เช่น เผายางรถยนต์ โปรยตะปูเรือใบ และทำลายทรัพย์สินสาธารณะ แต่เป็นเพียงข้อมูลการข่าว ไม่เคยถูกออกหมายใดๆ มาก่อน
ล่าสุดเมื่อวันที่ 2 ก.ย.59 เขาถูกศาลทหารจังหวัดทุ่งสง ออกหมายจับในคดีลอบวางระเบิดเพลิงที่ห้างลีมาร์ทซุปเปอร์ค้าส่ง จ.ตรัง และถูกควบคุมตัวได้แล้ว จากการสอบปากคำเบื้องต้น เขาให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหา
แง้มจิ๊กซอว์ตำรวจหาความเชื่อมโยง
จากผู้ต้องหา 5 คนที่ถูกออกหมายจับแล้ว มีเพียงคนเดียวที่ถูกจับกุมได้ คือ นายอับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ แต่เจ้าตัวก็ให้การปฏิเสธ และอ้างพยานยืนยันว่าทั้งก่อนเกิดเหตุและขณะเกิดระเบิดที่ตรัง เขาอยู่ในพื้นที่ อ.ยะรัง ตลอดเวลา
ในกลุ่มผู้ต้องหาทั้งหมดนี้ นายอาหามะ เลงฮะ ดูแปลกแยกที่สุด เพราะมีภูมิลำเนาอยู่ถึง อ.ตากใบ จ.นราธิวาส ขณะที่ผู้ต้องหาที่เหลือ อยู่ปัตตานี 3 คน คือ นายอัสมีน นายฮากีม และนายอับดุลกอเดร์ ส่วน นายรุสลัน แม้ภูมิลำเนาอยู่ที่ จ.สงขลา แต่ อ.เทพา เป็นพื้นที่รอยต่อกับ จ.ปัตตานี และการแบ่งพื้นที่ก่อเหตุของกลุ่มก่อความไม่สงบ พื้นที่ย่านเมืองปัตตานี อ.หนองจิก จ.ปัตตานี กับ 4 อำเภอรอยต่อของ จ.สงขลา คือ อ.จะนะ เทพา สะบ้าย้อย และนาทวี เป็นพื้นที่เขตงานต่อเนื่องกัน โดยเฉพาะ อ.เทพา
นายอัสมีน กับนายฮากีม เป็นเพื่อนสนิทกัน เรียนจบสถาบันเดียวกัน ตกเป็นผู้ต้องหาคดีคาร์บอมบ์สมุยด้วยกัน แต่คราวนี้กลับแยกพื้นที่กันทำงาน คือ นายอัสมีน ไปวางระเบิดที่หัวหิน ส่วนนายฮากีม ไปก่อเหตุที่นครศรีธรรมราช
จากหลักฐานที่นำไปสู่การขออนุมัติหมายจับของตำรวจ นายอัสมีนไปหัวหินพร้อมกับนายรุสลัน ทำให้น่าเชื่อว่ารู้จักกัน ฉะนั้นจึงมีความเชื่อมโยงระหว่างนายอัสมีน (และรวมถึงนายฮากีมที่เป็นเพื่อนสนิทกันด้วย) กับนายรุสลัน
ย้อนกลับไปปี 55 นายรุสลัน ตกเป็นผู้ต้องหาในคดีคาร์บอมบ์หาดใหญ่พร้อมกับ นายเสรี แวมามุ เพราะปรากฏภาพในกล้องโทรทัศน์วงจรปิดบริเวณจุดเกิดเหตุในเวลาใกล้เคียงกัน
นายเสรี อายุ 31 ปี เป็นชาว อ.เทพา จ.สงขลา เช่นเดียวกับนายรุสลัน เพียงแต่อยู่ต่างตำบลกัน นายเสรีมีหมายจับในคดีความมั่นคงหลายหมาย หนึ่งในนั้นคือเหตุโจมตีฐานปฏิบัติการของเจ้าหน้าที่ที่บ้านเกาะแลหนัง ต.ปากบาง อ.เทพา เมื่อปี 54 ทำให้เจ้าหน้าที่เสียชีวิต 2 นาย
ข้อมูลของฝ่ายความมั่นคงในระยะหลังระบุว่า นายเสรี เป็นหัวหน้าทีมระเบิดที่รับผิดชอบพื้นที่รอยต่อปัตตานีกับ 4 อำเภอของ จ.สงขลา (จะนะ เทพา สะบ้าย้อย นาทวี) รวมทั้ง อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา โดยปฏิบัติการทลายฐานฝึกและแหล่งซุกซ่อนอุปกรณ์ประกอบระเบิดขนาดใหญ่ที่ประกอบระเบิดได้ไม่น้อยกว่า 30 ลูก ที่บ้านตันหยงเปาว์ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี (พื้นที่รอยต่อเกาะแลหนัง อ.เทพา) เมื่อวันที่ 10 ก.พ.59 นั้น เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงเชื่อมโยงว่าเป็นฐานที่เกี่ยวข้องกับนายเสรี แวมามุ
ต่อมามีการวางระเบิดคาร์บอมบ์หลังฐานปฏิบัติการของตำรวจหน่วยปฏิบัติการพิเศษ บริเวณใกล้จุดตรวจทางเข้าเมืองปัตตานี เมื่อวันที่ 27 ก.พ. เจ้าหน้าที่เชื่อว่าเป็นปฏิบัติการตอบโต้กรณีเจ้าหน้าที่บุกทลายฐานฝึกและแหล่งซุกซ่อนอุปกรณ์ประกอบระเบิดที่ตันหยงเปาว์ เมื่อวันที่ 10 ก.พ. ทำให้ชื่อของนายเสรี แวมามุ ถูกระบุว่าเกี่ยวข้องอีก
วันที่ 3 ก.ย.59 มีเหตุลอบวางระเบิดขบวนรถไฟที่ อ.โคกโพธิ์ จ.ปัตตานี โดยในช่วงเวลาใกล้เคียงกันนั้น เจ้าหน้าที่ทหารชุดปฏิบัติการป้องกันและปราบปรามภัยแทรกซ้อน ได้ตรวจยึดบุหรี่เถื่อนล็อตใหญ่ที่ถูกนำไปซุกซ่อนไว้ในพื้นที่ ต.ท่ากำชำ อ.หนองจิก จ.ปัตตานี มูลค่ากว่า 3 ล้านบาท โดยในทางการสืบสวนพบว่าเป็นบุหรี่ของฝ่ายเศรษฐกิจในกลุ่มของนายเสรี แวมามุ ซึ่งเมื่อปีที่แล้วก็มีการจับบุหรี่เถื่อนจำนวนมากเช่นกัน จนเจ้าหน้าที่สามารถสืบสวนขยายผลไปทลายฐานฝึกและแหล่งซุกซ่อนอุปกรณ์ประกอบระเบิดแหล่งใหญ่ที่ตันหยงเปาว์
ความเชื่อมโยงเหล่านี้ทำให้เจ้าหน้าที่เชื่อว่า เหตุระเบิดรถไฟที่โคกโพธิ์ เป็นฝีมือของกลุ่มนายเสรี แวมามุ เช่นกัน
ล่าสุด เมื่อวันที่ 6 ก.ย.59 ศาลจังหวัดปัตตานีอนุมัติหมายจับ นายฮากีม ดอเลาะ ในคดีลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์ที่หน้าโรงแรมเซาท์เทิร์นวิว อ.เมืองปัตตานี เมื่อคืนวันที่ 23 ส.ค.59 โดยมีการโจรกรรมรถกระบะของโรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบลปะกาฮะรัง มาซุกระเบิด แล้วนำไปจอดก่อเหตุเป็นคาร์บอมบ์
ตามประวัติ นายฮากีม มีภูมิลำเนาอยู่ที่ ต.ปะกาฮะรัง เขาเป็นเพื่อนสนิทของนายอัสมีน เคยตกเป็นผู้ต้องหาคาร์บอมบ์สมุยด้วยกัน และนายอัสมีนไปโผล่เป็นผู้ต้องหาคดีระเบิดหัวหินร่วมกับนายรุสลันเมื่อวันที่ 11-12 ส.ค.ด้วยกัน ขณะที่นายรุสลันเป็นทีมเดียวกับนายเสรี แวมามุ ในคดีคาร์บอมบ์หาดใหญ่ และเป็นชาว อ.เทพา ด้วยกัน
นี่คือจิ๊กซอว์ของตำรวจที่นำมาสู่ข้อสันนิษฐานเชื่อมโยงว่า เหตุระเบิดและวางเพลิงใน 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน เป็นฝีมือของ “ทีมปัตตานี” ซึ่งน่าจะเป็นกลุ่มที่สนับสนุนวัตถุระเบิด และนำไปก่อเหตุเองบางส่วน ขณะที่อีกบางส่วนกระจายไปตามแนวร่วมที่ได้รับคำสั่งมอบหมายให้ไปปฏิบัติการ แต่ไม่ชัดว่าเป็นนโยบายของบีอาร์เอ็นเพื่อขยายพื้นที่ก่อเหตุนอกสามจังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อประกาศศักยภาพและกดดันรัฐบาลไทยหรือไม่
อย่างไรก็ดี ข้อมูลจากหน่วยงานความมั่นคงที่ไม่ใช่ “คนมีสี” วิเคราะห์ว่า ทีมระเบิดน่าจะมาจากหลายทีม และกระจายกันไปก่อเหตุ โดยไม่แน่ชัดว่าแต่ละทีมทราบความเคลื่อนไหวของกันและกันหรือไม่ รูปแบบการก่อเหตุไม่ใช่วิธีการของขบวนการฯ แต่น่าจะเป็นการชักชวนกันไปในกลุ่มเพื่อนหรือคนรู้จัก ในลักษณะถูกใช้ ไหว้วาน หรือจ้างให้ไปก่อเหตุเพื่อวัตถุประสงค์อย่างใดอย่างหนึ่งของผู้สั่งการ
ทั้งหมดนี้ยังคงเป็นข้อสันนิษฐาน ไม่ใช่ข้อเท็จจริง ทั้งยังไม่ได้รับการพิสูจน์โดยกระบวนการยุติธรรม และหลายๆ ครั้งคำตอบของเหตุการณ์สำคัญหลายๆ เหตุการณ์ในบ้านเรา...ก็มักเลือนหายไปกับกาลเวลา
เพราะถูกหยิบไปใช้เพื่อชิงความได้เปรียบทางการเมืองและผลประโยชน์อยู่ร่ำไป!
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
บรรยายภาพ :
1 ผู้ต้องหาตามหมายจับในคดีระเบิด 7 จังหวัดภาคใต้ตอนบน (ซ้ายไปขวา) รุสลัน ใบมะ, ฮากีม ดอเลาะ, อับดุลกอเดร์ สาแล๊ะ, อาหามะ เลงฮะ, อัสมีน กาเต็มมาดี
2 เสรี แวมามุ