ชัด!คำพิพากษาศาล ปค.สูงสุด โฉนดบนเขา‘นักวิชาการดัง’ ส.ค.1 บินไกล 500 ม.
ละเอียดยิบ! คำพิพากษาศาล ปค.สูงสุด ข้อเท็จจริง หักล้างทุกประเด็นต่อสู้ ‘นักวิชาการสกุลดัง’ หลักฐานมัด โฉนดบนเขา ใช้ ส.ค. 1 บินไกล 400-500 เมตร มาสวมออก น.ส. 3 ก. โดยมิชอบ ก่อนเกิดปัญหาคาราคาซังกว่าสิบปี
กรณีปัญหาโฉนดที่ดิน 18 ไร่ 2 งาน ของนายพิริยะ ไกรฤกษ์ นักวิชาการชื่อดังบนเชิงเขา อ่าวทุ่งทราย หมู่ 3 ต.ปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร มูลค่านับร้อยล้านบาทนั้นมีข้อยุติแล้วว่า
1.กรมที่ดินมีคำสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2548 เนื่องจากใช้หลักฐาน ส.ค.1 แปลงอื่นมาเป็นหลักฐานยื่นออก น.ส.3 ก.และที่ดินอยู่ในเขตปฏิรูปที่ดินปี 2531
2.ศาลปกครองนครศรีธรรมราช มีคำพิพากษา เมื่อ 11 ส.ค.2552 ว่าคำสั่งเพิกถอนของกรมที่ดินกระทำโดยชอบ
3.ศาลปกครองสูงสุด มีคำตัดสิน เมื่อ 16 พ.ค.2555 พิพากษายืนกับคำพิพากษาศาลชั้นต้น
ถ้านับจากกรมที่ดินสั่งเพิกถอน เป็นเวลากว่าสิบปี แต่ทว่าเจ้าของบ้านยังครอบครองที่ดินเรื่อยมาและยังไม่ได้รื้อถอนบ้าน กระทั่งเจ้าหน้าที่ทหาร บก.ควบคุม มทบ.44 เข้าไปตรวจสอบและผู้ว่าราชการจังหวัดชุมพรมีคำสั่งคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงซึ่งขณะนี้ยังไม่ปรากฎผลสรุป
ก่อนหน้านี้สำนักข่าวนำข้อต่อสู้ซึ่งปรากฎในคำฟ้องตามคำพิพากษา มารายงานโดยสรุปไปแล้ว
(อ่านประกอบ:พลิกข้อต่อสู้‘นักวิชาการดัง’ในศาล ปค.สูงสุด ซื้อที่ดินสุจริต สร้างบ้านพัก-ห้องสมุด 15 ล.)
และเรียบเรียงผลคำพิพากษามาเสนอไปแล้ว (อ่านประกอบ:เปิดคำพิพากษาศาล ปค.สูงสุด โฉนดบ้านหรูบนเขา 18 ไร่ ‘นักวิชาการดัง’ ใช้ ‘ส.ค.1 บิน’ )
ล่าสุดมาดูคำพิพากษาชัดๆ ซึ่งจะอธิบายที่มาที่ของเอกสารสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้ ตอบข้อต่อสู้ของผู้ฟ้องคดี (นายพิริยะ) ฟังไม่ขึ้น สำนักข่าวอิศราเรียบเรียงมาเสนอ
คำพิพากษาขอศาลปกครองสูงสุด
ศาลปกครองสูงสุดพิจารณาแล้วเห็นว่า คดีมีประเด็นที่จะต้องวินิจฉัยตามคำอุทธรณ์ของผู้ฟ้องคดีเพียงประเด็นเดียวว่า คำสั่งของผู้ถูกฟ้องคดีที่ 2100/2558 ลงวันที่ 26 กรกฎาคม 2548 เรื่อง การเพิกถอนโฉนดที่ดิน ที่ให้เพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 16128 ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร เป็นคำสั่งทางปกครองที่ชอบด้วยกฎหมายหรือไม่
พิเคราะห์แล้วเห็นว่า โดยที่มาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ซึ่งแก้ไขเพิ่มเติมโดยพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายที่ดิน (ฉบับที่ 9) พ.ศ.2543
วรรคหนึ่ง บัญญัติว่า เมื่อความปรากฏว่าได้ออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ หรือได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรมเกี่ยวกับอสังหาริมทรัพย์ หรือจดแจ้งเอกสารรายการจดทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ให้แก่ผู้ใดโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบด้วยกฎหมายให้อธิบดีหรือรองอธิการบดีมอบหมายมีอำนาจหน้าที่สั่งเพิกถอนหรือแก้ไขได้
วรรคสอง บัญญัติว่า ก่อนที่จะดำเนินการตามวรรคหนึ่ง ให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นคณะหนึ่ง โดยมีอำนาจเรียกโฉนดที่ดิน หนังสือรับรองการทำประโยชน์ เอกสารที่ได้จดทะเบียนสิทธิและนิติกรรม เอกสารที่ได้จดแจ้งรายการทะเบียนอสังหาริมทรัพย์ หรือเอกสารอื่นที่เกี่ยวข้องมาพิจารณา พร้อมทั้งแจ้งให้ผู้มีส่วนได้เสียทราบเพื่อให้โอกาสคัดค้าน ถ้าไม่คัดค้านภายในกำหนดสามสิบวันนับตั้งแต่วันที่ได้รับแจ้ง ให้ถือว่าไม่มีการคัดค้าน
วรรคสาม บัญญัติว่า คณะกรรมการสอบสวนการออกโฉนดที่ดินหรือหนังสือรับรองการทำประโยชน์ที่ออกโดยคลาดเคลื่อนหรือไม่ชอบกฎหมาย อย่างน้อยต้องมีเจ้าพนักงานฝ่ายปกครอง และตัวแทนคณะผู้บริหารท้องถิ่นหรือผู้บริหารท้องถิ่นที่ที่ดินนั้นตั้งอยู่เป็นกรรมการ
วรรคสี่ บัญญัติว่า การสอบสวนตามวรรคสองต้องดำเนินการให้แล้วเสร็จและส่งให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอยหมายภายในกำหนดหกสอบวันนับแต่วันที่ได้มีคำสั่งให้ทำการสอบสวน ในกรณีที่คณะกรรมการสอบสวนไม่สามารถดำเนินการสอบสวนให้แล้วเสร็จภายในกำหนดเวลาดังกล่าว ให้คณะกรรมการสอบสวนรายงานเหตุทีทำให้การสอบสวนไม่แล้วเสร็จต่ออธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายเพื่อขอขยายระยะเวลาการสอบสวน โดยให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายสั่งขยายระยะเวลาดำเนินการได้ตามความจำเป็นแต่ไม่เกินหกสิบวัน
วรรคห้า บัญญัติว่า ให้อธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายพิจารณาให้แล้วเสร็จภายในสิบห้าวัน นับแต่ได้รับรายงานการสอบสวนจากคณะกรรมการสอบสวนตามวรรคสี่ เมื่ออธิบดีหรือรองอธิบดีซึ่งอธิบดีมอบหมายพิจารณาประการใดแล้ว ก็ให้ดำเนินการไปตามนั้น
และวรรคเก้า บัญญัติว่า การตั้งคณะกรรมการสอบสวน การสอบสวน การแจ้งผู้มีส่วนได้เสียเพื่อให้โอกาสคัดค้านและการพิจารณาเพิกถอน แก้ไข ให้เป็นไปตามหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดในกฎกระทรวง
@ชัด!ที่ตั้ง-สภาพที่ดินไม่สอดคล้องกัน
คดีนี้ข้อเท็จจริงปรากฏตามพยานเอกสารหลักฐานและผลการตรวจสอบของคณะทำงานตรวจสอบหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในท้องที่อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ตามคำสั่งกรมที่ดิน ที่ 1220/2547 ลงวันที่ 6 พฤษภาคม 2547 เรื่อง แต่งตั้งคณะทำงานตรวจสอบหนังสือแสดงสิทธิในที่ดินในท้องที่อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร และของคณะกรรมการสอบสวน ตามคำสั่งอธิบดีกรมที่ดิน ที่ 1670/2547 ลงวันที่ 22 มิถุนายน 2547 เรื่องตั้งคณะรรมการสอบสวนตามความในมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ว่าโฉนดที่ดินเลขที่ 16128 ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร ออกโดยอาศัยหลักฐานหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1472 และเลขที่ 1473 ตำบล อำเภอ และจังหวัดเดียวกัน โดยหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1472 ออกให้แก่ผู้ฟ้องคดีเมื่อวันที่ 10 เมษายน 2545 อาศัยหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) จำนวน 2 แปลง คือ แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 13 หมู่ที่ 3 ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร มีนายเลข ศรีซังส้ม เป็นผู้แจ้งการครอบครองว่าสภาพที่ดินเป็นที่นาปลูกข้าว และข้างเคียงทุกด้านจดป่ารัฐบาล และแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 125 หมู่ที่ 3 ตำบลปากคลอง อำเภอปะทิว จังหวัดชุมพร มีนายพรม แสงเดช เป็นผู้แจ้งการครอบครองว่าสภาพที่ดินเป็นสวนมะพร้าว และข้างเคียงทุกด้านจดป่ารัฐบาล
คณะกรรมการสวบสวนได้ตรวจสอบสภาพพื้นที่จริงตามตำแหน่งหนังสือรับรองการทำประโยชน์ปรากฏว่า ปัจจุบันทำประโยชน์เป็นสวนปาล์ม ไม่มีร่องรอยการทำนามาก่อน ตรวจสอบลวดลายการทำประโยชน์ในระวางรูปถ่ายทางอากาศบริเวณที่ตั้งของหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1472 ที่ดินมีสภาพเป็นเนิน ไม่มีสภาพเป็นนาข้าว และสวนมะพร้าวตามที่ได้แจ้งการครอบครองที่ดินไว้แต่อย่างใด
นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบระวางรูปถ่ายทางอากาศ หมายเลข 4830 l แผ่นที่ 66 ปรากฏว่าข้างเคียงด้านทิศตะวันตกมีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1473 โดยอาศัยหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1 ) เลขที่ 124 หมู่ที่ 3 ตำบลปากคลอง มีชื่อนายพรม แสงเดช เป็นผู้แจ้งการครอบครองว่าสภาพที่ดินเป็นที่นาและข้างเคียงด้านทิศตะวันออกจดที่ดินนายเถา ทิศตะวันตกจนที่ดินนายน้อย
ดังนั้น แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 13 และเลขที่ 125 จึงมีข้างเคียงไม่สอดคล้องสัมพันธ์กับแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 124 แต่อย่างใด
@ ส.ค.1 แปลงแรกบินไกล 400 เมตร
และจากการตรวจสอบแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ที่มีชื่อนายเถา เป็นผู้แจ้งการครอบครองที่ดิน พบว่านายเถา คุ้มครอง แจ้งการครองที่ดินไว้ 2 แปลง คือ แบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 82 และเลขที่ 83 หมู่ที่ 3 ตำบลปากคลอง ซึ่งมีอาณาเขตติดต่อกัน โดยแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 83 อยู่ทางด้านทิศเหนือ ส่วนแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 82
อยู่ทางด้านทิศใต้ และได้มีหมายเหตุการออกโฉนดที่ดินเลขที่ 4001 และเลขที่ 4002 ตำบลปากคลองไว้ในแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1 ) เลขที่ 82 ซึ่งจากการตรวจสอบโฉนดที่ดินดังกล่าวทำให้ทราบตำแหน่งที่ดินที่แท้จริงของแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 124 เลขที่ 82 และเลขที่ 83 ว่าตั้งอยู่ในระวางรูปถ่ายทางอากาศ หมายเลข 4830 l แผ่นที่ 66 และอยู่ห่างจากตำแหน่งที่ดินที่มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปทางทิศตะวันตก ประมาณ 400 เมตร
@ น.ส.3 ก.แปลง 2 ห่างหลักฐาน ‘ส.ค.1’ 500 เมตร
ส่วนหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3 ก.) เลขที่ 1473 ออกให้แก่นางซุบ แสงเดช เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2545 โดยอาศัยหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 124 มีนายพรม แสดงเดช เป็นผู้แจ้งการครอบครองว่าสภาพที่ดินเป็นนาข้าว และข้างเคียงทิศเหนือ ทิศใต้จดป่ารัฐบาล ทิศตะวันออกจดที่ดินนายเถา และทิศตะวันตกจดที่ดินนายน้อย โดยคณะกรรมการสอบสวนได้ทำการตรวจสอบทะเบียนการครอบครองที่ดิน หมู่ที่ 3 ตำบลปากคลอง และระวางรูปถ่ายทางอากาศหมายเลข 4830 l แผ่นที่ 66 พบว่านายเถา คุ้มครอง ซึ่งเป็นข้างเคียงด้านทิศตะวันออกแจ้งการครอบครองที่ดินไว้ตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) เลขที่ 37 หมู่ที่ 3 ตำบลปากครอง นายน้อย ปานทอง ซึ่งเป็นข้างเคียงด้านทิศตะวันตก แจ้งการครอบครองที่ดินไว้ตามแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 37 หมู่ที่ 3 ตำบลปากคลอง ระบุข้างเคียงด้านทิศตะวันออกจดนานายพรม จึงทำให้ทราบว่า ตำแหน่งที่ดินที่แท้จริงตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค. 1) 124 เลขที่ 37 และเลขที่ 38 ของนายพรม นายน้อย และนายเถา ตามลำดับ มีอาณาเขตติดต่อกัน ตั้งอยู่ในระวางรูปถ่ายทางอากาศ หมายเลข 4830 I แผ่นที่ 66 และอยู่ห่างจากตำแหน่งที่ดินที่มีการออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ไปทางทิศตะวันตกประมาณ 500 เมตร โดยที่ดินตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 37 และเลขที่ 83 อยู่ทางด้านทิศตะวันตกและทิศตะวันออกของที่ดินตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 124 ตามลำดับ
@ตำแหน่งที่ดินใน น.ส. 3 ก. กับสภาพที่ดินจริงไม่ตรงกัน
และจากการปูรูปแบบแจ้งการครอบครองที่ (ส.ค.1) เลขที่ 124 เลขที่ 83 และเลขที่ 37 เปรียบเทียบกับรูปแผนที่ในระวางรูปถ่ายทางอากาศ หมายเลข 4830 I แผ่นที่ 66 บริเวณที่ดิน 6 เลขที่ดิน 7 และเลขที่ดิน 8 และเลขที่ดิน 31 ทำให้ทราบว่าที่ดินตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 124 ของนายพรม แสงเดช อยู่บริเวณที่ดิน เลขที่ 6 เลขที่ 7 และเลขที่ 8 ที่ดินตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ดิน 31 และที่ดินนายน้อยอยู่บริเวณเลขที่ดิน 11 มีข้างเคียงสอดคล้องสัมพันธ์กัน
นอกจากนี้เมื่อตรวจสอบลวดลายการทำประโยชน์ในระวางรูปถ่ายทางอากาศแล้วมีลวดลายเป็นที่นา ปรากฎชัดเจน ส่วนตำแหน่งที่ดินตามหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1473 ไม่ปรากฎลวดลายที่เป็นนาแต่อย่างใด แต่มีสภาพเป็นที่ลาดเนิน และจากการตรวจสอบสภาพพื้นที่จริงตามตำแหน่งหนังสือรับรองการทำประโยชน์ปัจจุบัน ทำประโยชน์เป็นสวนปาล์ม เป็นที่ลาดเชิงเขา ไม่ปรากฎร่องรอยการทำนามาก่อน จึงเชื่อว่าตำแหน่งที่ดิน ตามหลักฐานแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) เลขที่ 124 อยู่บริเวณ ตำแหน่งหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 6 เลขที่ 7 และเลขที่ 8
@สรุปชัด ออก น.ส. 3 ก. มิชอบ-ออกโฉนดโดยมิชอบ
กรณีจึงรับฟังได้ว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1472 และ เลขที่ 1473 ออกโดยมิชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากอาศัยหลักฐนแบบแจ้งการครอบครองที่ดิน (ส.ค.1) ซึ่งเป็นหลักฐานของที่ดินแปลงอื่น อันมีผลทำให้ผู้ฟ้องคดีและนางชุบ แสงเดช มิใช่ผู้มีสิทธิครอบครองที่ดินที่จะมีสิทธิขอออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์เป็นการเฉพาะรายตามมาตรา 59 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน ดังนั้น เมื่อข้อเท็จจริง ปรากฎต่อมาว่า หนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3 ก.) เลขที่ 1472 และ เลขที่ 1473 ได้ออกเป็นโฉนดที่ดินเลขที่ 16128 ตำบลปากคลอง อ.ปะทิว จ.ชุมพร กรณีจึงมีผลทำให้โฉนดที่ดินแปลงดังกล่าวไม่ชอบด้วยกฎหมายเช่นกัน
จึงนำไปสู่คำพิพากษาว่า คำสั่งเพิกถอนโฉนดที่ดินเลขที่ 16128 ของกรมที่ดิน เมื่อวันที่ 26 ก.ค.2548 เป็นการกระทำที่ชอบด้วยกฎหมาย พิพากษายกฟ้อง
อ่านประกอบ:
พลิกข้อต่อสู้‘นักวิชาการดัง’ในศาล ปค.สูงสุด ซื้อที่ดินสุจริต สร้างบ้านพัก-ห้องสมุด 15 ล.
ผู้ว่าฯ ชุมพรรับตั้ง กก.สอบบ้านหรูบนเขา ‘นักวิชาการสกุลดัง’ ไม่ชัวร์อยู่ในที่หลวง
จนท.ที่ดินแจงไม่มีผล ปย.!ปมบ้านหรูบนเขา‘นักวิชาการ’ตระกูลดัง ยังไม่ถูกรื้อถอน
เปิดคำพิพากษาศาล ปค.สูงสุด โฉนดบ้านหรูบนเขา 18 ไร่ ‘นักวิชาการดัง’ ใช้ ‘ส.ค.1 บิน’