ยูนิเซฟเรียกร้องให้ผู้ใหญ่ปกป้องสิทธิเด็กมากขึ้นเพื่อเป็นของขวัญวันเด็ก
เมื่อวันที่ 12 มกราคม ที่ผ่านมา เนื่องในโอกาสวันเด็กแห่งชาติปีนี้ องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ หรือ ยูนิเซฟ ได้ออกมาเรียกร้องให้ผู้ใหญ่หันมาให้ความสนใจกับเด็กมากขึ้น โดยร่วมกันปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กเนื่องจากยังมีเด็กจำนวนมากที่ยังคงเผชิญ กับปัญหาต่างๆ เช่น ความยากจน ความรุนแรง การถูกทอดทิ้งและการถูกแสวงประโยชน์
“ทุกคนในสังคมควรจะเคารพสิทธิเด็กและช่วยกันปกป้องคุ้มครองเด็กๆ โดยเฉพาะกลุ่มเด็กที่เสี่ยงต่อการถูกทำร้าย ทอดทิ้งและความรุนแรง” นายโทโมโอะ โฮซูมิ ผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทยกล่าว “การช่วยกันส่งเสริมและปกป้องคุ้มครองสิทธิเด็กจะช่วยให้เด็กๆ มีโอกาสพัฒนาตนเองได้อย่างเต็มศักยภาพและจะเป็นของขวัญที่ดีที่สุดที่เด็กๆ จะได้รับในวันเด็กนี้ด้วย”
จากข้อมูล องค์กรยูเนเซฟเผยว่าในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมา แม้ความเป็นอยู่ของเด็กในประเทศไทยจะได้รับการพัฒนาไปในหลายด้าน แต่เด็กอีกจำนวนมากยังคงมีชีวิตอยู่กับวงจรความยากจน การขาดโอกาสในการศึกษา เอชไอวีและเอดส์ ในขณะที่มีเด็กจำนวนมากขึ้นเรื่อยๆ ที่ประสบกับความรุนแรง การถูกทำร้ายและการถูกแสวงประโยชน์ ทั้งนี้สถิติจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชนชี้ให้เห็นว่าในประเทศไทย:
• มีเด็กวัยประถมศึกษาประมาณ 600,000 คนไม่ได้เข้าเรียนหรือเข้าเรียนช้า
• ในพ.ศ. 2551 มีเด็กปฐมวัยประมาณร้อยละ 75 เท่านั้นที่ได้เข้าสู่ศูนย์พัฒนาเด็กปฐมวัยรูปแบบต่างๆ แม้ว่าสมองของเด็กจะพัฒนาได้รวดเร็วที่สุดในช่วงห้าปีแรกของชีวิต
• มีเด็กเกิดใหม่ประมาณ 40,000 – 50,000 คนต่อปีที่ไม่ได้รับการจดทะเบียนเกิด ทำให้ไม่มีตัวตนทั้งในทางกฎหมายและทางสังคม ซึ่งอาจเป็นอุปสรรคต่อการได้รับการรักษาพยาบาลและบริการอื่นๆ รวมทั้งตกอยู่ในความเสี่ยงต่อการถูกละเมิดและถูกแสวงประโยชน์
• ร้อยละ 3.8 ของหญิงตั้งครรภ์ที่มีเชื้อเอชไอวีแพร่เชื้อไปสู่ลูกในท้อง และในปัจจุบันมีเด็กประมาณ 14,000 คนที่มีเชื้อเอชไอวี โดยต้องมีชีวิตอยู่ท่ามกลางการถูกรังเกียจและการถูกเลือกปฏิบัติ
• ใน พ.ศ. 2553 มีเด็กและผู้หญิงกว่า 25,000 คนเข้ารับบริการจากศูนย์พึ่งได้ในโรงพยาบาลทั่วประเทศเนื่องจากถูกกระทำรุนแรง โดยร้อยละ 70 ของเด็กถูกกระทำรุนแรงทางเพศ
สิทธิต่างๆ ของเด็กนั้นได้รับการคุ้มครองภายใต้อนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก (Convention on the Rights of the Child – CRC) ซึ่งได้รับการรับรองจากที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติในพ.ศ. 2532 CRC ถือเป็นสนธิสัญญาด้านสิทธิมนุษยชนที่มีการยอมรับมากที่สุดในประวัติศาสตร์ โดยมี 193 ประเทศร่วมเป็นภาคี โดยประเทศเหล่านี้มีพันธะสัญญาที่จะต้องดำเนินการต่างๆ เพื่อประกันว่าเด็กทุกคนจะได้รับการปกป้องคุ้มครองจากอันตราย ได้เข้าถึงการศึกษาและบริการสุขภาพ และสามารถเติบโตและพัฒนาได้อย่างเต็มศักยภาพในสิ่งแวดล้อมที่เต็มไปด้วยความรัก ความเข้าใจ ตลอดจนมีสิทธิที่จะมีส่วนร่วมในเรื่องต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับตน
ประเทศไทยเองได้ร่วมเป็นภาคีในอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กเมื่อ พ.ศ. 2535 โดยตกลงที่ดำเนินการทั้งการออกกฎหมาย นโยบาย มาตรการต่างๆ ให้สอดคล้องกับอนุสัญญาฯ และทำให้เกิดการปฎิบัติได้จริง เพื่อประกันสิทธิของเด็กทุกคนในประเทศไทยโดยไม่มีการเลือกปฎิบัติ
“แม้เด็กจะมีสิทธิมนุษยชนทั่วไปเช่นเดียวกับผู้ใหญ่ แต่เนื่องจากเด็กเป็นวัยที่เปราะบาง จึงจำเป็นต้องได้รับการปกป้องคุ้มครองเป็นพิเศษ และต้องมีสิทธิบางข้อที่คำนึงถึงความต้องการพิเศษของเด็กด้วย” โฮซูมิกล่าว “ในการที่ประเทศไทยเป็นภาคีของอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก รัฐบาลจึงมีพันธะที่จะต้องดำเนินการต่างๆ เพื่อคุ้มครองเด็กและประกันว่าเด็กทุกคนในประเทศไทยได้รับสิทธิที่พวกเขาพึงมี”
ในปลายเดือนมกราคมนี้ คณะเจ้าหน้าที่ระดับสูงจากกระทรวงต่างๆ จะเดินทางไปยังกรุงเจนีวา ประเทศสวิสเซอร์แลนด์ เพื่อนำเสนอรายงานผลการดำเนินงานของประเทศไทยตามอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็กต่อคณะกรรมการสิทธิเด็กแห่งสหประชาชาติ ซึ่งเป็นข้อกำหนดภายใต้อนุสัญญาฯ ในการนี้ยูนิเซฟได้สนับสนุนให้ตัวแทนเด็ก 2 คนจากจังหวัดพระนครศรีอยุธยาและนราธิวาสเข้าร่วมประชุมเพื่อส่งเสริมการมีส่วนร่วมของเด็กด้วย
"ผมตั้งใจจะนำเสนอข้อเท็จจริง ประสบการณ์ในการดำรงชีวิตอยู่ในสามจังหวัดชายแดนใต้ว่าเป็นยังไง มันไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด ผมมีเพื่อนต่างศาสนาและผมอยากบอกว่าเราอยู่ร่วมกันได้และอยู่อย่างมีความสุข" นายภีมระพัฒน์ รองสวัสดิ์ ตัวแทนเด็กจากจังหวัดนราธิวาสกล่าว
